อะคูสติกไทยเวปบอร์ด
Acoustic Webboard => ห้องพูดคุย Acoustic Guitars and Accessories และทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: win2518 ที่ พฤษภาคม 19, 2016, 21:59:40
-
อยากทราบประวัติโรงงาน GUILD ครับ ตั้งแต่เปิด-ปัจจุบัน น้าๆพอทราบไหมครับ
ผมพึ่งได้ guild usa มาแต่หาประวัติแบบภาษาไทยไม่ได้เลยครับ
*** ขอบคุณน้าๆล่วงหน้าครับ
-
Guild ถือกำเนิดในปี 1952 หลังจาก Epiphone ปิดโรงงานที่ New York
และย้ายไป Philadelphia ตอนนั้นพวกช่างและผู้บริหารหลายคนไม่ยอมย้าย
เลยไปชักชวนนายทุนคือ Alfred Dronge เปิดบริษัทใหม่ซะเลย
(Epiphone ทำกีต้าร์อยู่ใด้อีกสี่ปีก็เจ๊งเพราะทนแรงเสียดทานจากน้องใหม่คือ Guild และ Fender
ไม่ไหวเลยต้องขายบริษัทให้ Gibson ไปครับ)
โรงงานแรกของ Guild ตั้งอยู่บน loft เล็กฯที่ 536 Pearl St., New York City, New York จนถึงปี 1956 ก็เริ่มขายดีจนต้องขยับขยายมาเปิดโรงงานใหม่ที่ 300 Observer Hwy.,Hoboken, New Jersey เหตุผลที่ต้องย้ายโรงงานข้ามรัฐก็เพราะปัญหาเรื่องการเรียกร้องจากสหภาพแรงงานของ New York ที่ค่อนข้างโหดและเป็นเหตุผลที่ทำให้ Epiphone ต้องปิดโรงงานมาแล้ว
Guild ย้ายโรงงานแบบฉลาดเพราะโรงงานใหม่นั้นอยู่ห่างโรงงานเก่าแค่ 3.6 miles เท่านั้นทำให้ไม่มีช่างต้องลาออกแม้แต่คนเดียว
(https://i.ibb.co/rfGC1xf/guild01.jpg)
ป้ายใน soundhole ของ Guild ยุคนั้นครับ
(https://i.ibb.co/V3LDptw/Guild-Label-1-leiea1.jpg)
กีตาร์ Guild ในยุคแรกนั้นเป็นกีตาร์แจ๊ซตามแบบ Epiphone เสียส่วนใหญ่แต่ก็เริ่มผลิตกีตาร์โปร่งตั้งแต่ปี 1954 ในรุ่นต่อไปนี้
04/1954: F-30, F-40, F-50
1956: F-20
1958: F-20NT, M-20
1962: Mark Series (classical guitars)
1963: D-40, D-50
12/1963: F-212, F-312
โรงงาน Hoboken ปิดลงในปี 1967 ครับ
ยังเหลืออีก 7 โรงงาน คงใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะจบครับ
-
Guild ถือกำเนิดในปี 1952 หลังจาก Epiphone ปิดโรงงานที่ New York
และย้ายไป Philadelphia ตอนนั้นพวกช่างและผู้บริหารหลายคนไม่ยอมย้าย
เลยไปชักชวนนายทุนคือ Alfred Dronge เปิดบริษัทใหม่ซะเลย
(Epiphone ทำกีต้าร์อยู่ใด้อีกสี่ปีก็เจ๊งเพราะทนแรงเสียดทานจากน้องไหม่คือ Guild และ Fender
ไม่ไหวเลยต้องขายบริษัทให้ Gibson ไปครับ)
โรงงานแรกของ Guild ตั้งอยู่บน loft เล็กฯที่ 536 Pearl St., New York City, New York จนถึงปี 1956 ก็เริ่มขายดีจนต้องขยับขยายมาเปิดโรงงานใหม่ที่ 300 Observer Hwy.,Hoboken, New Jersey เหตุผลที่ต้องย้ายโรงงานข้ามรัฐก็เพราะปัญหาเรื่องการเรียกร้องจากสหภาพแรงงานของ New York ที่ค่อนข้างโหดและเป็นเหตุผลที่ทำให้ Epiphone ต้องปิดโรงงานมาแล้ว
Guild ย้ายโรงงานแบบฉลาดเพราะโรงงานใหม่นั้นอยู่ห่างโรงงานเก่าแค่ 3.6 miles เท่านั้นทำให้ไม่มีช่างต้องลาออกแม้แต่คนเดียว
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/guild01.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/guild01.jpg.html)
ป้ายใน soundhole ของ Guild ยุคนั้นครับ
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/Guild-Label-1_leiea1.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/Guild-Label-1_leiea1.jpg.html)
กีตาร์ Guild ในยุคแรกนั้นเป็นกีตาร์แจ๊ซตามแบบ Epiphone เสียส่วนใหญ่แต่ก็เริ่มผลิตกีตาร์โปร่งตั้งแต่ปี 1954 ในรุ่นต่อไปนี้
04/1954: F-30, F-40, F-50
1956: F-20
1958: F-20NT, M-20
1962: Mark Series (classical guitars)
1963: D-40, D-50
12/1963: F-212, F-412
โรงงาน Hoboken ปิดลงในปี 1967 ครับ
ยังเหลืออีกห้าโรงงาน คงใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะจบครับ
ผมนี่รู้สึกหัวใจเต้นรัวเลยครับ ที่จะรู้ข้อมูลอีก 5 โรงงาน ขอบคุณน้ากฤษณ์ มากๆครับ
-
Westerly Guilds (1967-2001)
ในยุค '60s นั้นเป็นยุครุ่งเรืองของกีตาร์ทั้งไฟฟ้าและโปร่งซึ่งมีผลให้ผู้ผลิตกีตาร์ยี่ห้อดังๆหลายเจ้าขายดีจนผลิตไม่ทันเลยต้องหานายทุนมาซื้อหุ้นเพื่อขยายโรงงานหรือสร้างใหม่ Guild ก็ใด้ AVNET มาถือหุ้นใหญ่ในปี 1966 ตอนนั้นผู้ก่อตั้งคือ Al Dronge ก็ไปเจอโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์อายุสามสิบปีที่ Westerly, Rhode Island ประกาศขายอยู่ก็เลยเอาเงินจากนายทุนใหม่ไปซื้อทันที คราวนี้ก็เลยใด้พวกเครื่องจักร์อย่างเลื่อยและตู้อบไม้แถมมาด้วยและยังใด้ช่างไม้เก่ามาอีก 25 คน
(https://i.ibb.co/xCV9x7V/westerly.jpg)
Al Dronge ชอบขับเครื่องบินส่วนตัวไปกลับระหว่างบ้านใน New York และโรงงานใน Westerly และประสพอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียชีวิตในปี 1972 แต่ก็ไม่มีผลเสียกับเรื่องคุณภาพของ Guild เพราะพวกช่างเก่งๆยังอยู่กันครบและบริษัทแม่คือ AVNET ก็ไม่ใด้เข้ามายุ่งเรื่องการประหยัดต้นทุนเหมือนยี่ห้ออื่นๆในตอนนั้น Guild Westerly ก็เลยมีคุณภาพที่ดีสม่ำเสมอมาตลอดอายุการผลิตที่ยาวนานถึง 34 ปี
-
โอ้ว กระทู้ในฝันเลยครับ ประวัติ guild ฉบับภาษาไทย ^__^
ปูเสื่อรอชมอีกคนครับ
-
ผมชอบGuild made from Westerlyเป็นพิเศษเลยครับ แน่นอนจริงๆ
-
ก่อนจะเล่าต่อขอความกรุณาท่านเจ้าของกระทู้ช่วยแก้หัวข้อเป็น "อยากทราบประวัติโรงงานของ Guild " เพราะถ้ามีใครอยากค้นคว้าในอนาคตจะใด้หากระทู้เจอครับ
ประวัติของกีตาร์ Guild นั้นมีคนรวบรวมเป็นหนังสืออยู่คนเดียวคือ Han Moust แต่ "The Guild Guitar Book" ของเขามีข้อมูลจากปี 1952 ถึง 1977 เท่านั้น ข้อมูลหลังจากนั้นผมต้องรวบรวมเองจากคาตาล้อกและหนังสืออ้างอิงที่เก็บไว้เองเป็นส่วนใหญ่ อาจมีรายละเอียดตกหล่นไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วยครับ
กีตาร์จากโรงงานที่ Westerly นั้นในปี 1968 ก็เริ่มมีรุ่นใหม่ออกมาเสริมรุ่นเดิมที่ย้ายมาจาก Hoboken ใด้แก่
1968: D-25, D-35, D-55*, F-412*, F-512* (* Special order only ไม่มีขายทั่วไป)
1969: M-20 HG, M-20 3/4
1973: G-37, F-40 ,F-30R, F-48
1974: G-41, G-212, G-312
1975: G-75
1976: B-50 bass
1980: D-46
1981:D-70
1982: F-45CE
1983: D-15, D15-12,D-25C, DS-48CE, D-47CE, D-52, D-80, D-100, FS-46CE, FS-46 bass
1984:D-60, D-62, D-64, D-66, f-42, F-44, F-46
1987: D-25/12, D-60, D-65, F-45, GF-25, GF-30, GF-40, GF-50, GF-60, JF-30, JF-50R, B-30 bass
1989: JF-55, JF-65
1991: D-4
1992: DV-52, JF-4, JF-100
1993: DV-62, DV-72, DCE-1
1994: DCE-5, JV-52
1996: A-25, A-50, JF-100C
ในปี 1995 Fender ใด้เข้าซื้อกิจการของ Guild เพื่อเอามาสร้างชื่อเสียงในด้านกีตาร์โปร่งราคาสูงซึ่งตัวเองไม่เคยทำใด้สำเร็จ อีกหกปีต่อมาตัวโรงงาน Westerly ซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีแล้วก็โดน Fender ขายทิ้งเพราะไม่คุ้มค่าซ่อมทั้งตัวอาคารและเครื่องจักร์และก็เป็นจุดเริ่มต้นของตำนาน "กีตาร์พเนจร" ของ Guild USA
ทุกวันนี้ก็ยังมีหลายคนที่เชื่อว่า Westerly Guild มีคุณภาพเหนือกว่า Guild โรงงานอื่นๆ (ผมมี Guild มาแล้วเกินห้าสิบตัวจากห้าโรงงาน ผมว่าไม่จริงเสมอไปนะครับ)
-
แก้ไขเรียบร้อยครับ
ขอบคุณน้ากฤษณ์อีกครั้งสำหรับความกรุณาครับ
-
เคยมีแต่ Guild จีน อยากได้ Guild westerly USA สักตัวเหมือนกันครับ
-
มาต่อเร็วๆเลยครับลุงกฤษณ์ ส่วนตัวผมมีGuild USA 3ตัวคือD25,D50-BGS และF-50 ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโรงงานTacomaทั้งหมด เพราะชอบไม้และฝีมือจากโรงงานนี้เป็นพิเศษครับ
-
ขอบพระคุณน้ากฤษณ์ที่ได้นำเสนอข้อมูลที่ดีและมีประโยชน์มากครับ ผมรู้จักGUILDตั้งแต่ประมาณปี1975-1976จากการติดตามผลงานของJohn DenverและประทับใจในF50Rมาเสมอ จะติดตามต่อไปครับ
-
Guild พเนจร
ผมรวบรวมที่ตั้งโรงงานของ Guild ซึ่งย้ายมาแล้วสี่ครั้งตั้งแต่ปี 2001 ในแผนที่ด้านล่าง จะเห็นใด้ว่าในการย้ายแต่ละครั้งนั้นสถานที่ตั้งมันห่างกันจนแทบจะไม่มีทางที่ช่างคนเดิมจะย้ายตามไปด้วย
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/guildfac.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/guildfac.jpg.html)
Corona Guilds (2001-2004) โรงงาน "ปริศนา" ใน Corona
เมื่อ Fender คิดจะเอาจริงกับ Guild ก็เลยต้องย้ายโรงงานข้ามทวีปจาก Westerly, Rhode Island ที่เก่าจนซ่อมไม่คุ้มเพราะเปิดมา 64 ปีแล้วมาอยู่กับโรงงาน Fender ที่ Corona, California เพื่อจะใด้ดูแลอย่างไกล้ชิด
Fender ไม่เคยพาใครไปชมโรงงานกีตาร์โปร่ง Guild ที่ Corona เลยแม้แต่คนเดียวแต่ก็ไม่ใด้สร้างโรงงานขึ้นมาใหม่แน่นอน กีตาร์โปร่งของ Guild ออกวางตลาดในปี 2002 เพียง 12 รุ่นจากคาตาล้อคเก่าที่ผมเก็บใว้ครับ
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC04356.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC04356.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC04357.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC04357.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC04358.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC04358.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC04359.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC04359.jpg.html)
Guild จากโรงงานนี้แทบจะไม่มีข้อมูลในเว็บ แม้แต่ปีที่ผลิตก็ไม่มีการเก็บประวัติใว้ที่โรงงาน ตอนนี้มีการเปิดเผยว่าโรงงานกีตาร์โปร่ง Guild ที่ Corona นั้นมีเพียงไลน์ประกอบและพ่นแลกเกอร์ของชิันส่วนที่ส่งตรงมาจาก Westerly ที่ช่างเก่าเป็นคนผลิต
WIKIPEDIA: "To ease the Corona facility (which had only made electric guitars up to this point) into making archtop and acoustic guitars, the Westerly factory artisans and workers prepared guitar 'kits' that they shipped to Corona. These kits were near-complete production guitars that only needed finishing and final assembly before being sent to retailers."
