หลายๆคน คงอยากจะรู้นักว่า ศินปินแต่ล๊ะท่านใช้กีต้าร์ยี่ห้ออะไรกัน
กีต้าร์ยี่ห้อไหนๆถ้าผ่านพวกระดับโลกแล้ว กระเจิง ทุกยี่ห้อ ราคาครับ
บางยี่ห้อ รอไปเลย ออเดอร์ 15 ปี 10 ปีขั้นต่ำๆ กว่าจะถึงคิว
ผมหงอกก่อน
ผมเองก็อยากรู้ เหมือนกัน ตอนเมื่อ สมัย ก่อนๆที่ผมหัดเล่นกีต้าร์ใหม่ ว่า กีต้าร์ยี่ห้ออะไรกัน
เสียงมันดีตรงไหน ตอนนั้นก็ฟังไม่เป็น
ส่วนตัวผมเองนั้น ผมว่ากีต้าร์สมัยก่อนนั้น เสียงสู้กีต้าร์สมัยนี้ไม่ได้ เพราะสมัยก่อน มีไม่กี่ยี่ห้อ
แต่กีต้าร์สมัยนี้ ก็ พวก ช่างต่างๆที่อยู่ในช๊อป ก็ ออกมา เปิดช๊อป ทำกีต้าร์ยี่ห้อของตัวเองขึ้นมา
ส่วนตัวผมว่านักกีต้าร์สมัยนี้ มีฝีมือที่ดีกว่านักกีต้าร์สมัยก่อน ในอายุที่เท่ากัน
ความยิ่งใหญ่ของบุคคลนั้นไม่ได้อยู่ที่การเล่นกีต้าร์ที่เก่งหรือไม่เก่ง
เรื่องเก่งนั้นแน่นอนอยู่แล้วสำหรับมือกีต้าร์ระดับโลก
สมัยก่อนนั้น สื่อไม่มีมี ต้องเรียนเองฝึกเอง ทั้งชวิต อยู่กับกีต้าร์
พอฝึกสำเร๊จวิชาไหมฟ้า ก็ เขียนตำราเองขึ้นมาเลย เป็นบทฝึก ต่างๆของแต่ล๊ะคนไป
ที่ให้ได้พวกเราฝึกกันจนถึงสมัยนี้
คิดได้ไง เก่งจริงๆ ขนาดฝึกตามก็ยังยากแล้ว แล้วคนคิด คิดได้ไง
เอาล๊ะมาดูเรื่องราวของกีต้าร์ที่เซโกเวีย ประจำกายกันดีกว่าครับ
เซโกเวียใช้กีตาร์อะไร?
พูดถึงอังเดร์ส เซโกเวีย ( Andreas Segovia ค.ศ.1893-1987 ) นักกีตาร์เอกแห่งศตวรรษที่ 20 เราพอจะสาธายายความโดดเด่นของท่านหลักๆ..ได้ดังนี้
1.ดึงกีตาร์จากเครื่องดนตรีแบบห้องโถง ( Salon Music ) สู่โลกของดนตรีคลาสสิค ( Classical Music ) อย่างแท้จริง ( ข้อนี้ท่านทำได้เทียบเคียง หรือ ยิ่งกว่า Mauro Giuliani ( ค.ศ.1781-1829 ) ในต้นศตวรรษที่ 19...แต่ Segovia มีอายุยืนยาวในโลกคลาสสิคมากกว่า ในขณะที่ Giuliani ทำได้เพียงช่วงสั้นๆ ในชีวิตท่านที่เวียนนาระหว่าง 1806-1819 )
2.สร้างแรงบันดาลใจให้นักประพันธ์ระดับร่วมสมัยหัวแถว เช่น Joaquin Rodrigo, Castelnuovo Tedesco, Villa Lobos..etc..แต่งเพลงให้กับกีตาร์ ( เป็นที่เสียดายเพียงว่า ท่านไม่ได้เล่นอัดแผ่นเพลง Concierto de Aranjuez ซึ่งถือว่าเป็น Concierto ที่ฮิต และ ยิ่งใหญ่ที่สุดของ ศตวรรษที่ 20...)
