อะคูสติกไทยเวปบอร์ด
Acoustic Webboard => ห้องพูดคุย Acoustic Guitars and Accessories และทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: Moko ที่ พฤศจิกายน 17, 2016, 11:10:24
-
เคยอ่านกระทู้ บทความ เรื่อง ตำนาน Yamaha L-Series ที่น้ากฤษณ์ ได้กรุณาเขียนไว้ ซึ่งทำให้ผม สนใจ ใน Series นี้มาก แต่ปัจจุบัน กระทู้นั้น หายไปแล้ว ทำให้ไม่มีข้อมูล เพื่อเป็นแนวทางศึกษา และสะสม
ขอรบกวนน้าๆ ที่มีข้อมูล หรือ ประสบการณ์ เกี่ยวกับ L-Series รุ่นเก่า ช่วยแนะนำ ผมด้วยครับ ขอบคุณครับ
-
เดี๋ยวเขียนใหม่ก็ใด้ครับ จะใด้อัพเดทข้อมูลด้วย ขอเวลาซักครู่ครับ
-
เดี๋ยวเขียนใหม่ก็ใด้ครับ จะใด้อัพเดทข้อมูลด้วย ขอเวลาซักครู่ครับ
ขอบพระคุณน้ากฤษณ์มากๆ ครับ
-
ขอเขียนไปเรื่อยๆนะครับ
จุดเริ่มต้นของกีตาร์ไฮเอ็นด์จาก YAMAHA
Yamaha เริ่มผลิตกีตาร์โปร่งแบบจริงจังในปี 1966 ด้วยรุ่น FG150 และ FG180 และเริ่มส่งออกขายทั่วโลกในปี 1969 ความจริงแล้วสมัยนั้นยังไม่มีใครรู้จักกีตาร์ยี่ห้อนี้และคำว่า "made in Japan" ตอนนั้นก็มีศักดิ์ศรีพอๆกับ "made in Indonesia" สมัยนี้เท่านั้น
Yamaha แจ้งเกิดใด้อย่างอลังการเพราะโชคช่วยล้วนๆครับ ในงานคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคือ Woodstock มีศิลปินโฟล์คคือ Country Joe ขอยืม FG150 ของเด็กยกเครื่องไปเล่นให้คนสี่แสนกว่าคนฟังกันสดๆ ดอนเสิร์ตนี้เขาทำเป็นหนังฉายทั่วโลกด้วย ยามาฮ่าป้ายแดงก็เลยกลายเป็นกีตาร์ในตำนานจนถึงทุกวันนี้
https://www.youtube.com/watch?v=-7Y0ekr-3So (https://www.youtube.com/watch?v=-7Y0ekr-3So)
(http://i.imgur.com/jJZNXjO.jpg)
หลังจากกีตาร์รุ่นถูกขายดิบขายดี Yamaha ก็เลยออกแบบรุ่นไฮเอ็นด์มาแข่งกับ Martin ในปี 1972 ใด้แก่รุ่น FG1500 ทรง 000 และ FG2000 ทรง D ราคาขายแพงกว่า Martin 000-28 และ D-28 เยอะครับ (ในยุคนั้นราคาตั้งคือราคาขายจริงนะครับ)
(http://i.imgur.com/ubKWvCa.jpg)
แน่นอนว่าเมื่อตั้งราคาแบบนี้กีตาร์ทั้งสองรุ่นก็เลยขายไม่ค่อยออก ยามาฮ่าเลยต้องถอยกลับมาตั้งหลักใหม่และเลิกผลิต high end FG series ไปในปี 1974 แต่ยามาฮ่าก็ใด้รู้ว่าถ้าสามารถผลิตกีตาร์ที่เสียงดี สวย ทน ซ่อมง่าย ในราคาที่คุ้มค่าก็มีลูกค้าที่พร้อมจะซื้อแม้ราคาจะสูงก็ตาม
Yamaha L-31 ตัวพ่อของ L-series
