Untitled Document

ผู้เขียน หัวข้อ: ปกติเก็บกีตาร์กันแบบไหนครับ  (อ่าน 1037 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sittigorn

  • member
  • ***
  • กระทู้: 119
  • เพศ: ชาย
  • อารมคือ อาวุธของ "นักดนตรี"
    • http://www.facebook.com/#!/EmotionIndyink
ปกติเก็บกีตาร์กันแบบไหนครับ
« เมื่อ: เมษายน 17, 2022, 18:53:18 »
ปกติผมเปิดแอร์ให้กีตาร์ที่เก็บไว้และ คุมความชื้นที่ 40-45 ครับ

ช่วงนี้ค่าไฟแพง  และห้องที่จะใช้เก็บกีตาร์ผมยังทำไม่เสร็จกำลังต่อเติม


อยากถามว่า ถ้าห้องต่อเติมเสร็จแล้ว เราควรเปิดแอร์ให้กีตาร์เหมือนเดิมไหมครับ  ช่วงนี้แดดร้อนกว่า 40องศา

ถ้าผมคุมความชื้นอย่างเดียวพอไหมครับ แม่บ้านเริ่มบ่นเรื่องค่าแอร์แล้วครับ

กฤษณ์

  • member
  • ***
  • กระทู้: 4,166
Re: ปกติเก็บกีตาร์กันแบบไหนครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 17, 2022, 22:24:39 »
ก่อนอื่นขอเคลียร์เรื่องที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดก่อนครับ

"ความชื้นสัมพัทธ์หรือ relative humidity คือตัวเลขที่ไร้สาระที่สุดที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน"

ถ้าคุณดูจากคำแนะนำของผู้ผลิตกีตาร์ที่บอกว่าให้เก็บกีตาร์ที่ RH = 45-55% แต่คุณอยูในประเทศไทยที่ RH เฉลี่ยทั้งปี = 73-80% แล้วคุณจะทำยังไง (ถ้าไม่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ)




ปัญหาของตัวเลขความชื้นสัมพัทธ์ก็คือมันบอกใด้แค่เพียงว่าความชื้นในห้องคุณมันมีอยู่กี่ % ก่อนที่ไอน้ำในอากาศมันจะรวมตัวเป็นหยดน้ำที่จุดน้ำค้างซึ่งมี RH = 100% ณ.อุณหภูมิของห้องในขณะนั้น อากาศยิ่งร้อนก็ยิ่งเก็บไอน้ำใด้สูงขึ้นอย่างมหาศาลและ RH ก็เป็นตัวเลขที่ไร้ความหมายถ้าไม่มีตัวเลขอุณหภูมิกำกับ

ไม้กีตาร์มันไม่สนใจเรื่อง RH แม้แต่น้อยเพราะมันไม่ใด้เรียนหนังสือมา มันรู้แต่ว่าว่าอากาศรอบๆมีไอน้ำมากกว่าตอนที่มันออกมาจากโรงงานมันก็จะดูดเข้าไปเก็บ ถ้ามีน้อยกว่ามันก็จะคายความชื้นในเนื้อไม้ออกมา ตัวเลขของปริมาณความชื้นในอากาศนี่เขาเรียกว่า "Humidity Ratio" ซึ่งมีหน่วยเป็นน้ำหนักของไอน้ำ (กรัม) ต่อน้ำหนักของอากาศแห้ง (กิโลกรัม) ซึ่งหาใด้จากชาร์ตด้านล่าง




Larrivee บอกว่ากีตาร์โปร่งของเขาไม่ควรเก็บที่ RH สูงกว่า 70% ที่อุณหภูมิ 22*C ถ้ายึดตัวเลขนี้เป็นหลักก็จะใด้ humidity ratio ที่ไอน้ำ 12 กรัมต่ออากาศแห้ง 1 กิโลกรัม

ถ้ายึดตัวเลขไอน้ำ 12 กรัมต่อ 1 กก. เอามาแปลงเป็นตัวเลขความชื้นสัมพัทธ์ณ.อุณหภูมิที่สูงขึ้นก็จะใด้ตัวเลขดังนี้

25*C RH 60%, 28*C RH 50%, 32*c RH 40%, 37*C RH 30% (ดูชาร์ตข้างบน)

ดังนั้นการควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงเกินไปจึงมีความสำคัญมากกว่าการควบคุม RH อย่างเดียวโดยไม่สนใจเรื่องความร้อนของอากาศครับ