ดังนั้นข่าวลือที่บอกว่า Corona Guilds คุณภาพห่วยก็ไม่น่าจริงเพราะคนที่สร้างก็คือข่างของโรงงาน Westerly เดิมๆนั่นเอง
โรงงาน Corona ปิดกิจการลงในปี 2004 หลังจาก Fender ซื้อกีตาร์ Tacoma ใด้ครับ
-
Tacoma Guilds (2005-2007)
เรื่องราวของโรงงาน Tacoma มีจุดเริ่มต้นในเกาหลีครับ บริษัท Young Chang คือผู้ผลิตเปียโนรายใหญ่สุดของเกาหลีที่ใช้คนงานสองพันกว่าคนและมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50%
ส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในเรื่องเสียงของเปียโนก็คือ soundboard ที่ทำหน้าที่เหมือนกับไม้หน้าของกีตาร์ ไม้ที่นิยมใช้กันมากสุดก็คือ sitka spruce ที่มีขนาดใหญ่กว่าไม้หน้ากีตาร์หลายเท่า
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/Photo02.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/Photo02.jpg.html)
ในปี 1991 Young Chang ก็เลยลงทุนไปซื้อที่ดินขนาด 125 ไร่ใน Tacoma, Washington เพื่อสร้างโรงเลื่อยและ stock yard สำหรับตากไม้โดยใช้เงินลงทุนไปกว่า 20 ล้านดอลล่าร์เพื่อส่งไม้แปรรูปกลับไปใช้ที่เกาหลีโดยตรง
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/Picea_sitchensis_distribution_map.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/Picea_sitchensis_distribution_map.jpg.html)
เมื่อดูแผนที่ของป่าไม้ sitka spruce ข้างบนก็น่าสงสัยว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะมาตั้งโรงเลื่อยในอเมริกาทั้งๆที่เขยิบไปไม่กีไมล์ก็เข้าเขตประเทศคานาดาที่มีมาตรการยกเว้นภาษีดีกว่า เรื่องนี้เกาหลีเขาไม่โง่หรอกครับ
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/Steinway-O-169690-004.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/Steinway-O-169690-004.jpg.html)
จากรูปข้างบนจะเห็นใด้ว่า piano soundboard นั้นเขาใช้ไม้หน้ากว้างแค่ 5-6" มาต่อกันเป็นสิบๆแผ่นก็เลยไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้ไม้แผ่นใหญ่ลายสวยๆเพราะใช้ไปก็ไม่มีใครเห็น ไม้แผ่นใหญ่ลายสวยนั้นควรเอามาทำกีตาร์โปร่งแต่จะขนกลับไปขายที่เกาหลีก็เสียของ ดังนั้นเขาจึงก่อตั้ง Tacoma Guitars มาผลิตขายเองซะดีกว่าและยังใด้ชื่อว่า Made in USA อีกด้วยซึ่งมีดีกรีเหนือกว่า Made in Canada หรือ Made in Korea หลายเท่าตัว
บริษัท Young Chang ก็มาเผชิญวิกฤติ "ต้มยำกุ้ง" เหมือนเกาหลีทั้งประเทศในปี 1997 ก็เลยต้องลดโหลดและขาย Tacoma Guitars ให้กลุ่มนายทุนที่นำโดยผู้จัดการโรงเลื่อย J.C. Kim ในปี 1999
กีตาร์ Tacoma ในยุคนั้นดังเป็นพลุแตกเพราะราคาถูก ไม้สวยและเสียงดีขนาดเมื่อปี 2000 เขาเคลมว่า Tacoma มียอดขายในอเมริกาเป็นอันดับสามรองจาก Taylor และ Martin (สำหรับกีตาร์โปร่งที่ผลิตในอเมริกา) เรื่องนี้กลับจบไม่สวยเพราะอีกสี่ปีต่อมาบริษัท Tacoma Guitars ก็ต้องถูกศาลบังคับให้ล้มละลาย
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเล่าต่อครับ
-
มาติดตามอ่านต่อครับ ขอบคุณน้ากฤษณ์มากครับ
-
Tacoma Guilds (ตอนที่ 2)
ปัญหาที่ล้มบริษัท Tacoma เป็นปัญหาเรื่องผิว catalyzed polymer สูตรที่ใช้เคลือบระหว่างปี 1998-1999 ครับ บริษัทที่ผลิตกีตาร์เจ้าเก่าๆอย่าง Martin, Gibson, Guild นั้นเขาจะผสม nitrocellulose lacquer เองเพราะมันไม่มีอะไรยุ่งยากและเป็นวิธีที่ใช้กันมาเป็นร้อยปีแล้ว ส่วนบริษัทใหม่อย่าง Breedlove, Taylor, Tacoma เขาใช่การเคลือบแบบ catalyzed polymer ที่ใช้แสง infrared อบให้แห้งใด้ภายในเวลา 15 นาทีและใด้ผิวที่แข็งกว่าและใสกว่าผิวไนโตรแถมยังลดต้นทุนใด้เยอะด้วย น้ำยาเคลือบแบบใหม่นี่ผสมเองไม่ใด้แต่ต้องซื้อจากผู้ผลิตที่เขาทำขายสำหรับเคลือบสีรถยนตร์ที่ผิวเป็นโลหะ พอเอามาใช้กับกีตาร์ที่ผิวเป็นไม้ในยุคแรกๆก็เริ่มมีปัญหาตามมาหลังจากใช้งานไปใด้สองสามปี ปัญหาอาจเริ่มที่ฝ้าขึ้นหรือถ้าสูตรผิดหนักก็มีอาการผิวลอกเป็นแผ่น (delamination) Tacoma นั้นเป็นหนักกว่ายี่ห้ออื่นเยอะอย่างในรูปข้างล่างครับ
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/tac1.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/tac1.jpg.html)
ถึงแม้กีตาร์รุ่นหลังจะไม่มีปัญหานี้แต่กีตาร์รุ่นเก่าที่ถูกส่งกลับมาเคลมเป็นพันๆตัวก็ทำให้ Tacoma ขาดทุนยับเยินแถมยังเสียชื่อจนยอดขายตกไปเยอะมาก (ในอเมริกากีตาร์ส่วนใหญ่เขารับประกันซ่อมฟรีตลอดชีวิต) จนโดนฟ้องล้มละลายในปี 2004 ทาง Fender เลยฉวยโอกาสเข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้และทำ hair cut มาใด้ในราคา 2 ถึง 4 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น
คราวนี้ Fender เลยใด้โรงงานที่ทันสมัยสุดๆแถมช่างฝีมืออีกเจ็ดสิบกว่าคนและใด้ lumber yard ที่มีสต้อคไม้ spruce มากมายอีกด้วย
-
เมื่อ Guild ย้ายมาโรงงานใหม่ที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 4,000 ตรม. มีเครื่องมือเครื่องจักร์ทันสมัยและมีช่างที่ชำนาญงานกว่าเจ็ดสิบคนก็เลยมีกำลังผลิตเหลือเฟือที่จะขุดรุ่นในอดีตที่ดังๆออกมาผลิตใหม่เกือบครบทุกรุ่น ผมเลยไม่ขอแยกแยะว่ามีรุ่นไหนบ้างเพราะหาอ่านเอาในเว็บใด้ง่ายมากครับ ยุค Tacoma นี้นับใด้ว่าเป็นยุคทองของ Guild เพราะมาตรฐานการผลิตดีมากและยังมี GAD Series ที่ผลิตในจีนมาเสริมตลาดล่างอีกด้วย
นอกจากนี้ก็ Guild ยังออกซีรี่ใหม่ที่ล้ำสมัยสุดๆคือ Contemporary Series มาขายอีก 9 รุ่นระหว่างปี 2006-2008 ซีรี่นี้เสียงดีสุดๆครับและหน้าตาทันสมัยอีกต่างหากแต่ก็มาตายน้ำตื้นด้วยการออกแบบที่ล้ำสมัยของมันนี่เอง
ลองมาดูหน้าตาของ Guild CV-1 ของผมที่ไม้สวยเกินราคาเพราะ Fender ไม้ต้องไปซื้อไม้มาใช้แต่เอามาจากสต้อคของโรงเลื่อย Tacoma
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC05771.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC05771.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC05785.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC05785.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC05794.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC05794.jpg.html)
นอกจากสวยแล้วยังเสียงดีสุดๆด้วยระบบเชื่อมคอแบบใหม่ที่คิดค้นโดย Senior Master Builder สองคนคือ Dan Smith และ George Blanda ซึ่งใช้การฝังแท่ง graphite เข้าไปในคอและใช้โครง graphite ยึดกับ top braces เพื่อให้ใด้เสียงที่นิ่งและหางเสียงยาว ระบบนี้ใด้รับลิขสิทธิ์ในปี 2005 ครับ
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/guildspider.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/guildspider.jpg.html)
เจ้า graphite neck block นี่เองที่เป็นตัวเจ้าปัญหาเพราะพอใช้ไปซักพักคอก็เริ่มยกและเสียศูนย์จนเล่นยาก ตัวของผมก็ส่งให้ช่างชั้นปรมาจารณ์สองคนไปแก้ก็หายไปเดี๋ยวเดียวแล้วก็เป็นใหม่จนมาเจอช่างต้าแก้ให้ถึงใด้หาย ปัญหานี้น่าจะเป็นกับ Guild Temporary Series เยอะมากจน Fender รับคืนแล้วเปลี่ยนเป็นกีตาร์ standard series ให้กับผู้ซื้อเป็นร้อยราย ส่วนตัวที่รับคืนก็เอาไปแต่งคอใหม่แล้วแสตมป์ที่หัวว่า "USED" เอามาขายถูกๆ กีตาร์ซีรี่นี้ที่เขาโล๊ะขายมีพ่อค้าในบ้านเราซื้อมาขายต่อกันเยอะนะครับ ถ้าไปเจอก็เช็คให้ดีด้วย
ในฐานะที่เคยเป็นวิศวกรโครงสร้างผมก็เลยไปอ่าน patent ดูก็เลยนึกออกว่า Fender พลาดตรงไหน ถ้าคุณจะเอาว้สดุสองชนิดมาประกอบกันเป็นโครงสร้างคุณต้องแน่ใจว่าวัสดุทั้งสองมีสัมประสิทธิ์การขยายตัวเนื่องจากความร้อน (Thermal Expansion Coefficient) ไกล้เคียงกัน ตัวอย่างที่เห็นกันทุกวันก็คือคอนกรีตกับเหล็กที่เราเอามาทำโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กนั่นเอง