ในเดือนธันวาปี 1974 ยามาฮ่าก็ใด้ผลิตกีตาร์รุ่นแรกของ Luxury (L) Series มาแทนที่รุ่น FG2000 ในราคาเท่ากันคือ 200,000 yen แต่เปลี่ยนโครงสร้างให้ตอบสนองดีขึ้น หน้าตาหรูหราขึ้นและแข็งแรงขึ้น L-31 scale 25.6" เสียงเลยดังกว่าและชัดกว่า FG series ที่ scale 25.0" ครับ
(http://i.imgur.com/cIUOBva.jpg)
(http://i.imgur.com/4QrtfJW.jpg)
พรุ่งนี้เล่าต่อครับ
-
ตอนประมาณปี1980สยามกลการขายyamaha. Fg2000ราคา12500บาท
เวลาไปดูกีฬาที่สนามกีฬาแห่งชาติทีไร. ผมต้องแวะเข้าไปยืนดูด้วยความอยากได้ทุกครั้ง
ตอนนี้สภาพดีๆราคาขึ้นไปประมาณสิบเท่าของตอนนั้นครับ
สยามกลการใช้เป็นรางวัลในการแข่งขันกีตาร์ประจำปี. ในสมัยนั้น
-
ตอนประมาณปี1980สยามกลการขายyamaha. Fg2000ราคา12500บาท
เวลาไปดูกีฬาที่สนามกีฬาแห่งชาติทีไร. ผมต้องแวะเข้าไปยืนดูด้วยความอยากได้ทุกครั้ง
ตอนนี้สภาพดีๆราคาขึ้นไปประมาณสิบเท่าของตอนนั้นครับ
สยามกลการใช้เป็นรางวัลในการแข่งขันกีตาร์ประจำปี. ในสมัยนั้น
เคยมีคนเล่าให้ฟังว่า Yamaha FG1500 และ FG2000 ราคาแพงจนขายไม่ออกและทางตัวแทนจำหน่ายก็เลบต้องเอามาลดราคาล้างสต้อคและแจกเป็นรางวัล ในปี 1980 นั้น 100 yen =6.60 บาทเท่านั้น ถ้าคิดว่าค่าเงินเยนสูงขึ้นห้าเท่าก็ไม่แปลกที่เขาจะขาย FG2000 กันราคาเป็นแสนหรอกครับ ถ้าซื้อต้องตรวจสภาพให้ดีเพราะสองรุ่นนี้ผมเคยเห็นไม้หน้าแตกมาสองตัวจนไม่กล้าซื้อจากต่างประเทศ
กลับมาเข้าเรื่อง L-Series ดีกว่าครับ
L-Series Variation
กีตาร์ยามาฮ่านั้นหาข้อมูลที่ถูกต้องในเว็บยากเพราะเขาผลิตหลายรุ่นมาก สำหรับ L-Series ข้อมูลที่ผมแปลมาข้างล่างน่าจะมีรายละเอียดมากที่สุดครับ
(http://i.imgur.com/VMbQhRp.jpg)
ตารางข้างบนผมใช้กูเกิ้ลแปลจากภาษาญี่ปุ่นก็เลยติดคำแปลประหลาดๆมาด้วย (ผมใส่คำแปลที่ถูกให้ตรงด้านล่างแล้ว) ในตารางเขาไม่ใด้ระบุปีที่ผลิตผมก็เลยเอาข้อมูลมาเติมใว้ด้านล่างเช่นกัน
ข้อมูลในตารางยังขาดไปเยอะนะครับ อย่างเช่น L-10 เขาให้ข้อมูลมาแค่สอง version แต่ความจริงแล้ว L-10 มีทั้งหมด 8 versions
L-10 (1975-1977) solid jacaranda back/side
L-10 (1978-1985) solid indian rosewood back/side
L-10S (1980-1985) sunburst top.
L-10T (1981-1985) tobacco brown top.
L-10A (1982-1985) export model, made in Taiwan.
L-10ES (1981-1985) sunburst top, System 2 electronics.
L-10E (1982-1985) natural top, System 3 electronics.
L-10SE (1983-1985) brownburst top, System 3 electronics.
