ตอนประมาณปี1980สยามกลการขายyamaha. Fg2000ราคา12500บาท
เวลาไปดูกีฬาที่สนามกีฬาแห่งชาติทีไร. ผมต้องแวะเข้าไปยืนดูด้วยความอยากได้ทุกครั้ง
ตอนนี้สภาพดีๆราคาขึ้นไปประมาณสิบเท่าของตอนนั้นครับ
สยามกลการใช้เป็นรางวัลในการแข่งขันกีตาร์ประจำปี. ในสมัยนั้น
เคยมีคนเล่าให้ฟังว่า Yamaha FG1500 และ FG2000 ราคาแพงจนขายไม่ออกและทางตัวแทนจำหน่ายก็เลบต้องเอามาลดราคาล้างสต้อคและแจกเป็นรางวัล ในปี 1980 นั้น 100 yen =6.60 บาทเท่านั้น ถ้าคิดว่าค่าเงินเยนสูงขึ้นห้าเท่าก็ไม่แปลกที่เขาจะขาย FG2000 กันราคาเป็นแสนหรอกครับ ถ้าซื้อต้องตรวจสภาพให้ดีเพราะสองรุ่นนี้ผมเคยเห็นไม้หน้าแตกมาสองตัวจนไม่กล้าซื้อจากต่างประเทศ
กลับมาเข้าเรื่อง L-Series ดีกว่าครับ
L-Series Variationกีตาร์ยามาฮ่านั้นหาข้อมูลที่ถูกต้องในเว็บยากเพราะเขาผลิตหลายรุ่นมาก สำหรับ L-Series ข้อมูลที่ผมแปลมาข้างล่างน่าจะมีรายละเอียดมากที่สุดครับ
ตารางข้างบนผมใช้กูเกิ้ลแปลจากภาษาญี่ปุ่นก็เลยติดคำแปลประหลาดๆมาด้วย (ผมใส่คำแปลที่ถูกให้ตรงด้านล่างแล้ว) ในตารางเขาไม่ใด้ระบุปีที่ผลิตผมก็เลยเอาข้อมูลมาเติมใว้ด้านล่างเช่นกัน
ข้อมูลในตารางยังขาดไปเยอะนะครับ อย่างเช่น L-10 เขาให้ข้อมูลมาแค่สอง version แต่ความจริงแล้ว L-10 มีทั้งหมด 8 versions
L-10 (1975-1977) solid jacaranda back/side
L-10 (1978-1985) solid indian rosewood back/side
L-10S (1980-1985) sunburst top.
L-10T (1981-1985) tobacco brown top.
L-10A (1982-1985) export model, made in Taiwan.
L-10ES (1981-1985) sunburst top, System 2 electronics.
L-10E (1982-1985) natural top, System 3 electronics.
L-10SE (1983-1985) brownburst top, System 3 electronics.
ข้อมูลข้างบนอาจไม่ถูกต้อง 100% นะครับเพราะผมรวบรวมมาจากคาตาล้อคเก่าที่เปิดดูจนตาลาย จากคาตาล้อคปี 1980 ซึ่งยังไม่มีโปร่งไฟฟ้า L-series มีขายอยู่ 11 แบบครับ
Yamaha เริ่มเอาระบบไฟฟ้ามาใส่ L-series ในปี 1981 ด้วยรุ่น System 2 ที่ใช้ระบบ UST และเพิ่ม System 3 ที่มีไมค์ในปีต่อมาครับ
System 3 ของยามาฮ่าน่าจะเป็นระบบ blend ระบบแรกของโลกครับ
Made in Taiwan L-Seriesในต้นยุค '80s ยามาฮ่าก็เริ่มผลิต L-Series เพื่อส่งออกที่โรงงานไต้หวัน ล้อตนี้จะมี "A" ต่อท้ายชื่อรุ่นครับ
สเป็คข้างบนระบุว่าซีรี่ย์ไต้หวันนี่ใส่สาย .013-.058" มาจากโรงงานซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่กว่ากว่า Martin D (.013-.056") ด้วยซ้ำ สงสัยว่าคงมีการเปลี่ยนโครงสร้างให้ทนทานขึ้นเพื่อลดปัญหาเรื่องซ่อมแน่นอน (แต่เรื่องฝ้านี่ตัวใครตัวมันครับ)
L-Series เปลี่ยนชื่อเป็น LL-Series ในปี 1985 ยกเว้น L-10, L-21A และ L-31A ที่ผลิตจนถึงปลายปีก่อนที่โรงงาน Yamaha Custom Shop ที่ Hamamatsu จะปิดตัวลงแบบถาวร
ประวัติจบแล้วครับ เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อเรื่องรายละเอียดของแต่ละรุ่น