ไม้นั้นขยายตัวตามความร้อนพอๆกับเส้นใยกราไฟต์ในแนวขนานกับเกรนแต่ขยายตัวมากกว่ากราไฟต์สิบเท่าในแนวตั้งฉากกับเกรน คราวนี้พออุณหภูมิขึ้นๆลงๆมันก็เกิดการบิดตัวแน่นอน ยิ่งถ้ามาเจอความชื้นแถวบ้านเราก็ยิ่งไปกันใหญ่ ใครอยากลองให้เห็นกับตาก็ต้องไปซื้อ Guild CV, CO และ Willy Porter Signature มาใช้ครับ
เดี๋ยวมาต่อเรื่องไม้ที่ใช้กับ Tacoma Guilds ครับ
-
ขอบคุณน้า กฤษณ์ อ่านเพลิดเพลิน
-
ขอบคุณอาจารณ์ครับ ได้ความรู้เพึยบเลย
-
ยอดเยี่ยมและไม่ผิดหวังเลยจริงๆครับสำหรับข้อมูลของลุงกฤษณ์ เห็นด้วยครับกับจุดเด่นของGuild Tacomaนั่นคือไม้สวย ช่างเก่ง ราคาไม่แพง และนั่นจึงทำให้ผมชอบGuild Tacomaมาจนถึงทุกวันนี้ ขอแสดงความคารวะอีกครั้งกับความรู้ที่คุณลุงได้สละเวลานำมาแบ่งปันสมาชิกทุกๆท่านครับ
-
การย้ายโรงงานจาก Corona มา Tacoma ก็เป็นครั้งแรกที่กีตาร์ Guild ใด้เข้าสู่ยุคไฮเทคกับเขาซะทีเพราะใด้เครื่องมือสมัยใหม่ของ Tacoma มาใช้แทนเครื่องมือโบราณที่ใช้มาห้าสิบปีแล้ว แน่นอนว่ามาตรฐานของการผลิตก็สูงขึ้นด้วย ลองดูเครื่อง side bender ชุดเก่าเทียบกับชุดใหม่ครับ
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/guild-tacoma.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/guild-tacoma.jpg.html)
การเปลี่ยนแปลงที่น่าจะมีผลมากทางจิตวิทยาที่สุดก็คือการเปลี่ยนไม้หน้าจาก sitka spruce มาเป็น adirondack spruce หรือ red spruce ในรุ่น F-30, F-40, D-40 และ D-50 สำหรับ Tacoma Guilds
เมื่อ Guild ฉีกตำนาน Red Spruce
กีตาร์ Martin ในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สองหรือยุค Golden Era นั้นเขาใช้ red spruce ทำไม้หน้า ในช่วงสงครามนั้น red spruce ซึ่งเป็น spruce ที่แข็งกว่าสายพันธุ์อื่นๆก็ถูกตัดไปใช้ทำชิ้นส่วนเครื่องบินจนเกือบหมดป่า ในยุคหลังสงคราม Martin เลยต้องเปลี่ยนมาใช้ sitka spruce แทน
พอมาถึงยุค 1990s red spruce ก็เริ่มมีขายอีกครั้ง ตอนแรกนั้น Martin ไม่ยอมเอากลับมาใช้เพราะหน้าตามันไม่สวย กีตาร์ที่ทำเลียนแบบ Prewar Martin อย่าง Collings และ Santa Cruz ก็เลยเป็นผู้เอามาใช้ก่อนในปี 1995 จนเกิดกระแสนิยมขึ้นมาในตลาดกีตาร์ไฮเอ็นด์ Martin ก็เลยเอามาใช้ในรุ่น Golden Era ตั้งแต่ปี 1999 ความจริงแล้ว Martin เคยใช้ red spruce ก็เพราะราคามันถูกเนื่องจากมันขึ้นอยู้แถวๆโรงงาน Martin ที่ Nazareth, PA ครับ
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/Picea_rubens_range_map.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/Picea_rubens_range_map.jpg.html)
Red spruce รุ่นใหม่นี่ลายเกรนจะค่อนข้างห่างเพราะมันโตเร็วขึ้นหลังจากที่ต้นใหญ่ๆถูกตัดไปเกือบหมดเลยไม่โดนบดบังแสงแดด เรื่องราคานั้นก็แพงกว่า sitka spruce หลายเท่าตัว
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/redspr.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/redspr.jpg.html)
ถ้าคุณซื้อ red spruce มาทำกีตาร์เองนั้นคุณต้องจ่ายเพิ่มอีกประมาณสองพันบาทแต่ถ้าไปสั่งให้ Collings, Santa Cruz หรือ Martin เปลี่ยนไม้หน้าจาก sitka มาเป็น red spruce คุณต้องจ่ายเพิ่มอีกสามหมื่นกว่าบาท ในด้านตรงกันข้าม Tacoma Guild รุ่นถูกๆจะใช้ไม้หน้าเป็น red spruce แต่รุ่นแพงคือ D-55, F-50 กลับใช้ไม้หน้าเป็น sitka spruce มันน่างงไหมล่ะครับ
เหตุผลแรกที่ผมเดาออกคือ Fender ใด้ไม้ red spruce มาจากสต้อคไม้ของโรงเลื่อย Tacoma ก็เลยไม่มีต้นทุนและ Fender เองก็ไม่รู้ว่าชาวบ้านเขาขาย red spruce top กันแพงกว่า sitka spruce top หลายหมื่นบาทก็เลยเอา red spruce มาใช้กับรุ่นถูกเพราะหน้าตามันไม่สวยเอาซะเลย
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC09819.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC09819.jpg.html)
เมื่อตอนที่ Tacoma Guild ออกวางตลาดใหม่ๆนั้นผมก็รีบซื้อ D-50 มาตัวหนึ่งเพราะไม้หน้า red spruce ของมันนี่แหละ พอเอามาเทียบเสียงกับ D-50 ปีเก่าที่มีอยู่ก็ผิดหวังเพราะเสียงตัวใหม่มันอั้นกว่าเยอะ หลังจากใส่ไว้ในกล่องเกือบสามปีก้มีคนหยิบมาลองในงานเปิดบ้านโดยที่ผมไม่ทราบแล้วเดินมาถามผมว่าจะขายไหม ผมก็เลยเอามาลองเสียงแล้วเกิดอาการช้อคเพราะเสียงมันดีขึ้นเป็นกีตาร์คนละตัวเลย หลังจากคราวนั้นเลยใด้ความรู้ใหม่ว่า red spruce ของ Guild นี่ต้องรอซักสามปีกว่าเสียงมันจะเปิด (ผมไม่ผ่อนสายเวลาเก็บกีตาร์นะครับ ถ้าผ่อนสายก่อนเก็บอีกสิบปีเสียงก็ไม่เปิด)
คราวนี้ผมก็เลยใด้ข้อสรุปว่าที่เจ้าอื่นเขาคิดค่าไม้หน้า red spruce เพิ่มอีกหลายหมื่นบาทนั้นก็คงเป็นเพราะเขาต้องมาปรับแต่งให้ไม้หน้ามันบางลงเพื่อให้มันสั่นใด้เต็มที่โดยไม่มี distortion เนื่องจาก red spruce นั้นมันแข็งกว่า sitka spruce เยอะ ส่วน Guild นั้นน่าจะใช้ความหนาเท่ากันทั้งหมดโดยไม่มีการปรับแต่งใดๆเลยขายใด้ในราคาถูกทั้งๆที่ไม้ก็ไม่ใด้สวยน้อยกว่า
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/img_6638.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/img_6638.jpg.html)
ลองฟังเสียงดีกว่าครับ อย่าง Tacoma Guild D-40 ตัวนี้อายุหกปีแล้วเสียงก็ยังเปิดไม่หมดเมื่อเทียบกับ Martin D-18GE (ตอนเทียบเสียงอย่าลืมว่า Martin D-18GE ราคาสองเท่าของ Guild D-40 นะครับ)
http://youtu.be/T-VBm3ft6Rs (http://youtu.be/T-VBm3ft6Rs)
http://youtu.be/a4As6fFPq3M (http://youtu.be/a4As6fFPq3M)
สรุปใด้ว่า Guild เอา red spruce มาใช้ในโรงงาน Tacoma แบบค่อนข้างจะ "เสียของ" แต่เขาก็แก้ตัวใด้ในยุคต่อมา
-
น้า admin ควรปักหมุดไว้เลยนะครับกระทู้นี้
-
์New Hartford Guilds (2008-2014) จุดจบของ Fender
เมื่อตอนที่ Fender ซื้อ Tacoma Guitars มาในปี 2004 นั้นก็ใด้ทั้งสต้อคไม้สวยๆและเครื่องมือเครื่องจักร์ที่ทันสมัยมาในราคาที่ถูกเหลือเชื่อ (2-4 million USD) แต่ตัวโรงงานนั้นเป็นอาคารเช่าที่กำลังจะหมดสัญญาตอนสิ้นปี 2007 ผมก็ไม่ทราบว่า Fender คิดอะไรอยู่ถึงใด้ไม่ต่อสัญญาแต่กลับกู้เงิน 117 ล้านเหรียญมาซื้อ Ovation และโรงงานที่ New Hartford, Connecticut เพื่อเอามาผลิตกีตาร์ Guild ในปีเดียวกัน
Ovation USA ในปี 2006 นั้นกำลังเข้าสู่ยุคตกต่ำมียอดขายเพียง 8,811 ตัวซึ่งน้อยมากเทียบกับเมื่อปี 1981 ในยุครุ่งเรืองที่มียอดขายถึง 46,998 ตัว แน่นอนว่าโรงงานที่เคยทำกีตาร์ปีละเกือบห้าหมื่นตัวย่อมมีพื่นที่ว่างเหลือเฟือสำหรับตั้งไลน์ผลิตกีตาร์โปร่ง Guild แถมที่โรงงานนี้ยังมีเครื่องมือเครื่องจักร์ที่ทันสมัยแม้ตัวอาคารจะดูเก่าเพราะมีอายุเกินร้อยปีแล้ว (ตอนนั้นโรงงาน Tacoma ผลิต Guild ใด้วันละประมาณ 60 ตัวหรือปีละหมื่นแปดพันตัว)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC00210.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC00210.jpg.html)
Guild จากโรงงาน New Hartford นี่ใด้รับการปรับปรุงหลายอย่างที่ทำให้เสียงดังขึ้นและน้ำหนักเบาลง อาทิเช่น
1. เปลี่ยนมาใช้ red spruce bracing ที่แข็งแรงกว่าและเหลาใด้บางกว่า sitka spruce ทำให้น้ำหนักลดลง
2. เปลี่ยนจาก solid mahogany มาใช้ laminated birch end block เพื่อลดน้ำหนัก
3. เปลี่ยนมาใช้ open gear tuners ในรุ่นแพงเพื่อลดน้ำหนัก
4. เปลี่ยนมาใช้ maple แทน rosewood bridge plate เพื่อลดน้ำหนัก
5. เปลี่ยน top radius จาก 40' เป็น 30' เพื่อให้เสียงพุ่งมากขึ้น