ข้อมูลข้างบนอาจไม่ถูกต้อง 100% นะครับเพราะผมรวบรวมมาจากคาตาล้อคเก่าที่เปิดดูจนตาลาย จากคาตาล้อคปี 1980 ซึ่งยังไม่มีโปร่งไฟฟ้า L-series มีขายอยู่ 11 แบบครับ
(http://i.imgur.com/0XzW735.jpg)
(http://i.imgur.com/rLPJoRh.jpg)
(http://i.imgur.com/uWhZpyF.jpg)
(http://i.imgur.com/J08kIth.jpg)
Yamaha เริ่มเอาระบบไฟฟ้ามาใส่ L-series ในปี 1981 ด้วยรุ่น System 2 ที่ใช้ระบบ UST และเพิ่ม System 3 ที่มีไมค์ในปีต่อมาครับ
(http://i.imgur.com/XIqf8l7.jpg)
(http://i.imgur.com/ACAe1mO.jpg)
System 3 ของยามาฮ่าน่าจะเป็นระบบ blend ระบบแรกของโลกครับ
Made in Taiwan L-Series
ในต้นยุค '80s ยามาฮ่าก็เริ่มผลิต L-Series เพื่อส่งออกที่โรงงานไต้หวัน ล้อตนี้จะมี "A" ต่อท้ายชื่อรุ่นครับ
(http://i.imgur.com/XedpmTn.jpg)
(http://i.imgur.com/T8yF9Ei.jpg)
สเป็คข้างบนระบุว่าซีรี่ย์ไต้หวันนี่ใส่สาย .013-.058" มาจากโรงงานซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่กว่ากว่า Martin D (.013-.056") ด้วยซ้ำ สงสัยว่าคงมีการเปลี่ยนโครงสร้างให้ทนทานขึ้นเพื่อลดปัญหาเรื่องซ่อมแน่นอน (แต่เรื่องฝ้านี่ตัวใครตัวมันครับ)
L-Series เปลี่ยนชื่อเป็น LL-Series ในปี 1985 ยกเว้น L-10, L-21A และ L-31A ที่ผลิตจนถึงปลายปีก่อนที่โรงงาน Yamaha Custom Shop ที่ Hamamatsu จะปิดตัวลงแบบถาวร
(http://i.imgur.com/r8Uj4J0.jpg)
ประวัติจบแล้วครับ เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อเรื่องรายละเอียดของแต่ละรุ่น
-
อ่าน เพลิน และได้ความรู้เรื่องกีต้าร์ยามาฮ่า ขึ้นเยอะเลย ขอบคุณน้ากฤษณ์ มากครับ
-
แต่ละรุ่นนี่มีความซับซ้อนมาก จำแนกไม่ออกเลยว่ารุ่นไหนสูงกว่า พิเศษกว่า รึ ดีกว่าอย่างไร
-
ขอบคุณน้ากฤษณ์มากครับ
-
ในข้อมูลที่ผมหาใด้จาก Yamaha Guitarchive ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลทางการเพียงแหล่งเดียวเพราะเวบข้อมูลของ Yamaha Japan ล่มไปหลายปีแล้ว เขาระบุชัดเจนว่า L-Series ลดสเป็คจากรุ่นแรกเป็นรุ่นสองในปี 1979 ครับ
(http://i.imgur.com/lKre2oi.jpg)
ข้อมูลจากยามาฮ่าเองผมก็ยังไม่เชื่อ 100% เพราะเห็นว่ามีข้อผืดพลาดอย่างเช่นบรรทัดแรกบอกเปลี่ยนสเป้คปี 1977 แต่ในโน้ตบอกว่าเปลี่ยนปี 1979 ดังนั้นผมเลยค้นคาตาล้อก Yamaha Japan โดยเจาะจงที่รุ่น L-10 (รุ่นอื่นรูปไม่ครบ) ว่าเขาเปลี่ยนสเป็คในปีไหนกันแน่
ลองเทียบรูป L-10 ในปี 1978,1979, 1980 ดูครับ ถ้าเปลี่ยนสเป็คปี 1979 สองตัวหลังต้องใช้ tuner รุ่น TM-30 และเปลี่ยน fingerboard inlay เป็นลาย snowflake แล้ว
(http://i.imgur.com/EpnviAR.jpg)
ลองขยายดู fingerboard และลูกบิดชัดๆอีกที
(http://i.imgur.com/qf8DwkS.jpg)
จากรูปในคาตาล้อคสรุปใด้ว่า L-Series เปลี่ยนสเป็คในปี 1980 ครับ ข้อมูลจาก Yamaha Guitarchive ผิดแน่นอน
การดูรุ่นของ L-10 และ L-8 ดูใด้ที่ลูกบิดและ inlay ครับ
(http://i.imgur.com/89Qtsso.jpg)
L-10 inlay ผมลงรูปแล้ว รูปข้างล่างคือ inlay ของ L-8 ครับ