เดี๋ยวจะมาเล่าต่อว่าผมเก็บกีตาร์ร้อยกว่าตัวของผมแบบไหนในอดีตและปัจจุบัน

sittigorn

  • member
  • ***
  • กระทู้: 119
  • เพศ: ชาย
  • อารมคือ อาวุธของ "นักดนตรี"
    • http://www.facebook.com/#!/EmotionIndyink
Re: ปกติเก็บกีตาร์กันแบบไหนครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 18, 2022, 00:30:15 »
ขอบคุณมากครับพี่กฤษณ์

กฤษณ์

  • member
  • ***
  • กระทู้: 4,166
Re: ปกติเก็บกีตาร์กันแบบไหนครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 18, 2022, 23:54:34 »
ตอนนี้ผมเก็บกีตาร์ใว้ทั้งที่บ้านและคอนโดที่ละร้อยกว่าตัว วิธีเก็บนั้นแตกต่างกันเยอะ ลองดูที่คอนโดก่อนครับ

ตอนผมซื้อคอนโดเมื่อ 30 ปีก่อนผมเลือกยูนิตที่หันไปทางทิศเหนือเพื่อประหยัดพลังงานดังนั้นอุณหภูมิภายนอกจึงไม่ร้อนมากนัก อุณหภูมิสูงสุด = 38.2*c ต่ำสุด = 18.7*C ความชื้นสัมพัทธ์สูงสุด = 94% ต่ำสุด = 22%




กีตาร์เกือบทั้งหมด (124 ตัว) ผมเก็บในห้องนอนและวางในห้องนั่งเล่นอีก 6 ตัว




ผมเปิดแอร์ในห้องนอนที่ 25*C วันละประมาณ 9 ชั่วโมง อุณหภูมิในห้องไม่เคยร้อนกว่า 29.5*C และความชื้นสัมพ้ทธ์ไม่เคยสูงเกิน 62% ทำให้กีตาร์ไม่มีอาการบวมน้ำครับ



สรุปว่าที่คอนโดผมไม่เสียค่าไฟเพิ่มสำหรับการเก็บกีตาร์เลยแม้แต่บาทเดียวซึ่งคุณคงทำอย่างผมไม่ใด้แน่นอนเพราะแฟนคุณคงไม่ยอม ดังนั้นลองมาดูวิธีเก็บกีตาร์อีก 100 ตัวที่ผมใช้ที่บ้านน่าจะเหมาะกว่า

ผมน่าจะเป็นคนเดียวในประเทศไทยที่สะสมกีตาร์ hollow body ยี่ห้อ Fender, Gibson, Heritage USA, Guild USA, Gretsch, D'Aquisto, D'Angelico และ Hofner Germany เพราะผมว่ามันหน้าตาสวยและเสียงดี ตอนนี้ก็มีอยู่ประมาณ 30 ตัวครับ




กีตาร์ archtop และกีตาร์ solid body นั้นไม่กลัวความชื้นเหมือนกีตาร์โปร่งผมก็เลยเก็บใส่กล่องใว้ในห้องที่ไม่มีการควบคุมความชื้น(แต่ไม่เปิดหน้าต่าง) และจะเอาออกมาโชว์เฉพาะตอนมีการสังสรรค์ที่บ้านเป็นครั้งคราวเท่านั้น

ส่วนกีตาร์โปร่งนั้นผมเก็บในตู้อีกห้องโดยเมื่อก่อนใช้เครื่องลดความชื้นแบบอัตโนมัตเปิดตลอดเวลาครับ




สมัยก่อนเครื่องลดความชื้นยังไม่มีของจีนมาตีตลาด ผมก็เลยต้องใช้ยี่ห้อ Bionaire รุ่น BD20 ซึ่งวางใจใด้ว่ามันจะไม่ทำให้เกิดไฟไหม้ถ้าเปิดทิ้งใว้ทั้งวันทั้งคืน

<a href="http://youtu.be/ORSUuSo03Uk" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/ORSUuSo03Uk</a>




ค่าไฟฟ้าสามารถคำนวนใด้ตามนี้ถ้ากำหนด RH ใว้ที่ 55%

คอมทำงาน 10 ชั่วโมง กินไฟ 360 วัตต์ พัดลมทำงาน 14 ชั่วโมงกินไฟ 20 วัตต์

ปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ต่อวัน = 10x360+14x20 = 3,880 wh ต่อวัน

