ผมพอมีความรู้เรื่องสเกลอยู่บ้าง จะขอตอบเท่าที่ตอบได้นะครับ
1. มีเยอะแยะมากมายเลยครับ อาจเกิน 100 สเกล ได้เพราะนอกเหนือจาก Major Scale, Minor Scale ต่างๆ แล้ว ยังมีสเกลประจำชาติ (ขอใช้ศัพท์นี้นะครับ) อย่างเช่น Spanish Phrygian Scale, Arabian Scale, Chinese Scale ซึ่งจะค่อนข้าง Advanced ขึ้นไปแล้ว น้า akera1234 อาจจะยังไม่ต้องสนใจก็ได้ ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น ทำความเข้าใจกับ Major Scale, Minor Scale ให้เข้าใจก่อน แล้วค่อยเขยิบขึ้นไปก็ได้ครับ
2. C Major Scale เป็นรูปแบบหนึ่งของสเกลครับ ถ้าหากว่าเราไล่สเกล C Major อย่างไร แล้วอยากไล่ D Major Scale ก็สามารถไล่ในฟอร์มเดียวกันกับ C Major ได้เหมือนกัน โดยเขยิบขึ้นไป 2 เฟรตครับ เช่น ถ้าไล่สเกล C Major ที่เฟรต 5 สาย 3 ขึ้นไปสาย 1 แบบนี้แล้วอยากไล่สเกล D Major บ้าง ก็เขยิบขึ้นไปเล่นที่เฟรต 7 ด้วย Pattern นิ้วเดียวกันได้เลยครับ
3. ปกติผมดูแต่ว่าสเกลนั้นๆ เป็น Major หรือ Minor นะครับ อันนี้แนะนำว่าให้ไล่ Major Scale ให้เป็นก่อนหรือหาความรู้เกี่ยวกับขั้นคู่ัสักเล็กน้อยนะครับ โดยผมจะดูที่ขั้นคู่ 3 คือโน้ตตัวแรกกับตัวที่ 3 ของสเกลที่เรากำลังดูว่าเป็น Major 3rd หรือ Minor 3rd นะครับ อย่างเช่น A Major Scale ก็จะมีโน้ต A B C# D# E F# G# ครับ ก็ดูที่โน้ต A กับ C# ถือเป็นคู่ 3 Major ก็เป็นสเกล Major ส่วน A Minor Scale จะมีโน้ต A B C D E F G ก็ดูที่โน้ต A กับ C ถือเป็นคู่ 3 Minor ก็เป็นสเกล Minor ครับ (ส่วน Diminished ไว้ให้น้าที่รู้มาตอบเพิ่มนะครับ)
4. ข้อนี้ผมเข้าใจว่าเกี่ยวกับเรื่องของ Notation ในการเขียนโน้ตในสเกลนะครับ คือว่าตามหลักของทฤษฎีดนตรีสากลแล้วเนี่ย เวลาเขียนโน้ตในสเกลเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษจะไม่ใช่ตัวอักษรซ้ำนะครับ อย่างเช่น C Major Scale ก็จะเขียนเป็น C D E F G A B อันนี้ไม่มี sharp กับ flat เลย เลยอาจจะมองไม่ออก แต่อย่างกรณี G Major Scale ที่น้า akera1234 ยกขึ้นมาแล้วบอกว่าไม่มี flat อันนี้พอจะเป็นตัวอย่างได้ G Major Scale จะประกอบด้วยโน้ต G A B C D E F# ซึ่งโน้ตตัว F# นี้สามารถเขียนได้อีกแบบหนึ่งที่ได้เสียงตรงกันคือ Gb แต่ถ้าเอามาเขียนเป็น G A B C D E Gb แบบนี้ถือว่าผิดหลักของทฤษฎีดนตรีสากลครับ เพราะใช้ G ซ้ำกัน 2 ตัว
5. ข้อนี้ขอตอบแบบอาจจะไม่อิงตามทฤษฎีนะครับ เพราะอาจจะงงได้ ตัวผมเองก็อธิบายไม่ค่อยจะุถูกเหมือนกัน คือจาก Major Scale หรือ Minor Scale เนี่ย ถ้าหากว่าเราเริ่มต้นจากโน้ตที่ไม่ใช่โน้ตตัวแรก อย่าง C Major Scale มีโน้ต C D E F G A B แบบนี้ ถ้าผมไปเริ่มที่โน้ต D แทนก็จะได้เป็น D E F G A B C ซึ่งในยามปกติของ D Major Scale กับ D Minor Scale มันจะไม่ใช่โน้ตแบบนี้ (D Major Scale : D E F# G A B C#, D Minor Scale : D E F G A Bb C) ทำให้ Scale ที่ได้ใหม่นี้ถือเป็น Scale อีก Scale หนึ่งไป แบบนี้เรียกว่า D Dorian อันที่จริงแล้วถ้าหากไปหาความรู้เกี่ยวกับเรื่อง Mode มาจะรู้ว่าผมอธิบายแบบนี้ไม่ถูก แต่ตัวโน้ตใน Scale กับชื่ออะถูก แต่ก็ขออธิบายแบบนี้ไปก่อน ไม่งั้นจะงงไปกันใหญ่นะครับ
สำหรับชื่อ Mode ที่เกี่ยวข้องกับที่น้า akera1234 กล่าวมาจะได้แก่ Ionian (Major Scale ปกติ), Dorian, Phrygian, Lydian, Mixolydian, Aeolian (Minor Scale ปกติ) และ Locrian ครับ ซึ่งทั้ง 7 ตัวที่ผมพูดชื่อไปนี้เป็นชื่อ Mode ที่มาจาก Major Scale ครับ โดยถ้าเอาให้ง่ายก็คือเป็น Scale ที่เริ่มต้นจากโน้ตตัวที่ 1,2,3 ไล่ไปเลยครับ (1:Ionian, 2:Dorian, 3:Phrygian...) Mode ของ Minor ก็มีเหมือนกันครับ แต่ผมจำไม่ได้
ุ6. ถ้าเป็นผมแนะนำผมก็จะแนะนำว่าให้ทำความเข้าใจกับ Major Scale กับ Minor Scale ให้ดีก่อนครับ แต่ผมคิดว่าให้น้าๆ ท่านอื่นที่มีประสบการณ์มากกว่ามาแนะนำดีกว่า
7. ผมเข้าใจว่า่น่าจะเป็นเรื่องของโน้ตในสเกลนะครับ เพราะว่าสเกลแต่ละสเกลที่มี root ของสเกลต่างกัน จำนวน sharp, flat ภายในสเกลก็จะต่างกันไปด้วย
อยากเรียนน้า akera1234 ว่าถ้ารู้สึกเครียด ปวดหัวกับการเล่นดนตรี ผมแนะนำให้หยุดพักก่อนครับ รู้สึกดีขึ้นแล้วค่อยกลับมาเล่นต่อ ไม่งั้นไม่มีประโยชน์ครับ เหนื่อยเปล่าๆ อาจจะเบื่อการเล่นกีตาร์ไปเลยก็ได้ครับ