อะคูสติกไทยเวปบอร์ด
Acoustic Webboard => ห้องพูดคุย Acoustic Guitars and Accessories และทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: plugdropx ที่ พฤศจิกายน 12, 2019, 14:01:37
-
รบกวนน้าๆหน่อยครับ
อยากสอบถามว่ากำลังจะหากีตาร์ใหม่ซักหนึ่งตัวเเต่ในใจมีดูๆไว้2ตัวคือ
Taylor 2012 814ce-Rosewood Grand Auditorium Acoustic-Electric Guitar มือ 2
กับ
Taylor 2019 414ce-R V-Class Grand Auditorium Acoustic-Electric Guitar มือ 1
ราคาเท่าๆกันเลยครับ อยากจะทราบว่าไปเล่นตัวไหนดีครับผม
-
814 ce ครับ
-
814 ce ครับ
พอะมีถึงสาเหตุว่าทำไมถึงควรไป 814ce มากกว่าไหมครับท่าน
-
814ce มือ 1 แพงกง่า 414ce มือ 1 ครับ
-
814. ดูpickupว่าes1หรือes2ครับ
ถ้าจะซื้อหาes2. น่าจะดีกว่า
-
814. ดูpickupว่าes1หรือes2ครับ
ถ้าจะซื้อหาes2. น่าจะดีกว่า
เพิ่มเติมครับ เป็น ES 1 ครับท่าน
อย่างงี้ควรจะไป 414ce-R เเทนมั้ยครับ...
-
เหมือนน้าถามว่า series 5 ต้นปี19 กะ accord ปลายปี19 แล้วน้าบอกว่า accord ลงเครื่องเสียงใหม่ ตัวtopเลย น้าอยากฟังเพลงหรือเอาสมรรถนะ (ไม่รู้ว่าช่วยได้หรือปล่าวคับ)
-
814 ไม่มีให้เลือก
414 มีให้เลือกมากกว่า
-
Es1 ผ่านก่อน
-
ขอวิจารณ์เฉพาะระบบไฟฟ้านะครับ
Taylor ES1 เป็นระบบที่ Taylor คิดเอง ทำเองและเป็นระบบที่ค่อนข้างซับซ้อนเพราะใช้ magnetic pickup ฝังใต้ fingerboard 1 ตัวและ body sensor อีก 2 ตัว
ระบบ ES1 แบ่งเป็นสามรุ่นดังนี้
ES1.1 2003-2006 เป็นรุ่นแรกที่ใช้แบต AA 2 ก้อน รุ่นนี้เป็นรุ่นเจ้าปัญหาเพราะผมยังไม่เคยเจอใคร (รวมทั้งตัวผมเอง) ที่ใช้แล้วไม่พัง ปัญหามีทั้งเรื่องปรีพังและแบตบวมจนถอดไม่ใด้
ES1.2 2006-2009 รุ่นสองออกแบบปรีแอมป์ใหม่และเปลี่ยนมาใช้แบต 9V รุ่นนี้เสียงดีขึ้นและทนทานขึ้นกว่ารุ่นแรก
ES1.3 2010- รุ่นสุดท้ายตัด body sensor ออกเหลือตัวเดียว เปลี่ยนปรีแอมป์จากการใช้ IC มาเป็น discrete component รุ่นนี้เสียงดีที่สุดและแก้ปัญหาใด้หมด
พอแก้ปัญหาใด้หมดคนออกแบบของ Taylor คือ David Hosler และ Rupert Neve ก็เลยลองกลับมาใช้ระบบ piezo ธรรมดาเหมือนกับชาวบ้านในรุ่น ES2 จุดที่แปลกใหม่ก็คือเขาใช้ piezo สามชิ้นสอดใว้ด้านหลังของ saddle และมีปุ่มให้ปรับแรงกดบน piezo ใด้ ระบบนี้เสียงก็ดี ต้นทุนก็ถูกกว่าระบบ ES1 และถอดเปลี่ยนใด้ง่ายดายถ้ามีปัญหา (สมัยก่อน ES1 ถ้ามีปัญหาต้องส่งกลับไปซ่อมที่อเมริกาครับ)