ค่าไฟฟ้าเดือนนี้ = 4.42 บาทต่อยูนิต ค่าไฟฟ้าต่อวัน = 4.42x3.88 = 17.15 บาทต่อวัน (แค่เดือนหน้าค่าไฟชึ้นอีกยูนิตละ 23 สตางค์ครับ)

ความเปลี่ยนแปลงเมื่อโควิดมาเยือน

เมื่อก่อนนี้ผมเก็บกีตาร์ใส่กล่องใว้โดยไม่ผ่อนสายเพื่อความสะดวกในการหยิบออกมาเล่นเวลามีคนมาเยือนแต่สถานการณ์โควิดทำให้ผมต้องหาวิธีใหม่ในการเก็บกีตาร์โดยการลอกเลียนวิธีที่โรงงานผลิตกีตาร์เขาใช้กันทุกเจ้าโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องลดความชื้นเลย

ก่อนที่กีตาร์โปร่ง Martin หรือ Gibson มันจะมาถึงมือคุณนั้นมันต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควรคือ

1. ถูกขนโดยรถบรรทุกจากโรงงานในเพนซิลวาเนียร์หรือมอนตานามาถึงท่าเรือที่คาลิฟอร์เนียร์

2. เดินทางโดยเรืออีกเกือบสองเดือนในตู้คอนเทนเนอร์ที่ตากแดดตากฝนมาเมืองไทย

3. ถูกนำมาเก็บในโกดังของตัวแทนจำหน่ายจนกว่าจะมีคนมาซื้อซึ่งอาจใช้เวลาเป็นปีๆ

กีตาร์โปร่งนั้นถ้าความร้อนไม่ถึง 50*C ก็ไม่มีปัญหาเรื่องกาวละลาย ส่วนเรื่องความชื้นนั้นไม่มีปัญหา จะเก็บเป็นสิบปีมันก็ไม่เปลี่ยนจากค่าเดิมจากโรงงานครับ

ที่ความชื้นมันไม่เปลี่ยนก็เพราะเขาเอาถุงพลาสติกหุ้มมันใว้แถมยังใส่ silica gel ซองเล็กใส่ใว้ในกล่องกันเหนียวอีกด้วย ดังนั้นถ้าเป็นกีตาร์ที่เราไม่ใด้หยิบมาเล่นประจำเราก็ควรซื้อถุงพลาสติกมาหุ้มมันใว้ไม่ให้มันโดนอากาศภายนอกแล้วซีลด้วยกิ้บหนีบผ้าเหมือนกัน

ถุงพลาสติกขนาด 45"x60" อย่างหนาหาซื้อใด้ออนไลน์ในราคาถุงละ 20 บาทครับ Silica gel แบบเปลี่ยนสีราคากิโลละ 160 บาทเอามาแบ่งใส่ซองเล็กๆใส่ใว้ในกล่องกีตาร์ด้วยเพื่อดูดความชื้นที่หลงเหลืออยู่ในกล่อง

ถ้าเป็นกีตาร์ที่เล่นประจำที่ไม่อยากใส่ถุงก็ซื้อซองลดความชื้นของรถยนตร์มาใช้ก็ใด้แต่ต้องเอาออกมาใล่ความชื้นด้วยไมโครเวฟเดือนละครั้งสองครั้ง




ตอนนี้ค่าใช้จ่ายในการไล่ความชื้นที่บ้านผมก็เหลือ 0 บาทเหมือนที่คอนโดครับ การเก็บกีตาร์โปร่งนั้นควรคิดว่าในสถานที่ที่คุณอยู่ใด้กีตาร์มันก็อยู่ใด้เหมือนกัน สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องมีก่อนก็คือเครื่องวัดความชื้นซึ่งมีขายออนไลน์มากมายแต่ควรเลือกยี่ห้อดีๆหน่อยจะใด้ไม่เพี้ยน




ความชื้นสัมพัทธ์ (RH) ที่มีผลกับกีตาร์นั้นก็คือความชื้นภายในกล่องซึ่งขึ้นลงช้ากว่าความชื้นภายในห้อง ดังนั้นถ้าความชื้นในห้องกระโดดขึ้นไปเป็น 70-80% ตอนฝนตกความชื้นในกล่องมันก็ไม่ใด้ขึ้นตามทันทีแต่ไม่ควรเอากีตาร์ออกมาเล่นในตอนนั้นเพราะเสียงจะทึบมาก