3.การใช้สายไนล่อนในกีตาร์ช่วงปี 1930 ( อันนี้ ยังต้องถกเถียง )
การใช้กีตาร์ของเซโกเวียแบ่งเป็น 3 ยุค
1.ยุคเริ่มอาชีพ Manuel Ramirez 1912 ( สร้างโดยลูกมือชื่อ Santos Hernandez )
-วันหนึ่ง ก่อนที่เซโกเวียจะเล่นคอนเสิร์ตที่ Ateneo หนุ่มนักกีตาร์วัยย่าง 20 ยังใช้กีตาร์รุ่นนักเรียนของ Benito Ferrer ในขณะที่เขาเดินเข้าร้านกีตาร์ในมาดริด
เพิ่มเติมเองครับ มาดริด คือ เมืองที่มีการทำกีต้าร์คลาสสิครับ
ของ Manuel Ramirez ( น้อยชายของ Ramirez I ) เพื่อขอ “เช่า” คอนเสิร์ตกีตาร์ ในร้านขณะที่เซโกเวียนั่งลองกีตาร์และพูดคุยกับนักไวโอลิน Jose del Hierro หลังจากได้ยินเด็กหนุ่มเล่น Manuel Ramirez พูดกับเขาว่า “กีตาร์นี้เป็นของเธอ หนุ่มน้อย...นำมันท่องโลกไปกับเธอ ใช้ความสามารถรังสรรค์มัน..ที่เหลือ ไม่ต้องพะวง...ไม่ต้องให้เงินกับฉัน”
กีตาร์ตัวดังกล่าว เป็นที่เชื่อว่าเดิมที Santos Hernandez สร้างเป็น 11 สายให้กับ Giminez Manjon นักกีตาร์นัยตาบอดผ้เลื่องชื่อ แต่ไม่เป็นที่ถูกใจ และดัดแปลงเป็น 6 สาย ก่อนจะตกในมือเซโกเวีย
กีตาร์ตัวนี้ต่อมา ครอบครัวเซโกเวียได้บริจากให้กับ Metropolitan Museum of Art ( New York ) ชมได้ที่นี่:
http://www.metmuseum.org/Works_of_Art/viewOne.asp?dep=18&viewmode=0&item=1986.353.22.ยุคทอง Herman Hauser 1937
-ระหว่าง 1920-1930 เซโกเวียมีโอกาสเดินทางไปแสดงในเยอรมันหลายครั้ง และพบกัับช่างทำกีตาร์ชาวเยอรมันนาม Herman Hauser โดยขณะนั้น Hauser ยังมิได้สร้างกีตาร์แบบสเปนมากนัก แต่ยังคงไว้ซึ่งกีตาร์แบบเยอรมันและเวียนนา ( Staufer, Schammel Guitar..etc..) ความประทับใจจากวิธีการเล่นของ เซโกเวีย ยังผลให้ Hauser สร้างกีตาร์แบบ Torres มากขึ้นนับจาก '30 และมาถึงจุดสูงสุดในปี 1937 เซโกเวียเล่นกีตาร์ตัวนี้จนถึงปลายยุค 1960...ช่วงนี้ถือเป็นยุคทองของเซโกเวียอย่างแท้จริง อัลบั้มที่อัดไว้กับกีตาร์ตัวนี้ล้วนเป็นแผ่นที่เป็นตำนาน...