(http://i.imgur.com/48GnEt0.jpg)
สำหรับ L-8 รุ่นแรกที่เป็น all solid จะมี side braces แต่รุ่นหลังที่ใช้ laminated rosewood จะไม่มีครับ
(http://i.imgur.com/3nPl2ZJ.jpg)
ปริศนาของ L-6
เรื่องที่เถียงกันไม่รู้จบก็คือสรุปแล้ว L-6 มีกี่รุ่นและกี่สเป็คกันแน่ ข้อมูลของญี่ปุ่นบอกว่ามีสามรุ่น รุ่นแรกเป็น all solid (1976-77) รุ่นสองเป็น solid back (1978-79) และรุ่นสามเป็น solid top แต่ถ้าค้นจาก Yamaha Guitarchive รุ่นสองมันหายไปครับ
(http://i.imgur.com/89SCsye.jpg)
L-6 นี่ออกมาหลังสุดก็เลยใช้ tuner รุ่นใหม่ (TM-30) มาตั้งแต่แรก ดังนั้นจุดที่เห็นชัดระหว่างรุ่น 1976-79 และรุ่น 1980- คือจุดเริ่มต้นของ fretboard inlay ที่เริ่มจาก 5th fret ในรุ่นแรกเปลี่ยนมาเป็น 3rd fret ในรุ่นหลัง
(http://i.imgur.com/9M0lGD1.jpg)
มีผู้เชี่ยวชาญในบ้านเราหลายท่านเคยออกความเห็นว่า L-6 ไม่มีรุ่น all solid เพราะไม่มี side brace แต่ผมคิดว่ามันอาจเป็นการลดต้นทุนของโรงงานมากกว่าเพราะกีตาร์ all solid หลายยี่ห้อ (Gibson, Taylor) เขาก็ไม่ใส่ side brace เหมือนกัน
สรุปว่าผมเชื่อญี่ปุนแล้วกันว่า L-6 มีสามสเป็คจริงๆ เมื่อรุ่นแรกกับรุ่นสองหน้าตาเหมือนกันก็ต้องดูปีที่ผลิตซึ่งอยู่ตรง cross brace ด้านคอครับ
(http://i.imgur.com/Bj8WCen.jpg)
L-Series ไม่มี serial number นะครับ เขาจะระบุแค่วันที่ผลิต อย่างตัวในรูปนี่ผลิตวันที่ 14/12/1979
สำหรับ L-5 นั้นรุ่นแรกเป็น short scale เหมือน FG series และมาเปลี่ยนเป็น long scale ในรุ่นหลังครับ
เดี๋ยวมาต่อว่ารุ่นไหนคุ้มค่าสุดครับ
-
Yamaha L-6 รุ่นแรก (1976-77) และ L-8 รุ่นแรก (1975-79) น่าจะเป็นกีตาร์ vintage all solid ยี่ห้อเดียวที่ราคามือสองไม่ถึงสามหมื่นบาทครับ L-8 ถ้าสภาพเยี่ยมและมี hard case หรูๆก็อาจเกินสามหมื่นนิดหน่อยแต่ก็ยังถูกเหลือเชื่ออยู่ดี
ลองฟังตัวอย่างเสียงดูครับ
1976 L-6 (รุ่นแรก all Solid)
http://youtu.be/rYBDGnIexyM (http://youtu.be/rYBDGnIexyM)
1978 L-6 (รุ่นสอง solid back, laminated side) เสียงก็ยังนุ่มนวลมากแต่ overtone น้อยกว่ารุ่นแรกในคลิปข้างบน
http://youtu.be/tdybnig7GCo (http://youtu.be/tdybnig7GCo)
1976 L-8 Custom (รุ่นแรก all solid) Overtone สูสีกับ L-6 รุ่่นแรกแต่เสียงเต็มกว่า
http://youtu.be/I3OZlngHLJA (http://youtu.be/I3OZlngHLJA)
สำหรับรุ่นที่เป็นแต่ solid top อย่าง L-5 หรือ L-6 รุ่นสามผมว่าไม่น่าเก็บเท่าไหร่เพราะเป็นกีตาร์หาง่ายและเสียงก็งั้นๆ ถ้าจะขยับขึ้นมาเป็น L-10 รุ่นสองที่ขายกันสามหมื่นกว่าก็จะใด้เบสลึกขึ้นแต่ผมชอบบาลานซ์ของ L-6 และ L-8 all solid มากกว่าครับ
ส่วนรุ่นที่ราคามือสองขายกันเกินห้าหมื่นนั้นผมว่าคนซื้อต้องเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ L-Series เพราะถ้าเป็นผมก็คงเอาเงินไปซื้อ Martin HD-28 แทนครับ
-
กิเลสเกิด มากๆ ครับ
-
มาฟังด้วยคนครับ ชอบ L เหมือนกัน เล่นแบบเพลงนุ่มๆเหมาะมากๆ
-
ขอบคุณครับ แต่เสียงนุ่มดีกว่าตระกูลFG...นะผมว่า...
