>>>>>แนวคิดพื้นฐานของหลักการสังเขปเกี่ยวกับ Curved Style Back(ที่มาของกีต้าร์ไม้หลัง๓ชิ้น)<<<<< ความนูนโค้งของBack(ที่ป่องออกมา)เช่นเดียวกับส่วน Top ของกีต้าโปร่ง แม้ Flattop ยังถูกสร้างด้วยความนูนโค้งน้อยๆ เช่นเดียวกันกับ การสร้างนูนโค้งละเอียดที่บน Arch top ของกีต้าร์แจ็ส ความนูนโค้งของ Curved Style Back ด้วยที่ให้ความรู้สึกสัมผัสเสมือนความสะดวกมือที่จับคอกีต้าร์เช่นเดียวกับที่ใช้บน Flattop
กล่าวสั้นๆว่า Sound Properties ที่เล่นแล้วได้เสียงแน่นที่เกิดขึ้นอย่างมี Projection ที่ดีกว่า สร้าง Negative Phase เสียงซ้อนกับ ส่วน Top กล่าวคือถ้ากีต้าร์หลังยิ่งแบน ก็จะส่งผล กระทบต่อ Projection และ Volume เสียงได้
ดังนั้น Back & Side จำเป็นต้องคำนึงถึงการเพิ่ม Colorเสียงสำหรับ Primary Tone ที่ Generate ขึ้นโดยเช่นเดียวกันกับเปียโน กับ
Resonance(การกำธรเสียง)ของกีต้าร์ชั้นนำ.......นี่เองเป็นเหตุให้มีการมุ่งหน้าวิวัฒนาการแผ่นหลังกีต้าร์........(เพียงเล็กน้อยส่วนใหญ่ๆได้เคยกล่าวไว้นานแล้ว ไม่ต้องการนำมากล่าวซํ้าอีก)
>>>>>>System's Energy Transfer Efficiency(มาให้ได้สดับพอสังเขป หากได้โอกาสเลือกกีต้าร์ก็ต้องเลือกให้ดีที่สุด)<<<<<<<< Soundboardของอะคูสติคกีต้าร์(Top)ที่ส่งผลอย่างมากต่อความดังของกีต้าร์โปร่ง โดยเปรียบเสมือนเป็นภาคขยายของ Processโดยปราศจากการใช้พลังงานจากภายนอกในการเพิ่มความดังของเสียง(อย่างในElectronic Amplifiers)
พลังงานทั้งปวงโดยแหล่งกำเนิดจากสายกีต้าร์จากSound Boardที่พื้นที่เพิ่มสำหรับการแกว่ง(Mechanical Impedance
Matching) Soundboardสามารถขยับตัวได้ง่ายมากกว่าสายกีต้าร์เดี่ยวๆ เนื่องจากความกว้าง และความแบน นี่เองที่ทำให้เข้าระบบที่ว่า
System's Energy Transfer Efficiency ที่แผ่ขยายความดังให้ได้ยิน
ในทางบวกอะคูสติคกีต้าร์ที่ลำตัวกลวง ผนวกกับ ตัวแปรอื่น และผลResonance ที่เพิ่มขึ้นด้วยจากการส่งผ่านพลังงานความถี่ตํ่าทั้งมวล ปริมาณอากาศที่บีบอัดตัวจากการกำธร และรูแบบบปการสั่นสะเทือนของสายกีต้าร์ และSound Board ในความถี่ย่านตํ่าที่ขึ้นอยู่กับกีต้าร์ขนาดของกีต้าร์ประกอบเข้าด้วยกันเป็นเสียงเสมือน ที่เรียกว่า Helmholtz Resonance จะเพิ่ม หรือลดความดังเสียงได้จากค่าอากาศที่เคลื่อนที่ด้วยPhase in หรือ Phase outโดยตัวสายกีต้าร์ เมื่อPhase in ระดับเสียงจะเพิ่มขึ้น 3 เดซิเบลส์(dbs.) แต่เมื่อ Phase out ระดับเสียงลดลง3dbs.(ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้สร้างกีต้าร์ว่าจะใช้เทคนิคการสร้างอย่างไร)จาก Helmholtz Resonance อากาศที่กำลังเปิดโดยการสั่นในหรือนอก Phaseด้วยAir Box และสายกีต้าร์ การกำธรทั้งมวลจากการกระทำภายในอย่างยิ่งยวดเสมือนamplifierขยายเสียงย่านต่างๆ
