เคยมีสี่ตัวคือ SD-50, OM-10, P-09FM และ P-03 ครับ ผมอัดคลิปใว้แค่สองตัวครับ
จำใด้ว่าทั้งสี่ตัวใส่สาย D'Addario PB .013-.056 ตามสเป็คโรงงานแต่ผมลดขนาดสายเป็น .012-.053 ทั้งหมดเพราะสาย medium gauge นั้นตึงเกินไปสำหรับอากาศเมืองไทยครับ
โรงงาน Larrivee เขาควบคุมอุณหภูมิที่ 22C และความชื้นสัมพัทธ์ที่ 40-45% และเขาก็ใด้อธิบายใว้ (อย่างละเอียดที่สุดที่ผมเคยเห็น) ว่าจะมีความเสียหายแบบไหนเกิดขึ้นถ้าห้องเก็บกีตาร์ของคุณมีอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ต่างไปจากค่านี้ ที่เขาอธิบายยืดยาวก็เพราะว่าความเสียหายประเภทนี้ไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน ลองไปอ่านทั้ง 14 หน้าใด้ในเว็บของเขาครับ ผมขอเอามาแต่เรื่องสำคัญมาลงในกระทู้นี้ก็แล้วกัน
Relative Humidity (RH) อย่างเดียวเชื่อถือไม่ใด้ตอนนี้ความชื้นสัมพัทธ์ในห้องเก็บกีตาร์ผมอยู่ที่ 52% ตามเครื่องวัดของ Taylor Guitars ซึ่งเขียนใว้ว่า RH 45-55% คือสวรรค์ของห้องเก็บกีตาร์โปร่งแต่เรื่องนี้กีตาร์ Taylor มั่วครับ ลองมาฟัง Larrivee เขาชี้แจงบ้าง
Larrivee เขาบอกเลยว่า RH นั้นไร้ความหมายถ้าอุณหภุมิเปลี่ยนไปเพราะกีตาร์มันไม่ใด้สนใจเรื่อง RH แต่ถ้าความชื้นในอากาศมากกว่าความชื้นในตัวมันตอนออกจากโรงงานมันก็จะดูดน้ำเข้าไป ถ้าน้อยกว่ามันก็คายน้ำออก ดังนั้นเราจึ่งต้องใช้ตัวเลขปริมาณไอน้ำในอากาศหรือ absolute humidity เป็นตัววัดไม่ใช่ relative humidity อย่างที่คนทั่วไปเข้าใจครับ
เราสามารถแปลงค่า relative humidity เป็น absolute humidity ที่อุณหภูมิต่างๆใด้จากกร้าฟด้านล่างครับ
จะเห็นใด้ว่าที่อุณหภูมิ 27.5C และ RH =52% ในห้องผมนั้นมีความชื้นรวมเท่ากับ RH 70% ที่อุณหภูมิ 22C ที่โรงงานผลิตซึ่งหมายความว่ากีตาร์ของผมมันจะดูดน้ำจนเกิดอาการบวมแน่นอนแต่จะเป็นอันตรายหรือเปล่าก็ต้องมาดูจากคำแนะนำของ Larrivee ครับ
จะเห็นใด้ว่าที่ RH 70% นั้นกีตาร์เริ่มบวมแล้ว บริดจ์จะยกขึ้นทำให้ action สูงขึ้นดังนั้นสาย medium gauge ที่เหมาะสำหรับอเมริกาและคานาดาจึงอาจตึงเกินไปครับ ถ้าเปลี่ยนเป็น light gauge เพื่อสุขภาพระยะยาวและหางเสียงที่ยาวขึ้นแลกกับความดังที่ลดลงเล็กน้อยจึงน่าจะเหมาะสมกว่า