(http://www.uppic.org/image-8754_58324758.jpg) (http://www.uppic.org/share-8754_58324758.html)
(http://www.uppic.org/image-9478_58324758.jpg) (http://www.uppic.org/share-9478_58324758.html)
-
งามมากครับน้าGula ผมก็ชอบยามาฮ่ามานาน ไปดูLซี่รี่ส์มาหลายตัวก็ยังสู้ไม่ไหวครับ นี่แค่L5และL-6 เอง จริงๆกะจะมีสักตัวไว้เป็นตัวประธานพวกFG Fและซี่รี่ส์อื่นๆ ตอนนี้แค่ดูข้อมูลก็สุขใจแล้วครับ ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับ แต่เสียงนุ่มดีกว่าตระกูลFG...นะผมว่า...
(http://www.uppic.org/image-8754_58324758.jpg) (http://www.uppic.org/share-8754_58324758.html)
(http://www.uppic.org/image-9478_58324758.jpg) (http://www.uppic.org/share-9478_58324758.html)
L-10 ของป๋ากุลา งามมากครับ
-
พวก รุ่น LEX , LS ถือว่าเป็น L series ด้วยไหมครับ
-
พวก รุ่น LEX , LS ถือว่าเป็น L series ด้วยไหมครับ
ซีรี่ย์ LEX, LS, LA, LD, LL ก็เป็นลูกหลานของ original L-Series ทั้งนั้นครับ บางรุ่นก็ไม่ใด้ผลิตในญี่ปุ่นแต่ก็เกรดสูงกว่า FG series
(http://i.imgur.com/y6ryJAd.jpg)
-
ขอบคุณมากครับ ได้รับความรู้เป็นอย่างยิ่ง
-
ข้อมูลแน่นมากเลยเปนสตอรี่เลยครับ คุณกฤษณ์
ถ้าไม่เป็นการรบกวน ขอความเห็นและวิจารย์ข้อมูล
เปรียบเทียบระหว่าง L10g1 กับ L15
เรื่องสเปคและราคา ความคุ้มค่าในการเลือก2รุ่นนี้
ขอบพระคุณ ล่วงหน้าครับ
-
อย่างที่ คุณกฤษณ์ ว่าเลยครับสำหรับผมถ้ามี L series 25, 26 สักสี่หมื่น หรือ 35, 36 สักห้าหมื่น สภาพโอนี้ไม่ลังเลเลย
-
ข้อมูลแน่นมากเลยเปนสตอรี่เลยครับ คุณกฤษณ์
ถ้าไม่เป็นการรบกวน ขอความเห็นและวิจารย์ข้อมูล
เปรียบเทียบระหว่าง L10g1 กับ L15
เรื่องสเปคและราคา ความคุ้มค่าในการเลือก2รุ่นนี้
ขอบพระคุณ ล่วงหน้าครับ
L-15 ราคาสูงกว่า L-10 ถึง 50% เพราะใช้ไม้หลังสามชิ้นครับ
-
ข้อมูลแน่นมากเลยเปนสตอรี่เลยครับ คุณกฤษณ์
ถ้าไม่เป็นการรบกวน ขอความเห็นและวิจารย์ข้อมูล
เปรียบเทียบระหว่าง L10g1 กับ L15
เรื่องสเปคและราคา ความคุ้มค่าในการเลือก2รุ่นนี้
ขอบพระคุณ ล่วงหน้าครับ
L-15 ราคาสูงกว่า L-10 ถึง 50% เพราะใช้ไม้หลังสามชิ้นครับ
ขอบคุณครับ แค่ไม่หลัง ราคาสูงกว่าถึง50% *_*
-