(https://i.ibb.co/MPQwK67/es2.jpg)
ถ้า 814CE เป็นปี 2012 ระบบไฟฟ้าก็เป็น ES1.3 แล้ว ถ้าต่อแอมป์ด้วยสาย balanced line เสียงจะสะอาดกว่า ES2 แบบฟังออกแน่นอนครับ (ใครที่ใช้ ES1 อยู่ก็ลองใช้ดูบ้างนะครับ) ในรุ่น ES2 Taylor ตัด function นี้ทิ้งเพราะเปลืองสตางค์ครับ
-
ขอวิจารณ์เฉพาะระบบไฟฟ้านะครับ
Taylor ES1 เป็นระบบที่ Taylor คิดเอง ทำเองและเป็นระบบที่ค่อนข้างซับซ้อนเพราะใช้ magnetic pickup ฝังใต้ fingerboard 1 ตัวและ body sensor อีก 2 ตัว
ระบบ ES1 แบ่งเป็นสามรุ่นดังนี้
ES1.1 2003-2006 เป็นรุ่นแรกที่ใช้แบต AA 2 ก้อน รุ่นนี้เป็นรุ่นเจ้าปัญหาเพราะผมยังไม่เคยเจอใคร (รวมทั้งตัวผมเอง) ที่ใช้แล้วไม่พัง ปัญหามีทั้งเรื่องปรีพังและแบตบวมจนถอดไม่ใด้
ES1.2 2006-2009 รุ่นสองออกแบบปรีแอมป์ใหม่และเปลี่ยนมาใช้แบต 9V รุ่นนี้เสียงดีขึ้นและทนทานขึ้นกว่ารุ่นแรก
รบกวนหน่อยครับท่านพอจะมี ช่องทางส่วนตัวไหมครับ เผื่อจะสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมครับ
ES1.3 2010- รุ่นสุดท้ายตัด body sensor ออกเหลือตัวเดียว เปลี่ยนปรีแอมป์จากการใช้ IC มาเป็น discrete component รุ่นนี้เสียงดีที่สุดและแก้ปัญหาใด้หมด
พอแก้ปัญหาใด้หมดคนออกแบบของ Taylor คือ David Hosler และ Rupert Neve ก็เลยลองกลับมาใช้ระบบ piezo ธรรมดาเหมือนกับชาวบ้านในรุ่น ES2 จุดที่แปลกใหม่ก็คือเขาใช้ piezo สามชิ้นสอดใว้ด้านหลังของ saddle และมีปุ่มให้ปรับแรงกดบน piezo ใด้ ระบบนี้เสียงก็ดี ต้นทุนก็ถูกกว่าระบบ ES1 และถอดเปลี่ยนใด้ง่ายดายถ้ามีปัญหา (สมัยก่อน ES1 ถ้ามีปัญหาต้องส่งกลับไปซ่อมที่อเมริกาครับ)
(https://i.ibb.co/MPQwK67/es2.jpg)
ถ้า 814CE เป็นปี 2012 ระบบไฟฟ้าก็เป็น ES1.3 แล้ว ถ้าต่อแอมป์ด้วยสาย balanced line เสียงจะสะอาดกว่า ES2 แบบฟังออกแน่นอนครับ (ใครที่ใช้ ES1 อยู่ก็ลองใช้ดูบ้างนะครับ) ในรุ่น ES2 Taylor ตัด function นี้ทิ้งเพราะเปลืองสตางค์ครับ
รบกวนหน่อยครับท่าน พอจะมีช่องทางการติดต่อส่วนตัวไหมครับ อยากจะสอบถามเรื่องรายละเอียดเพิ่มเติมครับ
-
081-821-7999, Line:krispood ครับ