6. เริ่มทำไม้หน้าด้านขอบนอกให้บางลงในรุ่นที่ใช้ red spruce เพื่อให้ไม้หน้าสั่นมากขึ้นและเสียงเปิดเร็วขึ้น
แน่นอนว่า New Hartford Guild นี่น้ำหนักเบาที่สุดของ Guild จากทุกโรงงานที่ผ่านมา ส่วนเรื่องเสียงก็พุ่งกว่าและเปิดกว่า (แต่ดีกว่าหรือเปล่านี่เป็นเรื่องความชอบส่วนตัวครับ) ลองเทียบเสียง Tacoma F-30 ปี 2007 กับ New Hartford F-30 ปี 2012 ที่ใหม่กว่าห้าปีดูเองครับ
http://youtu.be/FYYJuxIBhvg (http://youtu.be/FYYJuxIBhvg)
http://youtu.be/xpibTik5VJg (http://youtu.be/xpibTik5VJg)
http://youtu.be/KjOkUyZOngs (http://youtu.be/KjOkUyZOngs)
2008 Big Recession
หลังจาก Fender ทุ่มทุนซื้อ Ovation มาใด้หนึ่งปีก็เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1929 ในอเมริกา กีตาร์ราคาแพงซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยก็เลยยอดขายตกระเนระนาด ถ้าเป็นยี่ห้อดังยังไม่เท่าไหร่แต่ยี่ห้อที่ไม่อยู่ในกระแสนิยมอย่าง Ovation นี่ยอดขายหายเกลี้ยง ในปี 2013 นั้น Ovation USA ขายใด้แค่ 119 ตัว Adamas ขายใด้ 81 ตัวซึ่งไม่พอจะจ่ายดอกเบี้ยของเงิน 117 ล้านดอลล่าร์ที่ Fender ยืมมาซื้อ Ovation อย่างแน่นอน
เมื่อไม่มีเงินมาจ่ายเงินเดือนพนักงาน Fender ก็เลยต้องตัดสินใจปิดโรงงาน New Hartford ในเดือนเมษายน 2014 และขายยี่ห้อ ovation พร้อมโรงงานให้กับ Drum Workshop ซึ่งก็เปิดสายการผลิตใหม่เมื่อปลายปีที่แล้วและเปิดตัวในงาน NAMM 2016 ที่ผ่านมาครับ
http://youtu.be/ISoVTQHpeG0 (http://youtu.be/ISoVTQHpeG0)
ส่วนอะไรใด้เกิดขึ้นกับ Guild นั้นเดี๋ยวค่อยมาเล่าเบื้องหลังต่อครับ
-
เคยลอง guild มาหลายรุ่น ทั้ง usa และ china
แต่ยังไม่เคยโดนสักตัวเดียว ไม่รู้ทำไม เหมือนซาวมันจะสุดแต่ไม่สุด เสน่ห์ไม่มีอะไรแบบนั้น
ขอบคุณคุณกฤษณ์ สำหรับ story ครับ
-
เคยลอง guild มาหลายรุ่น ทั้ง usa และ china
แต่ยังไม่เคยโดนสักตัวเดียว ไม่รู้ทำไม เหมือนซาวมันจะสุดแต่ไม่สุด เสน่ห์ไม่มีอะไรแบบนั้น
ขอบคุณคุณกฤษณ์ สำหรับ story ครับ
ถ้าลองแล้วไม่โดนก็คือไม่โดนครับ ผมเองมีความผูกพันกับ Guild เพราะมันเป็นกีตาร์ตัวแรกที่ผมซื้อด้วยเงินของตัวเองหลังจากใด้ลองเทียบกับยี่ห้ออืนๆแล้วจนหมดร้านเมื่อ 44 ปีที่แล้ว ตอนผมซื้อนั้นผมจ่ายไป 9,000 บาท (ที่อเมริกา) ซึ่งซื้อทองคำใด้ 22.5 บาท เดี๋ยวนี้กีตาร์เสียงดีเล่นง่ายราคาต่ำกว่าทองหนึ่งบาทมีให้เลือกถมเถไปครับ
-
Guild เป็น กีต้าร์ที่ ผมอยากได้มานาน ตอนนั้น ตัวไม่ถึง 20,000 หลายสิบปีมาแล้ว แต่ก็ไม่มีปัญญา ซื้อ เหมือนทองบาทล่ะ 500 มั้ง ครับ ตอนนี้ได้แล้ว ตัวเดียว สมกับรอมานานครับ
(https://s26.postimg.org/idfh5d6ax/15003251_1155971937771936_3099319223011870824_o.jpg) (https://postimages.org/)
-
Oxnard Guild (2016-)
Fender ขาย Guild ให้กับ Cordoba ตอนกลางปี 2014 โดยไม่ใด้เปิดเผยตัวเลขแต่ผมสงสัยว่าคงจะถูกมากเพราะ CEO ของ Fender ซึ่งกำลังจะเกษียนมีชือว่านาย Larry Thomas ส่วน CEO Cordoba นั้นคือนาย Jonathan Thomas ซึ่งเป็นลูกชายของเขานั่นเอง ตอนนั้น Cordoba กำลังเดือดร้อนเพราะหลังจากที่กลุ่มนายทุนอเมริกันไปซื้อยี่ห้อมาจากเสปนก็มาลงทุนสร้างโรงงานใหม่ที่ Oxnard, CA ในปี 2012 แต่ผลิตกีตาร์ขายไม่สำเร็จเพราะคนอเมริกันไม่ชอบเล่นกีตาร์สายไนล่อน พอซื้อ Guild ใด้ก็เลยใด้เอาโรงงานใหม่มาผลิต Guild ซะเลย
Asset สำคัญที่สุดที่ Cordoba ใด้ไปก็คือ Ren Ferguson ที่ Fender ซื้อตัวมาจาก Gibson และให้มาคุม Guild ตั้งแต่ปี 2012 ตอนนั้นถึงจะยังผลิตกีตาร์ไม่ใด้ก็ยังมี Guild จีนมาทำรายใด้และมีสต้อค Guild จาก New Hartford ที่ยังไม่ใด้ขายอีกหลายร้อยตัว ลองดูคลิปข้างล่างครับ
http://youtu.be/HMkiG7BSWJA (http://youtu.be/HMkiG7BSWJA)
มีเรื่องเล่ากันว่าตอน Ren Ferguson ยังหนุ่มนั้น Gibson เคยมาทาบทามให้เขาไปดูแลการผลิตกีตาร์โปร่งที่โรงงาน Nashville, TN แต่นาย Ren ไม่ยอมย้ายบ้านจาก Bozeman, Montana Gibson ก็เลยต้องมาสร้างโรงงานที่ Bozeman สำหรับผลิตกีตาร์โปร่ง พอแก่ตัวก็กลับต้องย้ายไปคุม Guild ที่ New hartford, CT แลัวย้ายข้ามทวีปอีกครั้งมาอยู่ที่ Oxnard, California
โรงงานที่ Oxnard เพิ่งเริ่มผลิตกีตาร์ใด้เมื่อต้นปีนี้และก็ทำใด้เพียงสองรุ่นคือ D-20, M-20 ซึ่งเป็นกีตาร์ราคาถูกและเป็น Guild USA รุ่นแรกที่ใช้ catalyzed polymer finish จะขายดีหรือไม่ยังไม่มีใครทราบแต่เท่าที่ฟังเสียงนี่เบสอลังการมากครับ
D-20 Oxnard, all solid mahogany
http://youtu.be/avTORq3TUhU (http://youtu.be/avTORq3TUhU)
D-25 Corona, all solid mahogany
http://youtu.be/GZW3BlX_Vy4 (http://youtu.be/GZW3BlX_Vy4)
ตอนตอบคำถามแรกๆผมลืมไปว่าความจริง Guild USA มี 9 โรงงานไม่ใช่ 7 เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ
-
อีกสาเหตุที่Ren Fergusonยอมย้ายมาไกลๆซึ่งผิดวิสัยของแก เป็นเพราะลูกชายแกทำงานกับFenderอยู่แล้วที่Coronaครับ แก่แล้วก็คงอยากย้ายมาอยู่ใกล้ลูกใกล้หลานแหละ
-
น้ากฤษณ์และ Admin ครับ หากเป็นไปได้ อยากเรียนเสนอขอให้กระทู้นี้และอื่นๆที่เป็นความรู้อย่างนี้ได้รับการปักหมุดไว้เพื่อเป็นวิทยาทานสำหรับนักเล่นกีต้าร์ผู้ไฝ่รู้ได้ศึกษาต่อไปครับ
-
ผมเองก็คล้ายๆกับน้ากฤษณ์ ตรงที่ผูกพันกับ Guild ในแง่ความรู้สึก เพราะเป็นกีต้าร์ตัวแรกและตัวเดียวที่ผมเก็บเงินจากการทำงานพิเศษตอนเรียนที่อเมริกาซื้อเอง หลังจากลองเล่นสารพัดยี่ห้อหลายรุ่นเกือบทุกร้านในเมืองที่อยู่ ก็มาตกอยู่ที่ Guild F50 NT ปีที่ซื้อเป็นปี 1979 อายุปีนี้ก็ 43 ปีแล้ว ยังอยู่ดีไม่เจ็บไม่ไข้ เสียงยังหนักแน่นเหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ แม้หลังๆจะตามเก็บGuild มาอีกจำนวนหนึ่งและสมยี่ห้ออื่นรุ่นอื่นเพิ่มเติม ซึ่งบางตัวยอมรับว่าเสียงดีกว่าแม่แก่ของผม แต่ก็คงหอบหิ้วกันไปจนกว่าจะลาโลกกันไปข้างหนึ่งละครับ
-
1972 G-37 ของผมก็ยังสวยเหมือนเดิมครับ (น่าจะสภาพดีกว่าสาวที่เคยถ่ายรูปคู่กับมันเมื่อ 43 ปี่ที่แล้ว)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/PICT0220.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/PICT0220.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/PICT0225.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/PICT0225.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/PICT0226.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/PICT0226.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/g372_1.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/g372_1.jpg.html)
คนสมัยนี้คงงงว่าทำไมทั้งน้า Oldiehunter และผมถึงใด้ซื้อ Guild หลังจากลองเล่นกีตาร์หลายตัวรวมทั้ง Martin และ Gibson ในสมัยนั้น เดี๋ยวนี้ผมเองก็มี Martin และ Gibson หลายตัวที่เสียงดีกว่าเจ้า G-37 แต่ในยุค '70s นั้นสองยี่ห้อนี้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเพื่อลดการเคลมประกันเลยทำให้เสียงห่วยกว่าเดิม ทุกวันนี้เจ้า G-37 ก็ยังเป็นกีตาร์ที่ผมหยิบมาเล่นบ่อยสุดเพราะมันเล่นง่ายและเสียงของมันก็ยังทำให้ผมตกหลุมรักทุกครั้งที่ใด้ยินครับ
-
แม่เจ้า.!!! ปี1972นี่ผมยังไม่เกิดเลยครับลุง แต่อยากจะบอกว่าแถวๆAkron,Youngtown หรือMassillon ก็ยังคงสภาพเก่าคร่ำครึบ้านนอกเหมือนเดิมครับ ผมผ่านไปแถวนั้นค่อนข้างบ่อยอย่างน้อยก็เดือนละครั้ง อาจจะแปลกหูแปลกตาไปมั่งก็คงเป็นเมืองใหญ่อย่างCleveland,Cincinnati หรือColumbusครับ
-
(http://s33.postimg.org/74kt8zzj3/12628638_965598730142592_1056406261520111538_o.jpg) (http://postimage.org/)