เรื่องไม้หลังสามชิ้นนี่เป็นเรื่องของค่านิยมล้วนๆครับ Martin ในยุดหลังสงครามถึงยุคต้น '60s นั้นรุ่นที่แพงสุดก็คือ D-28 พอกีตาร์เริ่มขายดีจนแทบหาวัตถุดิบไม่ทันในยุค folk boom ทางฝ่ายบัญชีของ Martin ก็เลยเสนอว่าเรามีเศษไม้ brazilian rosewood ที่ขนาดเล็กเกินไปที่จะใชทำไม้หลังอยู่เต็มโรงงานดังนั้นทำไมเราไม่ทำกีตาร์ที่มีไม้หลังสามชิ้นออกมาขายบ้าง Martin D-35 จึงเป็นกีตาร์รุ่นแรกที่ใช้ไม้หลังสามชิ้นและเป็นรุ่นแพงสุดของ Martin (ก่อนที่จะผลิต D-45 ในปี 1969) ความจริงก็คือเรื่องการตั้งราคานั้นไม่เกี่ยวกับต้นทุนแต่เป็นเรื่องการตลาดล้วนๆ
ในยุคนั้นกีตาร์ญี่ปุ่นซึ่งใช้ Martin เป็นต้นแบบทุกยี่ห้อก็เลยเอาอย่างบ้างโดยขายรุ่นที่ใช้ไม้หลังสามชิ้นแพงกว่าไม้หลังสองชิ้นทั้งๆที่ไม่มีเหตุผลในด้านเสียงหรือต้นทุนเลยครับ
-
ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปอยากขอความรู้เกี่ยวกับ N series ของ Yamaha ด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
-
เรื่องไม้หลังสามชิ้นนี่เป็นเรื่องของค่านิยมล้วนๆครับ Martin ในยุดหลังสงครามถึงยุคต้น '60s นั้นรุ่นที่แพงสุดก็คือ D-28 พอกีตาร์เริ่มขายดีจนแทบหาวัตถุดิบไม่ทันในยุค folk boom ทางฝ่ายบัญชีของ Martin ก็เลยเสนอว่าเรามีเศษไม้ brazilian rosewood ที่ขนาดเล็กเกินไปที่จะใชทำไม้หลังอยู่เต็มโรงงานดังนั้นทำไมเราไม่ทำกีตาร์ที่มีไม้หลังสามชิ้นออกมาขายบ้าง Martin D-35 จึงเป็นกีตาร์รุ่นแรกที่ใช้ไม้หลังสามชิ้นและเป็นรุ่นแพงสุดของ Martin (ก่อนที่จะผลิต D-45 ในปี 1969) ความจริงก็คือเรื่องการตั้งราคานั้นไม่เกี่ยวกับต้นทุนแต่เป็นเรื่องการตลาดล้วนๆ
ในยุคนั้นกีตาร์ญี่ปุ่นซึ่งใช้ Martin เป็นต้นแบบทุกยี่ห้อก็เลยเอาอย่างบ้างโดยขายรุ่นที่ใช้ไม้หลังสามชิ้นแพงกว่าไม้หลังสองชิ้นทั้งๆที่ไม่มีเหตุผลในด้านเสียงหรือต้นทุนเลยครับ
ใช่เลยครับ รสนิยมล้วนๆ ต้นทุนผมว่าอาจต่ำกว่า ได้กำไรมากกว่าด้วยซ้ำ
-
อาจด้วยความเป็นbrazilian rosewoodแม้จะ3แผ่นแต่ก็พยายามตกแต่งเดินเส้นสายอย่าปราณีตก็เลยพอเรียกราคาได้กระมังครับ แต่คาดว่าต้นทุนนี้น่าจะต่ำมากๆโดยเฉพาะในสมัยนั้น
-
ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปอยากขอความรู้เกี่ยวกับ N series ของ Yamaha ด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
์N series ผลิตในยุคต้น '80s มีอยู่สามรุ่นคือ N500 all laminated, N700 solid top, N1000 all solid (ราคา 100,000 yen เท่ากับ L10) ผมยังไม่เคยใด้ลองเสียงแต่ราคามือสองโหดมาก (200,000+ yen) ผมจะไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงสงกรานต์ถ้าใด้เจอตัวจริงก็จะหาโอกาสลองครับ
-
ขอบคุณครับ รออ่านครับ