Compressor คือสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการแสดงสดและการบันทึกเสียงที่มีคุณภาพแต่ไม่ค่อยมีใครใช้เป็น ผมขออธิบายในแง่ของการแสดงสดเท่านั้นนะครับ
Dynamic range คือความแตกต่างของดนตรีระหว่างตัวโน้ตที่ดังที่สุดและตัวโน้ตที่เบาที่สุด ดนตรีสดนั้นจะมี dynamic range ประมาณ 80 dB ถ้าเป็นการแสดงดนตรีคลาสสิคสดใน concert hall ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ compression เพราะ background noise ต่ำมาก (35-40 dB) และถ้าโนัตดังสุดบวกเข้าไป 80 dB ก็ไม่มีเพื่อนบ้านโทรฯแจ้งตำรวจแน่นอน
สำหรับมือกีตาร์โปร่งทั่วไปนั้นเวทีที่ใช้แสดงน่าจะเป็นตามร้านอาหารมากกว่า บางครั้งก็เป็นร้านกลางแจ้งด้วยซ้ำ ร้านเหล่านี้มีทั้งเสียงลูกค้า เสียงรถยนตร์และสารพัดเสียงรบกวน ในสถานการณ์แบบนี้ลองมาดูว่า compressor มีประโยชน์อย่างไรในรูปข้างล่างครับ
กร้าฟตัวบนคือความดังของดนตรีสดที่คุณเล่นก่อนขยายเสียง คุณจะเห็นใด้ว่าคนฟังจะไม่ใด้ยินเสียงดนตรีส่วนใหญ่เพราะเสียงมันเบากว่าเสียง background สีชมพู ถ้าคุณเร่งเสียงให้ดังจนกลบเสียงรบกวนย่านเสียงดังสุดก็จะดังจนลูกค้าบ่นว่าหนวกหูแน่นอน
วิธีแก้ก็คือใช้ compressor มากดเสียงดังให้ค่อยลงและยกเสียงเบาให้ดังขึ้นแล้วถึงขยายทั้งหมดอย่างในกราฟด้านล่าง ตัว compressor ในเครื่องของคุณนั้นมีปุ่มปรับอยู่สองปุ่มคือ COMP และ ATK
ATK = Attack เป็นตัวปรับว่า compressor จะกดสัญญาณลงเร็วแค่ไหน ถ้ากดช้าหัวเสียงก็จะยิ่งดังครับ
COMP = Compression Ratio เป็นตัวกำหนดว่าเราต้องการกดสัญญาณลงมากแค่ไหน ดูเขาอธิบายใน Youtube ดีกว่าครับ