picture sharing (http://postimage.org/)
ตัวของผม ไม่ได้ซื้อเพราะเสียง แต่ซื้อเพราะชอบครับ ตอนเด็ก เห็น john denver เล่น กีต้าร์อะไรหว่าตัว เบ่อเริ่ม เฝ้าดูตั้งแต่ นครหลวงเป็นตัวแทนครับ
-
ขอสมัครเป็นแฟน guild ด้วยคนครับ ;D
-
Guild Custom Shop Nashville (1997-2003)
Guild ตั้งแต่ก่อตั้งก็รับงาน custom order แต่ไม่เคยมี custom shop เป็นโรงงานอิสสระ กีตาร์ Custom Guilds ที่ศิลปินใช้นั้นมีมาทุกยุคทุกสมัย ตัวอย่างเช่น Guild F-30 brazilian rosewood ตัวโปรดของ Paul Simon ที่ผลิตในปี 1966
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/overs.jpeg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/overs.jpeg.html)
http://youtu.be/WHI2nWdRdXw?list=FLfIskUK9cZYBLSYcffMZEOw (http://youtu.be/WHI2nWdRdXw?list=FLfIskUK9cZYBLSYcffMZEOw)
John Denver's F-612 และ F-50R
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/denver.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/denver.jpg.html)
http://youtu.be/NKdknYaSHgE (http://youtu.be/NKdknYaSHgE)
Eric Clapton's 1987 GF-50 Custom (ตัวนี้ไม่มีคลิป)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/Eric_Clapton_-_Guild_1988.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/Eric_Clapton_-_Guild_1988.jpg.html)
กีตาร์ที่ศิลปินดังๆใช้กันนั้นส่วนใหญ่ก็ต้องมีงานดัดแปลงตกแต่งเพื่อให้เข้ามือและถูกใจตัวศิลปินเอง ตอนที่โรงงาน Guild อยู่ที่ Westerly, Rhode Island นั้นศิลปินดังๆก็ต้องเดินทางไปคุยกับช่างและลองกีตาร์หลายครั้งกว่างานจะจบซึ่งไม่ค่อยสะดวกนักแต่ก็เป็นอย่างนี้มาสี่สิบปีแล้ว
ในปี 1993 ตอนที่ Fender ต้องการสร้างกีตาร์ระดับโปรแข่งกับชาวบ้านนั้นก็เลือกที่จะไปเปิดแผนก artist relation และใช้โรงงานที่ Nashville, TN ผลิตกีตาร์เพราะ Nashville เป็นแหล่งศูนย์กลางของ country music กีตาร์ Fender Springhill Series นี่สวยและเสียงดีมากแต่ก็ไปใด้ไม่ถึงดวงดาวเพราะ Fender ซื้อ Guild ใด้ในปี 1995 ก็เลยตัดสินใจที่จะมาโปรโมท Guild แทนเพราะไม่ต้องเริ่มต้นจาก 0 เหมือนกีตาร์โปร่งยี่ห้อ Fender
ลองฟังเสียง Fender Springhill ที่มียอดผลิตแค่สี่ร้อยตัวจากปี 1994-1996 ดูครับ
http://youtu.be/AendSZMD4h4 (http://youtu.be/AendSZMD4h4)
ในปี 1997 Fender ก็เลยสร้างโรงงาน Guild Custom Shop ขนาด 750 ตรม. ที่เมือง Nashville ซะเลย
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/guild-cs.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/guild-cs.jpg.html)
ช่างที่โรงงานนี้ก็เป็นระดับปรมาจารณ์ ผู้จัดการโรงงานคือวิศวกรชื่อ Tim Shaw (คนที่ดังมาจากการออกแบบ tim Shaw pickup ของ Gibson Heritage 80 LP) ผู้จัดการฝ่ายผลิตคือ Master Builder Mark Kendrick ส่วนช่างคนอื่นๆส่วนใหญ่ก็มาจากโรงงาน Fender Springhill
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/guild-cs2.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/guild-cs2.jpg.html)
Guild Custom Shop เปิดตัวในปี 1998 ด้วยรุ่น F-30 45th Anniversary ที่ผลิตแค่ 45 ตัว ส่วนรุ่น D-100 และ JF-100 นั้นเป็นกีตาร์รุ่นเก่าที่ทำใน Westerly แต่เอามาแปะป้าย Custom Shop ครับ
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC04350.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC04350.jpg.html)
ปี 2002 เป็นปีสุดท้ายที่ Guild Custom Shop มีอยู่ในคาตาล้อคครับ
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC04353.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC04353.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC04354.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC04354.jpg.html)
กีตาร์รุ่นสุดท้ายของ Guild Custom Shop Nashville คือรุ่น D-55 50th Anniversary ที่ผลิต 50 ตัวในปี 2003 (brazilian rosewood back and side)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/D-55-Prototype-Front-Close.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/D-55-Prototype-Front-Close.jpg.html)
ป้ายของ Custom Shop จะปิดอยู่ตรง heel block นะครับ
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/Deco021.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/Deco021.jpg.html)
Guild Custom Shop ปิดตัวลงปลายปี 2003 และเปลี่ยนมาเป็น warranty repair center ของกีตาร์ Guild และ Tacoma ต่อมาในปี 2011 Tim Shaw ก็ถูกเรียกตัวไปเปิค Guild Custom Shop ใหม่ที่โรงงาน New Hartford จน Fender ขายโรงงานในปี 2014 ครับ
http://youtu.be/mw27vKEtSMs (http://youtu.be/mw27vKEtSMs)
ขอจบตำนาน Guild Acoustic แต่เพียงเท่านี้ครับ ถ้าใครมีอะไรสงสัยก็ถามใด้นะครับ
-
สุดยอดครับน่้ากฤษณ์ ขอขอบพระคุณกับข้อมูลที่ละเอียดชัดเจน รวมทั้งคลิปและรูปภาพประกอบที่ทำให้เรื่องน่าสนใจมากขึ้น ผมเป็นคนแก่กำลังจะเกษียนเลยชอบอ่านอะไรละเอียดแบบนี้แหละครับ เลยอยากเรียนขออนุญาตน้ากฤษณ์ และทาง Admin อีกครั้งเพื่อโปรดดำเนินการเก็บกระทู้นี้เป็นคลังความรู้ประจำเวปเรา และหากมีท่านอื่นอยากนำประวัติของกีต้าร์แบรนด์อื่นๆมาแชร์เป็นวิทยาทานเช่นนี้อีกก็ขอขอบพระคุณล่วงหน้าไว้เลยครับ โดยส่วนตัวผมว่ามันได้รสขาติดีหากได้รู้รายละเอียดของกีต้าร์แบรนด์ที่เราใช้อยู่ เหมือนกับเวลาฟังเพลงหากเรารู้ว่าใครแต่งคำร้อง ทำนอง หรือเบื้องหลังที่มาของเพลง มันก็ทำให้การฟังเพลงมีรสชาติกว่าเดิมนะครับ
-
ถ้าต้องการจะเก็บหรือนำไปเผยแพร่ผมก็ยินดีครับ รูปและคลิปสามารถ save ใด้อยู่แล้ว รูปที่ลงถ้าไม่ใช่รูปที่ผมถ่ายเองก็เป็นรูปใน public domain ที่ไม่ใด้มีลิขสิทธ์ทุกรูปครับ คลิปก็เหมือนกัน
-
ผมคิดว่าCustomshopของGuildนั้นยังไม่ตายครับ แต่เปลี่ยนชื่อมาเป็นGuild Orpheum Series(ลองเอาชื่อไปGoogleดูครับ) ซึ่งก็น่าจะประมาณR.Taylorของทางค่ายTaylorเค้า ตัวถูกๆนี่ก็ได้Martin HD28ตัวนึง ตัวTopมันก็หลักเป็นหมื่น(US dollars)
-
(http://s33.postimg.org/74kt8zzj3/12628638_965598730142592_1056406261520111538_o.jpg) (http://postimage.org/)
picture sharing (http://postimage.org/)
ตัวของผม ไม่ได้ซื้อเพราะเสียง แต่ซื้อเพราะชอบครับ ตอนเด็ก เห็น john denver เล่น กีต้าร์อะไรหว่าตัว เบ่อเริ่ม เฝ้าดูตั้งแต่ นครหลวงเป็นตัวแทนครับ
เมื่อประมาณสี่สิบปีที่แล้ว ผมก็ติดใจ F-50 ของ John Denver เช่นกันเลยครับน้าทอม
เวลา John Denver Show ทางทีวีมา ผมมักเป็นเจ้าประจำหน้าจอเสมอครับ และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมชอบและเล่นเพลงของ John Denver มาจนทุกวันนี้ครับ
-
สนับสนุนการปักหมุดสำหรับกระทู้ดีๆแบบนี้อีก 1 เสียงครับ
-
ประดับความรู้ทุกวันครับ
ขอบคุณอาจารณ์ครับ
-
ผมคิดว่าCustomshopของGuildนั้นยังไม่ตายครับ แต่เปลี่ยนชื่อมาเป็นGuild Orpheum Series(ลองเอาชื่อไปGoogleดูครับ) ซึ่งก็น่าจะประมาณR.Taylorของทางค่ายTaylorเค้า ตัวถูกๆนี่ก็ได้Martin HD28ตัวนึง ตัวTopมันก็หลักเป็นหมื่น(US dollars)
Orpheum Series เลิกผลิตไปตอนที่ปิดโรงงาน New Hartford แล้วครับ อาจยังมีของค้างสต้อคอยู่ที่ Cordoba เพราะเห็นบอกในเว็บว่าถ้าต้องการให้ติดต่อโดยตรง
"*This model is no longer in production. If you are interested in this model, please contact us or call +1 310-586-1180."
