Untitled Document

ผู้เขียน หัวข้อ: Gibson. ใช้สายกีต้าร์เบอร์ .13ไหวมั้ยครับ  (อ่าน 9853 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

น้าตั้ม มูเก้น

  • member
  • ***
  • กระทู้: 1,276
  • www.mugenguitarshop.com
    • www.mugenguitarshop.com
Re: Gibson. ใช้สายกีต้าร์เบอร์ .13ไหวมั้ยครับ
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2013, 23:39:30 »
กระทู้นี้ดีมากๆครับ สาระเยอะจริงๆ^^
เรื่อง tension นี่สำคัญกับกีต้าร์มากจริงๆครับท้องป่องนี้น่าจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับชาติไทยจริงๆครับ^^
ความชื้นไม่สามารถหลบได้
daddario exp
www.mugenguitarshop.com
MUGEN_guitar_SHOP

Harry5

  • member
  • ***
  • กระทู้: 126
  • เพศ: ชาย
Re: Gibson. ใช้สายกีต้าร์เบอร์ .13ไหวมั้ยครับ
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2013, 18:30:38 »
ฟันธงเลยคับใส่ไม่ได้คับแค่เบอร์12คอก็แทบยกแล้วคับ กิ๊บสันไม่มีไม้รองคอใต้ฟิงเกอร์บอร์ด
ในช่องซาว์ดโฮ ไม่เชื่อลองถอดสายออกแล้วเอามือล้วงเข้าไปคลำบริเวณใต้คอในช่องซาว์ดโฮดู
มันจะไม่มี แต่พวกยามาฮ่าหรือกีต้าร์เจแปนจะมีไม้อยู่ก้อนนึงสี่เหลี่ยมๆอยู่ใต้คอในช่องซาว์ดโฮ
แต่มาร์ตินกับเทเลอร์ผมยังไม่เคยคลำดู เพราะฉนั้นผมฟันธงเลยว่าใส่ไม่ได้คับ ท้องอาจจะไหวแต่
คอไม่ไหวแน่ อย่าเสียงเลยคับถ้าคอยกแล้วแก้ให้เหมือนเดิมไม่ได้นะคับ

chinana

  • member
  • ***
  • กระทู้: 292
Re: Gibson. ใช้สายกีต้าร์เบอร์ .13ไหวมั้ยครับ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2013, 19:08:09 »
ขอบคุณน้าๆทุกท่านครับ.   ที่เข้าให้ความรู้ในเรื่องของสายกีต้าร์ที่ขนาดของสายกีต้าร์ที่ต่างกันมีแรงดึงของสาย

ที่ต่างกันแล้วก็ส่งผลต่อกีต้าร์โดยตรง. ทั้งคอ ,bridge ,กีต้าร์อาจจะท้องป่องได้. หวังว่าคนที่เข้ามาอ่านจะได้

รับความรู้เกี่ยวกับสายกีต้าร์เหมือนผมครับ.       ขอบคุณมากครับ :)

nhoy

  • member
  • ***
  • กระทู้: 3,179
Re: Gibson. ใช้สายกีต้าร์เบอร์ .13ไหวมั้ยครับ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2013, 17:22:49 »
เรื่องแรงดึงของสายกีตาร์


เรื่อง Tension ของสายกีตาร์นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับบ้านเราที่มีอากาศชื้นเกือบทั้งปี กีตาร์ solid top นั้นตอนออกมาจากโรงงานไม้หน้าจะโค้งเพียงเล็กน้อยตามมาตรฐานของผู้ผลิต พอมาอยู่ในอากาศชื้นไม้หน้ามันก็จะขยายตัวออกทางด้านข้างเพราะมันดูดน้ำในอากาศเข้าไป เมื่อไม้หน้าขยายตัวแต่ขยายไม่ใด้เพราะติดกรอบไม้ข้างมันก็ต้องโก่งขึ้นครับ ในขณะเดียวกัน bridge ก็ยังโดนแรงดึงของสายที่ทำให้ไม้หน้าโก่งเพิ่มขึ้นไปอีก ถ้าไม่สนใจเรื่องความชื้นเลยและใช้สายเบอร์ใหญ่มากก็มีโอกาสที่กีตาร์จะท้องป่อง คอยก หรือ bridge ยกครับ

แรงดึงหรือ tension ของสายกีตาร์โปร่งที่ bridge ต้องรับนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย 4 อย่างครับ

1.   String gauge หรือขนาดของสาย
2.   String type ชนิดของสาย
3.   Pitch การตั้งสาย ถ้าตั้งแบบมาตรฐานคือ E-E
4.   Scale length ระยะห่างจาก nut ถึง saddle
 
โดยมีสมการในการคำนวณแรงดึงดังนี้ครับ




สมการข้างบนนั้นค่อนข้างจะยุ่งยากแต่ไม่ต้องไปสนใจหรอกครับเพราะเดี๋ยวผมจะคำนวณมาให้

เรื่องแรกที่หลายคนไม่ทราบเพราะไม่มีผุ้ผลิตรายไหนบอกก็คือเรื่องนี้อย่างชัดเจนก็คือสายกีตาร์โปร่งนั้นมีหลายชนิดอาทิเข่น 80/20, Phosphor bronze, Silk& Steel เป็นต้น สายแต่ละชนิดที่ขนาดเดียวกันมีแรงดึงไม่เท่ากันนะครับ ดูจาก chart ด้านล่างใด้ครับ




ในบ้านเราผมเห็นคนใช้สาย PB กันเป็นส่วนใหญ่ทั้งๆที่ผู้ผลิตหลายรายอย่าง Taylor เขาใส่สาย 80/20 มาจากโรงงาน ถ้าคุณเล่นแล้วรู้สึกเจ็บนิ้วก็ลองเปลี่ยนไปใช้สาย 80/20 ดูครับเพราะแรงดึงมันน้อยกว่า ส่วนสาย Silk and Steel นั้นเขาใช้ไยไหมมาทำไส้จึงมีแรงดึงต่ำมากเหมาะสำหรับกีตาร์เก่าๆครับ

เคยเห็นมีคนถามเรื่องการตั้งสาย Eb ว่าจะลดแรงดึงไปเยอะไหม ผมเลยคำนวณและสรุปไว้ให้ใน chart ข้างล่างครับ



...กีตาร์ใส่สายเบอร์ 12 ตั้ง Eb มีแรงดึงน้อยกว่าใส่สายเบอร์ 11 ตั้ง E
...กีตาร์เสกลสั้นใส่สายเบอร์ 12 มีแรงดึงของสายมากกว่ากีตาร์เสกลยาวใส่สายเบอร์ 11 นิดเดียว
...  Taylor GS Mini ใส่สายเบอร์ 12 มีแรงดึงไกล้เคียงกับกีตาร์ปกติที่ใส่สายเบอร์ 10

ผมสะสมกีตาร์มาสี่สิบกว่าปีตั้งแต่ Internet และ Google ยังไม่เกิด สมัยก่อนนั้นข้อมูลหายากหรือหาไม่ใด้ครับ บางครั้งต้องรอจนกีตาร์พังก่อนแล้วถึงจะมารู้ทีหลังว่าพังเพราะอะไร เดี๋ยวนี้กีตาร์ของผมใส่สายเบอร์เดียวกับที่โรงงานเขาใส่มาทุกตัว เวลาเก็บไม่เคยผ่อนสายและรับรองใด้ว่าไม่มีอาการท้องป่องแม้แต่ตัวเดียว
ขอบคุณน้ากฤษณ์ ด้วยครับ :) เป็นประโยชน์มากครับ