ด้วยการเพิ่ม หรือเค้นความหลากหลายของ Harmonic Tones ปรากฏกาณ์สูงสุดของการขยาย และอัดอากาศเชิงซ้อนออกภายนอกสู่ Sound Hole ได้เสียงเสมือนหนึ่งไวโอลินหมู่ตามขวนการเชิงซ้อนของ Matching in Impedance สัมบูรณ์ในอากาศ
ด้านหลักการเสียงเชิงซ้อนที่Modulateในอะคูสติคกีต้าร์ เช่นสายสู่ Sound Boardเพื่อบีบอัดพร้อมกันออกสู่อากาศ สำหรับไม้หลังกีต้าร์ที่ขยับสั่น และผลักดัน แผ่ขยายการขยับมวลอากาศขับสู่ภายนอก ด้วยFunctionsภายในตัวเองของระบบอะคูสติคไปสู่การColor the Sound และการขยายของ Harmonics และการGenerate ไปเพิ่มความซับซ้อนของพลังสู่อากาศอย่างสูงสุดแล้วทำให้เราสามารถรับรู้ระดับความดังเสียงที่ได้ยิน
ดังนั้น แนวทางการปรับความซับซ้อนของไม้หลังกีต้าร์จึงเกิดขึ้นด้วยไม้3ชิ้นที่ก่อเกิดการDecay Timesขึ้น เนื่องมาจากขณะที่พลังจากสายกีต้าร์ถูกส่งผ่านด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ(ที่ปราศจากการขยาย)ความดังที่กีต้าร์จำกัดเวลาความสั่นสะเทือนเสมือนซ่อม(เสียง)สั่นตัวนั่นเอง
>>>>>>>>>>เกร็ดเล็กน้อย สำหรับที่มาการ Research ไม้หลัง3ชิ้น(ยังมีหลักPhysicอีกมาก)<<<<<<<<<<<<<<Helmoltz
Resonator..............(หลักพื้นฐานการDesignอะคูสติคกีต้าร์) การออกแบบกีต้าร์โปร่งที่ตั้งอยู่บนส่วนสัณฐานที่เป็นหลักการนับตั้งแต่ ประวัติความเป็นมา, การวิวัฒนาการและโครงสร้างของ อะคูสติคกีต้าร์ที่อยู่ในหลักการกำธรHelmoltz, ลายไม้และ จำนวนแผ่นไม้หน้า-หลัง, โครงสร้างBodyและทางเลือกวัสดุ และความแตกต่างด้านการออกแบบโครงสร้าง, ความหลายหลากของขนาดและรูปแบบกีต้าร์และประสิทธิภาพอะคูสติค และทิศทางใหม่ของการออกแบบกีต้าร์
Sound hole กับVolumeของมวลอากาสที่ประจุภายในBody อาการกำธรของความถี่ย่านตํ่าอย่างนุ่มนวล และการขยายBassของกีต้าร์ ทางวิทยาศาตร์รูปแบบการกำธรอ้างถึงหลักHelmoltz Resonance เป็นชื่อนักฟิสิคส์ชาวเยอรมัน ร่วมกับ Herman Ludwig Ferdinal von Helmoltz(1824-1894) ด้วยรูปแบบบริสุทธิ์ของHelmoltz Resonance คือ โพรงกลมกลวงที่เปิด ปกติจะมีลักษณะของTubeภายในอากาศจะไหล หรือOsillateผ่านตรงไปยังการเปิดTubeด้วยความถี่จากการกำธร ซึ่งถูกกำหนดด้วยค่าอากาศที่อยู่ภายในทรงกลมที่มีขนาด และเส้นผ่าศูนย์กลาง Helmoltzใช้Setsของการกำธร, แรงการปั่นจากBass และความถี่คลื่นเสียงในรูปแบบการวิเคราะห์รายละเอียดเชิงซ้อน
The Helmoltz Effects ช่วยการกำธรสูงๆที่เป็นเสียงกลางของSound Board และขยายการตอบสนองของ Bass ถ้าปราศจากการกำธรหลักของตัวSound Board จะทำให้เกิดเสียงแปล่งไม่พึงปรารถนา หรือปราศจากการตอบสนองของBass เป็นที่ประจักษ์ว่าปี
1803 Body Volume และ Sound Holeจะต้องเลือกให้ได้ขนาดจำเพาะ เพราะประสบการณ์การทดลองมาแล้วว่าApplicationของการกำธรHelmoltzไม่ได้ทำให้นักสร้างกีต้าร์(Luthiers)เข้าใจเสมอ!!!