ตอนที่ Cordoba ซื้อ Guild จาก Fender นั้นใด้กีตาร์ค้างสต้อคมาเป็นร้อยตัวเลยเอามาขายซะเลย กีตาร์ที่โรงงาน Oxnard ผลิตขณะนี้มีแค่ all magany สองรุ่นเท่านั้นครับ
ลองดูกีตาร์ขายไม่ออกบางส่วนที่ขนมาโรงงานใหม่ (ผมแคปจากคลิป)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/ox2.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/ox2.jpg.html)
-
ขอเล่าเรื่อง Guild รุ่นที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักในบ้านเรา (รวมทั้งตัวผมด้วยสมัยก่อน) ที่ผมไปเจอในเว็บร้านขายของมือสองแถวฝั่งธนเมื่อยี่สิบปีก่อน รุ่นนี้มีชื่อว่า "Songbird" ราคา 28,000 บาท ตอนนั้นผมจำใด้ว่าวง Bee Gees ใช้รุ่นนี้อยู่ก็เลยรีบขับรถไปดูแต่ไม่ใด้ซื้อเพราะเขาไม่มีแอมป์ให้ลองและเสียงเปล่ามันเบามาก
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/songbird.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/songbird.jpg.html)
หลังจากนั้นอีกหลายปีสมัยที่มี Youtube แล้วผมถึงใด้รู่ว่าศิลปินคนโปรดของผมคือ Eva Cassidy (1963-1996) ก็ใช้กีตาร์โปร่งอยู่ตัวเดียวคือ Guild Songbird ต่อตรงเข้า PA
อัลบั้มชุด "Songbird" ที่ตั้งชื่อตามกีตาร์ของเธอมียอดขายกว่าสิบล้านแผ่น (ไม่รวมแผ่นก้อป)
ตอนที่ฟัง CD ในเพลงที่เธอเล่นกีตาร์โปร่งตัวเดียวนั้นผมยังคิดว่านี่คือเสียงกีตาร์โปร่งที่น่าฟังมาก เพิ่งมารู้ตอนหลังว่ามันคือเสียงของ Guild Songbird ที่ผมปล่อยหลุดมือไปนั่นเอง
ลองมาฟังเสียง Eva Cassidy กันครับ (CD เสียงดีว่าของฟรีใน Youtube หลายเท่าครับ)
http://youtu.be/2rd8VktT8xY (http://youtu.be/2rd8VktT8xY)
หรือจะเอา Songbird มาเสียบแอมป์กีตาร์ไฟฟ้าเล่น rock ballad ก็ยังใด้
http://youtu.be/UMxzMsXHoWo (http://youtu.be/UMxzMsXHoWo)
Guild Songbird ไม่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังเพราแม้แต่ Gibson ยังไม่รู้จัก ในปี 1999 Gibson ก็ออกรุ่น Songbird มาขายจนโดน Guild เตือนว่าชื่อนี้เขาใช้อยู่ Gibson Songbird ก็เลยต้องเปลี่ยนชื่อเป็น Gibson Songwriter ในปี 2003 ครับ
-
ขอเล่าเรื่อง Guild รุ่นที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักในบ้านเรา (รวมทั้งตัวผมด้วยสมัยก่อน) ที่ผมไปเจอในเว็บร้านขายของมือสองแถวฝั่งธนเมื่อยี่สิบปีก่อน รุ่นนี้มีชื่อว่า "Songbird" ราคา 28,000 บาท ตอนนั้นผมจำใด้ว่าวง Bee Gees ใช้รุ่นนี้อยู่ก็เลยรีบขับรถไปดูแต่ไม่ใด้ซื้อเพราะเขาไม่มีแอมป์ให้ลองและเสียงเปล่ามันเบามาก
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/songbird.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/songbird.jpg.html)
หลังจากนั้นอีกหลายปีสมัยที่มี Youtube แล้วผมถึงใด้รู่ว่าศิลปินคนโปรดของผมคือ Eva Cassidy (1963-1996) ก็ใช้กีตาร์โปร่งอยู่ตัวเดียวคือ Guild Songbird ต่อตรงเข้า PA
อัลบั้มชุด "Songbird" ที่ตั้งชื่อตามกีตาร์ของเธอมียอดขายกว่าสิบล้านแผ่น (ไม่รวมแผ่นก้อป)
ตอนที่ฟัง CD ในเพลงที่เธอเล่นกีตาร์โปร่งตัวเดียวนั้นผมยังคิดว่านี่คือเสียงกีตาร์โปร่งที่น่าฟังมาก เพิ่งมารู้ตอนหลังว่ามันคือเสียงของ Guild Songbird ที่ผมปล่อยหลุดมือไปนั่นเอง
ลองมาฟังเสียง Eva Cassidy กันครับ (CD เสียงดีว่าของฟรีใน Youtube หลายเท่าครับ)
http://youtu.be/2rd8VktT8xY (http://youtu.be/2rd8VktT8xY)
หรือจะเอา Songbird มาเสียบแอมป์กีตาร์ไฟฟ้าเล่น rock ballad ก็ยังใด้
http://youtu.be/UMxzMsXHoWo (http://youtu.be/UMxzMsXHoWo)
Guild Songbird ไม่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังเพราแม้แต่ Gibson ยังไม่รู้จัก ในปี 1999 Gibson ก็ออกรุ่น Songbird มาขายจนโดน Guild เตือนว่าชื่อนี้เขาใช้อยู่ Gibson Songbird ก็เลยต้องเปลี่ยนชื่อเป็น Gibson Songwriter ในปี 2003 ครับ
ว้าวว ถือเป็นของดีราคาถูกเลยครับรุ่นนี้
-
ความจริงแล้วในอเมริกาเหนือยังเคยมีโรงงานที่ 9 ที่ผลิตกีตาร์ Guild ครับ
Ensenada Guilds (2008-2014)
โรงงานของ Fender ใน Ensenada, Mexico นั้นตอนแรกก็สร้างมาเพื่อผลิตกีตาร์ไฟฟ้า Fender ราคาประหยัดและแอมป์ Fender รุ่นโปร (แอมป์รุ่นถูกเขาไปผลิตในจีน) ต่อมาในปี 2005 ก็มีการขยายพื้นที่เพื่อผลิตกีตาร์โปร่ง Fender Ensenada Series ซึ่งเป็นรุ่นแพงสุดของ Fender ในตอนนั้น
Fender Ensenada มี 4 รุ่น ทุกรุ่นเป็น solid sitka spruce top, solid palo escrito (mexican rosewood) back and side ราคาตั้งในตอนนั้นก็แค่ 1,245 USD สำหรับรุ่น acoustic และ 1,445 USD สำหรับรุ่นไฟฟ้าที่ใช้ Fishman Ellipse VT ครับ
ผมมีรุ่น ESM-10E ที่เป็นทรง mini jumbo ออกแบบโดย senior master builder Chris Fleming
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC07587_1.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC07587_1.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC07588.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC07588.jpg.html)
http://youtu.be/-FEb_rIRArY (http://youtu.be/-FEb_rIRArY)
Fender Ensenada Series เลิกผลิตปลายปี 2007 เพราะ Fender ต้องการผลิต Guild ที่ราคาอยู่ตรงกลางระหว่าง Guild USA และ Guild จีนที่ราคาต่างกันสองเท่าตัว รุ่นแรกๆที่ผลิตตอนปลายปี 2007 คือรุ่น DV-4, DV-6 ต่อมาก็ออกรุ่นใหม่คือ Arcos Series ในปี 2012
Guild Arcos Series ที่โรงงาน Ensenada
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/guildmex.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/guildmex.jpg.html)
แน่นอนว่าโรงงานนี้ต้องเลิกผลิต Guild เมื่อ Fender ขายยี่ห้อนี้ให้ Cordoba
-
ทำไม guild เรียก jumbo ว่า F ครับ พอทราบไหมครับ
-
ทำไม guild เรียก jumbo ว่า F ครับ พอทราบไหมครับ
ในยุคแรกของ Guild นั้นเขาผลิตกีตาร์ไฟฟ้า hollow body เป็นหลัก ส่วนกีตาร์โปร่งนั้นผลิตเป็นงานรองเหมือนกับยี่ห้อ Epiphone
ดังนั้นเขาเลยเรียกกีตาร์โปร่งทุกรุ่นว่า folk guitars และขึ้นชื่อรุ่นด้วยตัว F เริ่มตั้งแต่ F-20 ทรง parlor, F-30 ทรง grand concert, F-40 ทรง grand auditorium และ F-50 ทรง jumbo ครับ
-
ทำไม guild เรียก jumbo ว่า F ครับ พอทราบไหมครับ
ในยุคแรกของ Guild นั้นเขาผลิตกีตาร์ไฟฟ้า hollow body เป็นหลัก ส่วนกีตาร์โปร่งนั้นผลิตเป็นงานรองเหมือนกับยี่ห้อ Epiphone
ดังนั้นเขาเลยเรียกกีตาร์โปร่งทุกรุ่นว่า folk guitars และขึ้นชื่อรุ่นด้วยตัว F เริ่มตั้งแต่ F-20 ทรง parlor, F-30 ทรง grand concert, F-40 ทรง grand auditorium และ F-50 ทรง jumbo ครับ
ตามเก็บความรู้ดีๆครับ
-
หลายสัปดาห์ก่อนพารุ่นน้องไปสอยมาหนึ่งตัวที่ร้าน. Rock Planet ห้าง Centralworld
-
ผมเองก็เป็นแฟน Guild ชอบที่มันให้เสียงกลางๆระหว่าง Martin ที่มีเสียงเบสลึกและกังวาน และ Taylor ที่ให้เสียงสดใส ฟรุ้งฟริ้ง ในความคิดเห็นส่วนตัว ผมว่าเสียงของ Guild balanced ดีกว่ากีตาร์ดังหลายยี่ห้อ ยิ่งถ้าเป็นทรง Dreadnaught ตัวเดียวเอาอยู่แทบทุกสถานการณ์ ทั้ง picking and strumming หรือจะเล่น solo แต่น่าสงสารที่ Guild เหมือนจะอาภัพวาสนา สเป็คไม้และฝีมืองานประกอบไม่เป็นรองทั้ง Martin, Gibson, Taylor แต่ราคาขายได้แค่ครึ่งเดียว ทั้งราคามือหนึ่งและมือสอง ทั้งๆที่มีศิลปินดังๆ เอามาเล่นขึ้นเวทีประจำอย่าง John Denver, Paul Simon, The Bee Gees, Eric Clapton, Eva Cassidy, etc. แล้วก็ในเวลา 50 ปีที่ก่อตั้งมา ต้องระเหเร่ร่อนย้ายโรงงานผลิตถึง 9 แห่ง ย้ายแต่ละทีก็ข้ามทวีปกันเลย จาก east coast ถึง west coast ก็ไม่ใช่ใกล้ๆนะครับ ไม่ต่ำกว่า 3,000 ไมล์ เท่ากับจากไทยถึงญี่ปุ่นเลย นั่งเครื่องบินก็ประมาณ 6 ชั่วโมง แถมถูกขายกิจการ เปลี่ยนเจ้าของอีก 2 ครั้ง ตอนนี้โรงงานสุดท้ายในอเมริกาก็ปิดตัวลงแล้ว เหลือแต่ made in China
-