เช่นกันกับ Manuel Ramirez กีตาร์ตัวนี้ต่อมา ครอบครัวเซโกเวียได้บริจาคให้กับ Metropolitan Museum of Art ( New York ):
ในการประมูลเครื่องดนตรีของคริสตี้ในเดือนเมษายนปี ค.ศ.2006 กีตาร์ Hauser I ปี 1949 ทุบสถิติราคากีตาร์คลาสสิคที่บันทึกมา โดยจบลงด้วยราคาสองแสนเหรียญ ( กระนั้นก็ยังน้อย เมื่อเทียบกับ ไวโอลิน Stradivarius 1707 ที่ชื่อ Hammer ในการประมูลเดียวกัน ที่จบลงด้วยสถิติโลก สามล้านห้าแสนเหรียญ!! )
3.ยุคปลาย Jose Ramirez III หลังปี 1960 จนถึงบั้นปลายชีวิต 1987
-Jose Ramirez รุ่นสาม ( หรือหลานอาของ Manuel Ramirez ) ใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่าจะนำให้เซโกเวียกลับมาเล่นกีตาร์ของชาวสเปนได้ แรกเริ่มโดนเซโกเวียตำหนิ “เสียงกีตาร์ของคุณเหมือนแมวร้อง”
สงสัยว่าเสียงคงจะไม่ค่อยดัง มิน่าล๊ะ รามิเลสที่ 3 ราคาไม่ค่อยแพง ไม่ค่อยแพงเนี่ย ก็ไม่มีคนปล่อย ผมว่าไม่แพงก็มี เป็น หลายๆแสนล๊ะ
ทว่ากลับไม่ทำให้ท้อ โดยตัว Ramirez III เองก็มีโอกาสซ่อมกีตาร์ Herman Hauser 1937 และออกแบบกีตาร์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมทั้งขยายความยาวของลำคอกีตาร์อีกเล็กน้อย ( Scale Length 664m )
นับจากปี 1960 เซโกเวียได้เริ่มเล่นกีตาร์ของ Jose Ramirez III ( บางครั้งมีสลับเล่น Ignacio Fleta..ซึ่งเป็นเรื่องที่ Ramirez III เองค่อยค่อนข้างขัดใจพอควร )
เซโกเวียใช้กีตาร์Ramirez III หลายตัวจนกระทั่งบั้นปลายชีวิต แต่ตัวที่ยังเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของตระกูลได้แก่ปี 1960 และ 1963 ( เป็นไม้ Spruce ทั้ง 2 ตัว )
Ramirez III นอกจากจะมีฝีมือดีแล้ว ยังมี “หัวการค้า” นับแต่ที่สามารถทำให้เซโกเวียหันมาเล่นกีตาร์ของตนได้ ทำให้ความต้องการของ “กีตาร์ที่เซโกเวียเล่น” พุ่งขึ้นสูงมากในช่วงกลางปี 1960 กระทั่งในช่วงครึ่งปีหลัง ค.ศ. 1965 Ramirez III ได้นำไม้ ซีดาร์ ( Cedar ) มาทำเป็นไม้หน้า และเริ่มจ้างช่างทำกีตาร์เพิ่มขึ้นมาก ( บางช่วงในกลางปี 1970 มากถึงเกือบ 20 คน ) โดยกีตาร์ทุกตัวจะมีลายเซ็นต์ของ Ramirez III กำกับไว้ใต้ป้าย พร้อมระบุ Serial No. ( นับแต่ปี 1967 พร้อมทั้งมีตราประทับของช่าง แต่ตราประทับได้หยุดไปในปี 1970 )
ปัจจุบัน ตระกูล Hauser และ Ramirez ยังดำเนินธุรกิจสร้างกีตาร์อยู่ โดย Hauser ได้มาถึงรุ่น 3 ขณะที่ Ramirez III นั้น ลูกสาว Amalia Ramirez เป็นผู้ดำเนินกิจการต่อจากพ่อและพี่ชาย Ramirez IV
ในส่วนของสาย Manuel Ramirez นั้น ศิษย์ทั้งสองคือ Santos Hernandez และ Domingo Esteso ต่อมาได้ถือเป็นปรมาจารย์แห่งวงการกีตาร์ Flamenco ที่สืบสายลงมาได้แก่กีตาร์ Flamenco ของ Conde Hermanos