จากประสพการณ์ของผมเอง ชนิด ยี่ห้อและรุ่นของไมโครโฟนมีความสำคัญน้อยกว่าปัจจัยอื่นๆสำหรับการอัดเสียงกีตาร์เพื่อเผยแพร่ทางสื่ออย่างเช่น Youtube หรือ Facebook Live ครับ
ไมค์คอนเดนเซอร์ไม่ว่าแบบ large หรือ small diaphragm ราคาตั้งแต่สองพันถึงสองแสนบาทก็สามารถถ่ายทอดเสียงของกีตาร์โปร่งใด้อย่างราบเรียบทุกย่านความถี่ ไมค์ small diaphragm ที่ใช้ติดกล้องใด้ก็ยังมีสเป็คดีพอที่จะรับเสียงของกีตาร์โปร่งใด้สบาย อย่างไมค์ที่ผมใช้ประจำก็คือ Shure KSM27 สองตัวสำหรับการอัดเสียงแบบจริงจังหรือ Rode Stereo Videomic ติดบนกล้องสำหรับการอัดแบบ candid ไมค์สองรุ่นนี้มีสเป็คต่างกันพอสมควร
จากสเป็คข้างบน Rode SVM รับย่านความถี่เพียง 40-20,000 Hz ซึ่งดูเหมือนย่านเบสจะน้อยไปแต่กีตาร์โปร่งนั้นความถี่ต่ำสุดอยู่ที่ 82 Hz จึงไม่มีผล ส่วน noise อยู่ที่ 20 dB. ซึ่งสูงกว่าไมค์สตูดิโอพอสมควรแต่ก็ยังไม่ดังพอที่จะใด้ยิน
ดังนั้นเสียงที่ใด้ Rode SVM ก็ควรจะเหมือนกับเสียงจาก Shure KSM27 แต่ในความเป็นจริงแล้วต่างกันเยอะครับ ในคลิปข้างล่างเป็นการ upload จากกล้องขึ้น Youtube โดยไม่มีการปรับปรุงเสียง
เสียงที่อัดจาก Rode SVM
เสียงจาก Shure KSM27 สองตัว กีตาร์ตัวเล็ก solid top ของ K. Yairi
เสียงจากไมค์ small diaphragm จะบางกว่า large diaphragm ในทุกกรณี
ไมค์ Pencilในด้านเทคนิคนั้นไมค์แบบ pencil นั้นด้อยกว่าไมค์ large diaphragm อยู่เรื่องเดียวคือมี noise เยอะกว่าแต่คุณสมบัติอย่างอื่นนั้นเหนือกว่าหมดอาทิเช่น
1. Transcient response เร็วกว่าเยอะเพราะ moving mass น้อยกว่า 4 เท่า
2. การตอบสนองในย่านความถี่สูงเหนือกว่าด้วยเหตุผลเดียวกัน
3. เสียงสะอาดกว่าเพราะ reject ambient noise และเสียงสะท้อนใด้ดีกว่า ดูใด้จากรูป pattern การรับเสียงรอบทิศทางด้านล่าง
Concert hall ที่จัดแสดงดนตรีคลาสสิคที่โด่งดังอย่างเช่น Berlin Philhamonic Concert Hall นั้นก็ใช้ไมค์ pencil ล้วนๆหลายสิบตัวห้อยลงมาจากเพดานสูง 22 เมตรเพื่อรับเสียงจากวงออเคสตร้า
ไมต์ pencil นั้นทำยากกว่าและราคาสูงกว่าไมค์แบบอื่นๆจึงเป็นที่นิยมสำหรับนักอัดเสียงระดับโปร พวกราคาคู่ละห้าหกพันบาทนั้นเสียงสู้ large diaphragm ไม่ใด้แน่นอน ที่ฝรั่งเขานิยมกันน่าจะเริ่มต้นที่ Rode NT5 ราคาคู่ละหมื่นต้นๆจนถึง Neumann KM184 คู่ละแปดหมื่นบาท ลองฟังคลิปเปรียบเทียบเสียงใด้ข้างล่างครับ
ถ้าฟังเสียงด้วยหูฟังดีๆแล้วก็ยังแยกไม่ค่อยออกว่ารุ่นไหนดีกว่ากันทั้งๆที่ราคามันต่างกันหลายเท่าตัวมันก็ไม่ใด้เป็นเพราะหูของคุณไม่ดีแต่เป็นเพราะความขี้เหนียวของ Youtube ครับ
ตอนนี้ Youtube เขาบีบอัดสัญญาณ audio ลงมาเหลือแค่ 128 kbps @ 44.1 khz. stereo ซึ่งเป็นคุณภาพของไฟล์ MP3 ระดับล่างอย่างคลิปข้างบนนี่ไฟล์ video ใช้เนื้อที่ไป 95% หลือเนื้อที่ให้ไฟล์ audio เพียง 5% เท่านั้น
นี่คือเหตุผลหลักที่ผมไม่ใช้ไมค์ราคาสูงเพื่ออัดคลิปลง Youtube แต่ถ้าใครจะซื้อมาใช้ก็ไม่ผิดกติกาเพราะในอนาคตอันใกล้พวกเว็บเหล่านี้อาจปรับปรุงคุณภาพเสียงของไฟล์ให้เท่ากับต้นฉบับก็เป็นใด้ (ปัจจุบันไฟล์ 4K โดนบีบอัดประมาณ 20 เท่าครับ)