ผมเองก็เป็นแฟน Guild ชอบที่มันให้เสียงกลางๆระหว่าง Martin ที่มีเสียงเบสลึกและกังวาน และ Taylor ที่ให้เสียงสดใส ฟรุ้งฟริ้ง ในความคิดเห็นส่วนตัว ผมว่าเสียงของ Guild balanced ดีกว่ากีตาร์ดังหลายยี่ห้อ ยิ่งถ้าเป็นทรง Dreadnaught ตัวเดียวเอาอยู่แทบทุกสถานการณ์ ทั้ง picking and strumming หรือจะเล่น solo แต่น่าสงสารที่ Guild เหมือนจะอาภัพวาสนา สเป็คไม้และฝีมืองานประกอบไม่เป็นรองทั้ง Martin, Gibson, Taylor แต่ราคาขายได้แค่ครึ่งเดียว ทั้งราคามือหนึ่งและมือสอง ทั้งๆที่มีศิลปินดังๆ เอามาเล่นขึ้นเวทีประจำอย่าง John Denver, Paul Simon, The Bee Gees, Eric Clapton, Eva Cassidy, etc. แล้วก็ในเวลา 50 ปีที่ก่อตั้งมา ต้องระเหเร่ร่อนย้ายโรงงานผลิตถึง 9 แห่ง ย้ายแต่ละทีก็ข้ามทวีปกันเลย จาก east coast ถึง west coast ก็ไม่ใช่ใกล้ๆนะครับ ไม่ต่ำกว่า 3,000 ไมล์ เท่ากับจากไทยถึงญี่ปุ่นเลย นั่งเครื่องบินก็ประมาณ 6 ชั่วโมง แถมถูกขายกิจการ เปลี่ยนเจ้าของอีก 2 ครั้ง ตอนนี้โรงงานสุดท้ายในอเมริกาก็ปิดตัวลงแล้ว เหลือแต่ made in China
ความจริงแล้วตอน Cordoba ซื้อ Guild จาก Fender ในปี 2014 นั้นโรงงานใหม่ที่สร้างเพื่อผลิตกีตาร์ Cordoba ก็สร้างเสร็จแล้ว กีตาร์คลาสสิค Cordoba Master Series ราคา $3,500+ ที่ผลิตโรงงานนี้ยังขายไม่ค่อยออกเพราะคนอเมริกันไม่ค่อยนิยมเล่นคลาสสิคแท้ๆกันเท่าไหร่
Guild ตอนที่ Cordoba ซื้อนั้นมีรายใด้ส่วนใหญ่จาก Westerly Series ที่ผลิตโดยโรงงาน Grand Reward ในมนฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โรงงานนี้ผลิตกีตาร์โปร่ง Blueridge และ Fender Paramount Series ด้วย
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/guildchi.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/guildchi.jpg.html)
Guild Westerly Series นั้นสมัยก่อนมีชื่อว่า Guild Acoustic Design (GAD) Series แต่โดนเปลี่ยนชื่อให้เป็นอเมริกันมากขึ้นโดยอ้างว่ามีต้นแบบมาจากกีตาร์ที่ผลิตจากโรงงาน Westerly, Rhode Island (1967-2000) ในยุครุ่งเรืองของ Guild นั่นเอง
รายใด้อีกส่วนของ Cordoba ก็มาจากกีตาร์ไฟฟ้า Guild Newark Street Series ที่ขายดีเกินความคาดหมาย กีตาร์ซีรี่นี้ส่วนใหญ่เป็นกีตาร์ไฟฟ้าและเบส hollow body ที่ผลิตในยุคก่อนยุคกีตาร์โปร่งที่โรงงาน Hoboken, New Jersey นั่นเอง Newark St. Series นี่โรงงานกีตาร์ Peerless ที่เกาหลีเป็นผู้ผลิตครับ
ความจริงแล้วโรงงาน Hoboken มีแอดเดรสอยู่ที่ 300 Observer Hwy. ไม่ใด้อยู่ Newark St. (ที่อยู่ด้านหลังโรงงาน) แต่ถ้าใช้ชื่อว่า "Hoboken Series" มันไม่เหมาะเพราะคำว่า "hobo" เป็นสแลงที่ใช้เรียก "คนจรจัด" ก็เลยต้องเอาชื่อ Newark St. มาใช้แก้ขัดครับ
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/guildhobo.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/guildhobo.jpg.html)
ส่วนกีตาร์ Made in USA นั้นก็ยังไม่ตายแต่เพิ่งเริ่มออกสู่ตลาดในปีนี้ครับ ตอนนี้ Cordoba เริ่มจากรุ่นถูกๆก่อนเพราะคงยังไม่กล้าชนกับ Martin หรือ Taylor ในรุ่นสูงๆ ความจริงแล้วในยุค Hoboken นั้น Guild เขาเป็นอันดับหนึ่งของอเมริกาในเรื่องกีตาร์คลาสสิคคือรุ่น Mark Series ที่ออกแบบโดย Carlo Greco และมีอยู่เจ็ดรุ่น Cordoba น่าจะเอากลับมาทำอีกครั้งเพราะผมคิดว่าในอเมริกามีคนชื่นชอบเยอะกว่ากีตาร์ของ Cordoba เองด้วยซ้ำ
Guild Mark IV, solid spruce top, solid flame pear wood back & side.
http://youtu.be/NwwMqfX1Y_E (http://youtu.be/NwwMqfX1Y_E)
-
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ ฝากข้อมูลข่าวสารนิดนะครับ
ร้านที่เป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายคือ “Rockplanet ที่ Central World ชั้น 4″
(ตอนนี้เข้ามาเป็น sponsor เวบ Acousticthai.Net อย่างเป็นทางการแล้วครับ)
ท่านใดสนใจ ทดสอบกีต้าร์ หรือสอบถาม ติดต่อได้ที่
www.facebook.com/rockplanet.centralworld (http://www.facebook.com/rockplanet.centralworld)
โทร 02-646-1965, 02-646-1926
และทางแฟนเพจ www.facebook.com/guild.guitar.thailand (http://www.facebook.com/guild.guitar.thailand)
(http://acousticthai.net/wp-content/uploads/Westerly-Collection.jpg)
วันก่อนได้ไปทดสอบเสียงมา Guild 150 Westerly Collection เนื้อเสียงค่อนข้างหนา ให้ power ดีมาก
ฝากรีวิว ครับ--> http://acousticthai.net/guild-150-westerly-collection.html (http://acousticthai.net/guild-150-westerly-collection.html)
! No longer available (http://www.youtube.com/watch?v=0BNkzXWxifA#)
(http://acousticthai.net/wp-content/uploads/F-body.jpg)
(http://acousticthai.net/wp-content/uploads/D-body.jpg)
(http://acousticthai.net/wp-content/uploads/OM-body.jpg)
-
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ ฝากข้อมูลข่าวสารนิดนะครับ
ร้านที่เป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายคือ “Rockplanet ที่ Central World ชั้น 4″
(ตอนนี้เข้ามาเป็น sponsor เวบ Acousticthai.Net อย่างเป็นทางการแล้วครับ)
ท่านใดสนใจ ทดสอบกีต้าร์ หรือสอบถาม ติดต่อได้ที่
www.facebook.com/rockplanet.centralworld (http://www.facebook.com/rockplanet.centralworld)
โทร 02-646-1965, 02-646-1926
และทางแฟนเพจ www.facebook.com/guild.guitar.thailand (http://www.facebook.com/guild.guitar.thailand)
(http://acousticthai.net/wp-content/uploads/Westerly-Collection.jpg)
วันก่อนได้ไปทดสอบเสียงมา Guild 150 Westerly Collection เนื้อเสียงค่อนข้างหนา ให้ power ดีมาก
ฝากรีวิว ครับ--> http://acousticthai.net/guild-150-westerly-collection.html (http://acousticthai.net/guild-150-westerly-collection.html)
! No longer available (http://www.youtube.com/watch?v=0BNkzXWxifA#)
(http://acousticthai.net/wp-content/uploads/F-body.jpg)
(http://acousticthai.net/wp-content/uploads/D-body.jpg)
(http://acousticthai.net/wp-content/uploads/OM-body.jpg)
รับทราบครับ
-
มาช้าไปนิด จนตลาดวายละ
มาเก็บความรู้จากน้ากฤษณ์ครับ :)
-
ขอความรู้จากน้ากฤษณ์นิดครับว่า Guild GAD50, D150, และ Westerly Collection D150 ทั้ง 3 รุ่นผลิตที่จีนทั้งหมดใช่รึเปล่าครับ และผลิตจากโรงงานเดียวกันหรือไม่ครับ และโครงสร้างหรือสเป็คไม้รวมถึงคุณภาพเสียงที่ได้นี่เหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับน้ากฤษณ์
-
น้า พอล216 ไชยนาท ทั้ง 3 นั่นแหละ ครับ เสียงดีครับ แต่ผมไม่มีเลยส้กตัว
-
ขอความรู้จากน้ากฤษณ์นิดครับว่า Guild GAD50, D150, และ Westerly Collection D150 ทั้ง 3 รุ่นผลิตที่จีนทั้งหมดใช่รึเปล่าครับ และผลิตจากโรงงานเดียวกันหรือไม่ครับ และโครงสร้างหรือสเป็คไม้รวมถึงคุณภาพเสียงที่ได้นี่เหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับน้ากฤษณ์
ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเปลี่ยนโรงงานนะครับเพราะโรงงานเดิมเขาก็ผลิตใด้คุณภาพดีอยู่แล้ว เท่าที่ทราบ Guild Acoustic Design (GAD) นี่ออกแบบโดยอเมริกันและผลิตที่จีน ต่อมาในปี 2011 ก็เปลี่ยนชื่อและลดเสป็คเพราะ GAD Series มาแย่งตลาดของ USA Series เยอะเกินไป พอเปลี่ยนเจ้าของมาเป็น Cordoba ก็มีการเปลี่ยนชื่อจาก GAD มาเป็น Westerly Collection และเคลมว่าใช้ไม้เกรดดีขึ้นกว่าเก่า
ที่แน่ๆคือตอนนี้ GAD Series รุ่นแรกกลายเป็นกีตาร์สะสมยี่ห้อแรกที่ผลิตในจีนไปแล้วครับ
-
ขอบคุณมากครับน้ากฤษณ์ ข้อมูลแน่นคับกล่องเช่นเคย รุ่น D150 ล่าสุดที่ผมได้ลองเล่นดูที่ร้าน Rock Planet ไม้ตรงรอบ soundhole ดูหนาเป็นพิเศษ น่าจะไม่ต่ำกว่า 3 มม. แต่พอลองใช้นิ้วล้วงเข้าไปเช็คความหนาของไม้หน้า กลับปรากฏว่ามันหนาเฉพาะตรงรอบๆขอบ soundhole เท่านั้น ผมเลยสงสัยว่าถ้าจะเอา ปิ๊กอัพแบบคาด soundhole มาใส่ มันจะใส่กันได้รึเปล่า เพราะความหนาของไม้รอบ soundhole มันอาจหนากว่า slot ของ pickup
-
