กระทู้นี้เป็นภาคสองของกระทู้ "ประวัติโรงงาน Guild" ครับ
http://acousticthai.net/webboard/index.php?topic=58116.0ประวัติโรงงาน Guild ภาคจบกีตาร์ Guild นั้นเกิดใด้หลังจากกีตาร์ Epiphone ย้ายโรงงานจาก New York, New York ไปเมือง Philadelphia, PA ในปี 1952 เพราะทะเลาะกับสหภาพแรงงานจนต้องปิดโรงงานไปสี่เดือน ตอนนั้นมีช่างเชื้อสายอิตาเลี่ยนหลายคนๆไม่อยากย้ายก็เลยไปชวน Alfred Dronge ซึ่งร่ำรวยมาจากการนำเข้าหีบเพลงชัก (accordian) จากอิตาลี่มาทำกีตาร์ยี่ห้อใหม่กันเล่นดีกว่า
ในปี 1952 นั้นดนตรีร้อคยังไม่เกิด พวกชนชั้นกรรมกรก็ฟังเพลง country ส่วนพวกคนมีสตางค์ก็ฟังเพลง jazz กีตาร์ Epiphone ในยุคนั้นเขาครองตลาดกีตาร์ archtop อยู่แบบ Gibson ต้องอิจฉา ตัวอย่างกีตาร์ Epiphone ที่วางขายในยุคนั้นดูใด้ข้างล่างครับ
Al Dronge นั้นเป็นคนคิดการไกลก็เลยตัดสินใจที่จะผลิตกีตาร์โปร่งขายด้วยแบบ Gibson ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับช่างที่ทำกีตาร์ archtop ใด้ ในปี 1956 กีตาร์โปร่งของ Guild มีราคาขายดังนี้ครับ
F-20 = $85, F-30 = $125, F-40 = $165, F-50 = $240
กีตาร์ไฟฟ้า archtop นั้นราคาสูงกว่าและกำไรมากกว่ากีตาร์โปร่งพอสมควร:
1. X-150 = $210, X-175 = $285, X-350 + $375, X-550 = $465
ในช่วงนั้นไม่มีใครคิดว่าดนตรี rock, folkและ country จะทำให้เกิดตลาดใหม่สำหรับกีตาร์โปร่งและไฟฟ้าในยุค '60s แผนการตลาดของ Guild จึงเน้นไปที่มือกีตาร์ jazz ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Gretsch หันไปหนุนมือกีตาร์ country แทน
ตอนนั้นไม่มีใครคิดหรอกครับว่าพวกขาร้อคฝั่งอังกฤษที่ชื่นชอบศิลปินอย่าง Chet Atkins และ Duane Eddy อย่างวง The Beatles, The Animals, The Who จะเอากีตาร์ Gretsch มาใช้จนขายดิบขายดีแบบผลิตไม่ทันในยุคนั้น ส่วนกีตาร์ไฟฟ้าของ Guild นั้นก็ขายใด้แบบเช้าชามเย็นชามเพราะไม่มีศิลปินใช้ (นอกจาก The Kinks)
ถึงจะไม่ติดกระแสเหมือน Fender, Gibson หรือ Gretsch แต่ Guild ก็ยังพยายามดันกีตาร์ไฟฟ้ามากกว่ากีตาร์โปร่งในยุค '60s ซึ่งเห็นใด้ในโฆษณาที่ส่วนใหญ่หนักไปทางกีตาร์ไฟฟ้าและแอมป์
ส่วนกีตาร์โปร่งของ Guild นั้นแม้ทางบริษัทไม่ใด้ไปจ้างศิลปินมา endorse แต่เสียงและคุณภาพของมันก็ทำให้ศิลปินที่ดังเป็นพลุแตกในยุคปลาย '60s อย่าง Paul Simon และ John Denver ใช้ Guild เป็นกีตาร์คู่กาย
Guild น่าจะโชคดีที่ยอดขายไม่ใด้เพิ่มแบบฮวบฮาบเหมือน Gibson และ Martin ในยุคนั้นทำให้กีตาร์ Guild ไม่ต้องลดคุณภาพลงเพื่อผลิตให้มากขึ้นเหมือนคู่แข่ง การลดคุณภาพแบบนี้ในที่สุดก็ทำให้ผู้บริโภคเสี่อมความนิยมดังเห็นใด้จากยอดขายของ Martin ในยุค '70s ถึง '80s (กีตาร์ Gibson ก็ขายไม่ออกเหมือนกันแต่หาตัวเลขไม่ใด้ครับ)
ลองมาเทียบยอดขายของกีตาร์อเมริกันสามยี่ห้อดูครับ
Martin นั้นเกือบล้มละลายในยุคต้น '80s ที่กระแส disco มาแรงและไม่มีวงไหนใชกีตาร์เป็นเครื่องดนตรีหลัก ส่วน Ovation นั้นฮิตติดลมบนไปแล้ว ยอดขาย Guild ซึ่งเป็นกีตาร์โปร่งเกิน 90% ตกลงบ้างแต่ก็ยังไม่เดือดร้อนครับ
เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