สูตรการกำธรความถี่.........f=c/(2 pyle) [square root{ S/VL}]
f=frequency of resonance หน่วยวัดใช้เฮิร์ท(Hz) ,c=ความเร็วเสียงในอากาศ(343m/s), S=พื้นที่ของTube, V=อากาศในโถงกีต้าร์
L=ความยาวTube
สำหรับกีต้าร์ความยาว L ของการกำธรของTube จะเสมือนถูกทำให้ย่อขนาด หรือ 3 ม.ม.ของSoundboard อย่างไรก็ตาม
ทีคุณลักษณะอากาสเมือนเป็นก๊าซที่เรียกว่า " End Effect "ที่จะต้องให้เป็นไป ผลจากความยาวTube โดยประมาณ1.6เท่าของรัศมีSound holeบวกด้วยความยาวของtop
ลองอนุมานดูจากบทวิจารณ์ของผู้ครอบครองกีต้าร์ 3 pcs back ดูบ้าง >>>>>>>>>>>> ความเห็นของBAXTER จาก acoustic guitar forum.............ให้ท่านพิจารณาดูเองละกันครับ
Awesome guitar. I actually was able to A / B one with a 3 piece back vs. one with the 2 piece back. I chose the 3 piece back. It seemed to have
a more noticable lower end. The 3 piece back is beautiful................คัดมาให้อนุมานตามจริง
>>>>>>>>>>>>
:Dนี่ก็จากMusician friend...................................ที่อ้างว่าเป็นแฟนTaylor>>>>>
The new expression system has a wide, glassy sound, and the 3-piece back gives the guitar a touch
more bass. It has standard-setting playability. I love this instrument. Not cheap, but
worth every penny! >>>>>>>>>>>>นี่ก็อีกความเห็นจากผู้ใช้ I agree that the vast major of the voicing comes from the top and bracing, but Martin D-35's (3 piece back) are known to have
more bottom end pretty much as a rule over the other dreads.That's a fair assumption, but and however, it could be that a three piece back contributes to superior tone, not inferior tone which seems to be the tenor of the question. I owned a 3 piece backed Goodall made from Madagascar Rosewood, great guitar! I think one would be hard pressed to hear a tonal difference between two guitars that are otherwise identical but that one has a two piece back and one has a three piece back.
>>>>>>>>>>>>ความเห็นที่หลากหลายโดย rforman15 จาก acousticguitarforum.....................ยังคงเห็นว่า
That's a fair assumption, but and however, it could be that a three piece back
contributes to superior tone, not inferior tone which seems to be the tenor of the question. I owned a 3 piece backed Goodall made from Madagascar Rosewood, great guitar! I think one would be hard pressed to hear a tonal difference between two guitars that are otherwise identical but that one has a two piece back and one has a three piece back.
>>>>>>>>>>>>All I can say is Martin 3 piece back guitars are known
for their deep bass, even against similarly braced dreads, if something else is the cause I am open to hear it.............peace
>>>>>>>>>>>>>>>>>ดูแนวคิดการสร้างกีต้าร์MARTINแล้วน่าคิด<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<