"Made in USA" ฝันร้ายในอดีตของ Chris Martinเรื่องนี้ต้องขอย้อนอดีตไปถึงยุค 1980s ครับ
ในยุคนั้นกีตาร์อเมริกันโดนแย่งตลาดอย่างหนักหน่วงโดยกีตาร์ "Made in Japan" ที่ราคาถูกกว่าแต่คุณภาพเสียงและงานไม่ใด้เป็นรองมากนัก อย่าง Martin ที่ตอนนี้มียอดขายปีละแสนตัวแต่ในปี 1980 มียอดขายแค่ 3,000 ตัวจนแทบจะเอาตัวไม่รอด Fender เป็นเจ้าแรกที่แก้เกมโดยไปหุ้นกับญี่ปุ่นเพื่อผลิต Fender Japan ออกมาขายในปี 1982 Gibson นั้นย้ายไปจ้างผลิต Epiphone ในเกาหลีและออกโฆษณาปลุกกระแสรักชาติโดยเน้นคำว่า "Made in USA" คือสุดยอดของงานฝีมือ
ส่วน Martin นั้นก็หันไปขอความช่วยเหลือจาก Tokai Gakki ที่ผลิตกีตาร์ Sigma by Martin ให้ส่ง Body และคอมาให้โรงงาน Martin ในอเมริกาประกอบและทำสีเพื่อจะสู้ราคากับกีตาร์ญี่ปุ่น Martin ซีรี่ย์นี้คือ Martin Shenandoah ที่เริ่มขายในปี 1983 และก็ทำรายใด้เพิ่มให้จนพอลืมหน้าอ้าปากใด้เลยไม่ต้องขายยี่ห้อทิ้งเหมือนกับ Fender ในปี 1985 และ Gibson ในปี 1986
Martin Shenandoah ขายดิบขายดีเพราะราคาถูกแต่ตีตราว่า "Made in USA" เต็มๆครับ
ในปี 1983 นั้น Chris Martin ยังเป็นแค่รองประธานอยู่แต่พอใด้ขึ้นมารับผิดชอบเต็มตัวในปี 1985 ก็ใด้เจอกับฝันร้ายเมื่อมีข่าวลือกันไปทั่วว่า Martin หลอกลวงผู้บริโภคเพราะแต่เอากีตาร์ญี่ปุ่นมาต่อคอเข้ากับลำตัวและเคลือบแลกเกอร์แต่อ้างว่าเป็นกีตาร์ "Made in USA" ต่อมาเขาก็เลยต้องแปะป้ายใหม่ว่ารุ่นนี้ประกอบในอเมริกาจากชิ้นส่วนที่ผลิตในญี่ปุ่น เรียกใด้ว่างานนี้ Chris Martin หน้าแตกยับเยินครับ
Fast Forward มาถึงยุคปัจจุบันกันเลย ความจริงแล้วกฎของ Federal Trade Commission (FTC) ตั้งแต่ปี 1997 เขาระบุใว้ดังนี้ครับ
"It will not be considered a deceptive practice for a marketer to make an unqualified U.S. origin claim if, at the time it makes the claim, the marketer possesses and relies upon competent and reliable evidence that: (1) U.S. manufacturing costs constitute 75% of the manufacturing costs for the product; and (2) the product was last substantially transformed in the United States."[2]"สินค้าที่ระบุว่าผลิตในอเมริกาจะต้อง (1) มีตันทุนการผลิตในอเมริกาไม่น้อยกว่า 75% ของต้นทุนรวมทั้งหมดและ (2) งานขั้นตอนสุดท้ายต้องทำในอเมริกา" ตามเงื่อนไขนี้กีตาร์ผ่านฉลุยแน่นอนเพราะต้นทุนส่วนใหญ่เป็นค่าแรง ค่าใช้จ่ายประจำและค่าการตลาดซึ่งอยู่ในอเมริกาทั้งหมด
เหตุผลที่ Chris Martin เกิดอาการวิตกจริตจนต้องลบตัวหนังสือ "Made in USA" ทิ้งก็เพราะ California ดันออกกฏหมายรัฐมาทับกฎหมายแม่ในปี 2014 ว่าสินค่าที่โฆษณาว่าผลิตในอเมริกาจะต้องประกอบด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตในอเมริกาทั้งหมด ความจริงแล้วคนที่สติไม่ฟั่นเฟือนก็ควรจะสำนึกว่าในยุค globalization นั้นสินค้าอุปโภคที่ทำในประเทศเดียวทั้งหมดนั้นมีน้อยมาก ขนาดผ้าไหมไทยส่วนใหญ่เรายังซื้อใยไหมมาจากญี่ปุ่นมาทอเลย
กฏหมายสติแตกนี้โดนด่ามากกว่ากฏหมายเข็มขัดนิรภัยของไทยซะอีกจนเขาต้องแก้ไขเป็นเวอร์ชั่นใหม่ดังนี้ครับ
"Merchandise may be labeled as “Made in the USA” if either: (1) all non-domestic parts constitute no more than 5 percent of the final wholesale value of the product; or (2) a manufacturer can show that a specific part could not be obtained within the U.S. and that part does not constitute more than 10 percent of the final wholesale value." "สินค้าจะโฆษณาว่าผลิตในอเมริกาใด้ต่อเมื่อ (1) ชิ้นส่วนที่นำเข้ามีมูลค่าไม่เกิน 5% ของต้นทุนรวม หรือ (2) ชิ้นส่วนนั้นไม่มีการผลิตในอเมริกาและมีมูลค่าไม่เกิน 10% ของตันทุนทั้งหมด"
ตามสเป็คนี้กีตาร์ก็ผ่านสบายเหมือนกันแต่ผมว่า Martin คงไม่กลับมาใช้คำว่า "Made in USA" อีกแล้วเพราะไม่อยากหน้าแตกเป็นครั้งที่สาม
งานนี้เรื่องดื้อหัวชนฝาต้องยกให้ Gibson เป็นพระเอกเพราะเขาไม่สนใจเรื่องนี้เลย กีตาร์ที่บ้านผมตั้งแต่ปี 2014-2017 ก็สแตมป์ Made in USA ทุกตัว
ส่วน Taylor ผมไม่ทราบเพราะไม่มีกีตาร์ปีใหม่ๆ
Fender นั้นโดนเล่นที่ญี่ปุ่นเรื่องนี้มาเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว เขาเลยแก้ง่ายๆโดยเปลี่ยนคำว่า "ผลิต (made)" มาใช้คำว่า "ประดิษฐ์ (crafted)" กับ Fender Japan ตั้งแต่ปี 1997 และก็เอามาใช้กับ Guild ด้วยตั้งแต่ย้ายโรงงานมาที่ Corona, CA