ขอบคุณมากครับน้ากฤษณ์ ข้อมูลแน่นคับกล่องเช่นเคย รุ่น D150 ล่าสุดที่ผมได้ลองเล่นดูที่ร้าน Rock Planet ไม้ตรงรอบ soundhole ดูหนาเป็นพิเศษ น่าจะไม่ต่ำกว่า 3 มม. แต่พอลองใช้นิ้วล้วงเข้าไปเช็คความหนาของไม้หน้า กลับปรากฏว่ามันหนาเฉพาะตรงรอบๆขอบ soundhole เท่านั้น ผมเลยสงสัยว่าถ้าจะเอา ปิ๊กอัพแบบคาด soundhole มาใส่ มันจะใส่กันได้รึเปล่า เพราะความหนาของไม้รอบ soundhole มันอาจหนากว่า slot ของ pickup
เรื่องความหนาของไม้หน้าตรง soundhole ไม่ใช่ปัญหาครับ ปิ้คอัพแบบคาด soundhole ของอเมริกาทุกยี่ห้อปรับใด้เกิน 3 มม.แน่นอน
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/DSC04502.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/DSC04502.jpg.html)
-
ขอบคุณมากครับน้ากฤษณ์ ข้อมูลแน่นเช่นเคย
-
คอนที่ตอบกระทู้นี้มี Guild ของผมหลายตัวที่ยังไม่เคยอัดคลิป ตอนนี้อัดเสร็จแล้วครับ
1972 Guild G-37 Blonde ตัวนี้คือกีตาร์ตัวแรกที่ผมซื้อด้วยเงินของตัวเอง อยู่กันมา 44 ปีเพิ่งใด้อัดเสียงครับ
http://youtu.be/jtiqpXRSZ2o (http://youtu.be/jtiqpXRSZ2o)
2002 Guild Songbird S-4CE ตัวนี้เป็นล็อตสุดท้ายของรุ่นนี้ครับ
http://youtu.be/VaJg5xFaLVw (http://youtu.be/VaJg5xFaLVw)
-
อ่านเพลินเลยครับ ยิ่งกว่าดูหนังซีรีย์อีก ขอบคุณน้ากฤษณ์ที่สละเวลามาแบ่งปันความรู้ให้น้องๆ หลานๆ ได้อ่านกันครับ (อ่านเสร็จอยากได้สักตัวเลย คงต้องเมดอินไชน่าไปก่อนละกันผม : D)
-
ผมอ่านเพลินเลย (เช้านี้เสียเวลางานไปเยอะเลยครับ 5555 แต่ก็ได้ข้อมูลที่แน่นเปี๊ยครับ) ขอบคุณน้ากฤษณ์ที่นำข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมากเกี่ยวกับกีต้าร์ Guild มาแชร์ให้เราได้ทราบถึงประวัติ ... อ่านแล้วอยากได้เจ้า Guild สักตัวเลยครับ ^^
-
D-55 กับ F-50 น้าๆชอบรุ่นไหนมากกว่ากันครับ แล้วสเปกมันต่างกันอย่างไรคับ
-
D-55 กับ F-50 น้าๆชอบรุ่นไหนมากกว่ากันครับ แล้วสเปกมันต่างกันอย่างไรคับ
D-55 กับ F-50 เทียบกันไม่ใด้หรอกครับเพราะ F-50 หรือ JF-65 นั้นใช้ laminated arched maple back, solid maple side เขาทำมาเพื่อให้เสียงดังและพุ่งแต่เรื่องรายละเอียดของเนื่อเสียงสู้ D-55 ไม่ใด้แน่นอน F-50 เกิดในปี 1954 ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีระบบปิัคอัพดังนั้นเสียงเปล่าที่ดังกว่าและ feedback บนเวที (ตอนจ่อไมค์)ที่น้อยกว่า Gibson J-200 ก็เลยเป็นจุดขายของรุ่นนี้
ต่อมาในปี 1965 Guild ก็ออกรุ่นแพงสุดคือ F-50R (JF-55) ที่เป็น all solid brazilian rosewood back and side (เปลี่ยนเป็น indian rosewood ปี 1970) รุ่นนี้คือ Guild ที่มีศิลปินดังใช้กันมากที่สุดครับ
นอกจาก John Denver แล้วผมยังเจออีกหลายคนที่ใช้รุ่นนี้เป็นกีตาร์คู่กายอย่างเช่น
Cat Stevens
http://youtu.be/U5sSEkZ86ts (http://youtu.be/U5sSEkZ86ts)
Bryan Adams
http://youtu.be/Z7b37l_B4vI (http://youtu.be/Z7b37l_B4vI)
Bonnie Raitt
http://youtu.be/u--zzAkDHBc (http://youtu.be/u--zzAkDHBc)
ดังนั้นถ้าจะเปรียบระหว่าง F-50R กับ D-55 ในด้านความอลังการของเสียง ความหรูหราหรือความนิยมของศิลปิน F-50R กินขาดครับ มีข้อด้อยเรื่องเดียวคือตัวมันใหญ่และหนามากทำให้นั่งเล่นลำบากถ้าคุณเป็นคนตัวเล็ก
http://youtu.be/X6L9mKH7apg (http://youtu.be/X6L9mKH7apg)
ทั้งสองรุ่นน่าจะเริ่มผลิตปีหน้าในราคาสูสีกับ Martin HD-28 ครับ
(http://i.imgur.com/BMUFkne.jpg)
-
ขอบคุณพี่กฤษณ์มากๆคับ อยากลองเล่น f-30ซะแล้ว มีใครอนุเคราะห์บ้างมั้ยครับ
-
งานมิตติ้งลำปาว ไม่มี f-30 แต่มี F-50R 2 ตัว ครับ
-
งานมิตติ้งลำปาว ไม่มี f-30 แต่มี F-50R 2 ตัว ครับ
ราคาแรงมั้ยคับน้า
-
แรงครับ ยังไม่ได้ขายครับ
-
Guild d55 sunburs โรงงาน new hartford CT USA 69,000 สภาพ 90%น่าเล่นมั้ยคับน้าๆ
-
Guild d55 sunburs โรงงาน new hartford CT USA 69,000 สภาพ 90%น่าเล่นมั้ยคับน้าๆ
น่าเล่นครับ แต่ 10% ที่หายไป มัน คืออะไรเท่านั้นแหละครับ
-
Guild d55 sunburs โรงงาน new hartford CT USA 69,000 สภาพ 90%น่าเล่นมั้ยคับน้าๆ
น่าเล่นครับ แต่ 10% ที่หายไป มัน คืออะไรเท่านั้นแหละครับ
ผมว่าจะไปลองอยู่ ส่วนตัวไม่เคยมีguildไว้ครอบครองเลย ได้แต่อ่านพวกน้าๆคุยกันแล้วก็ฟังเสียงในคลิปต่างๆ หลงรักเลยครับ
-
John Denver ไอดอลเลยครับ
-
กระทู้ความรู้ดีแห่งปีครับ
-
น้ากฤษครับแล้วเจ้า guild d30 โรงงาน westerly นี่มาตอนไหนผมไม่เห็นบรรจุอยู่ในสารระบบ
-
Guild D-30 ก็คือชื่อใหม่ของรุ่น G-37 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 1972 และมาเปลี่ยนชื่อเป็น D-30 เพื่อให้สับสนตอนปลายปี 1986 รุ่นนี้อยู่ในไลน์การผลิตจนกระทั้งโรงงาน Westerly ปิดตัวครับ
D-30
https://www.youtube.com/watch?v=T8Z5_yMyMJ4 (https://www.youtube.com/watch?v=T8Z5_yMyMJ4)
G-37
https://www.youtube.com/watch?v=IEkyWhvS1mA (https://www.youtube.com/watch?v=IEkyWhvS1mA)
-
Guild D-30 ก็คือ๙ื่อใหม่ของรุ่น G-37 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 1972 และมาเปลี่ยนชื่อเป็น D-30 เพื่อให้สับสนน้อยลงตอนปลายปี 1986 รุ่นนี้อยู่ในไลน์การผลิตจนกระทั้งโรงงานGuild D-30 ก็คือ๙ื่อใหม่ของรุ่น G-37 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 1972 และมาเปลี่ยนชื่อเป็น D-30 เพื่อให้สับสนน้อยลงตอนปลายปี 1986 รุ่นนี้อยู่ในไลน์การผลิตจนกระทั้งโรงงาน Westerly ปิดตัวครับ
ขอบคุณคับน้า
-
ขอบคุณครับสำหรับความรู้
-
ตัวนี้ F50 corona งาน และ เสียงดีมาก ครับ
https://s9.postimg.org/lck4rgsen/20170617_173904.jpg
-
ตอนนี้พวกเราเกือบทุกคนอยู่กับบ้านเพื่อส่วนรวม ผมเลยขอขุดกระทู้นี้ขึ้นมาอีกครั้งจะใด้เล่าเรื่องกีตาร์ Guild USA ต่อเพราะ Guild นั้นถือกำเนิดเป็นกีตาร์ไฟฟ้า hollow และ chambered body มาก่อนที่จะทำกีตาร์โปร่ง
ขอเวลาถ่ายรูปกีตาร์ไฟฟ้า Guild USA ที่ผมสะสมใว้เพื่อประกอบเรื่องก่อนครับ กีตาร์ไฟฟ้าของ Guild USA เป็นกีตาร์ที่ค่อนข้างหายากในตลาดและหลายคนคงยังไม่เคยเห็นรูปหรือฟังเสียง
-
ขอบคุณในความรู้และน้ำใจของน้ากฤษณ์ รออ่านะครับ
-
ประวัติโรงงาน Guild ภาคจบ
http://acousticthai.net/webboard/index.php?topic=73736.0 (http://acousticthai.net/webboard/index.php?topic=73736.0)
-
1972 G-37 ของผมก็ยังสวยเหมือนเดิมครับ (น่าจะสภาพดีกว่าสาวที่เคยถ่ายรูปคู่กับมันเมื่อ 43 ปี่ที่แล้ว)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/PICT0220.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/PICT0220.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/PICT0225.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/PICT0225.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/PICT0226.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/PICT0226.jpg.html)
(http://i571.photobucket.com/albums/ss151/krispood/g372_1.jpg) (http://s571.photobucket.com/user/krispood/media/g372_1.jpg.html)
คนสมัยนี้คงงงว่าทำไมทั้งน้า Oldiehunter และผมถึงใด้ซื้อ Guild หลังจากลองเล่นกีตาร์หลายตัวรวมทั้ง Martin และ Gibson ในสมัยนั้น เดี๋ยวนี้ผมเองก็มี Martin และ Gibson หลายตัวที่เสียงดีกว่าเจ้า G-37 แต่ในยุค '70s นั้นสองยี่ห้อนี้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเพื่อลดการเคลมประกันเลยทำให้เสียงห่วยกว่าเดิม ทุกวันนี้เจ้า G-37 ก็ยังเป็นกีตาร์ที่ผมหยิบมาเล่นบ่อยสุดเพราะมันเล่นง่ายและเสียงของมันก็ยังทำให้ผมตกหลุมรักทุกครั้งที่ใด้ยินครับ
สวยงามทั้งกีต้าร์เเละคนเล่นเลยครับน้ากฤษณ์ :D
-
ลงรูป G-37 ให้ใหม่ครับ
(https://i.ibb.co/Y8bqgvY/DSC05850.jpg)
(https://i.ibb.co/tZ2X83C/DSC05855.jpg)
(https://i.ibb.co/P9Ynmg4/dscjan.jpg)
http://youtu.be/jtiqpXRSZ2o (http://youtu.be/jtiqpXRSZ2o)
-
น้ากฤษณ์ครับ
อยากทราบของ Guild GSR ครับ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร
แล้วเขาทำกี่รุ่นครับ เคยอยากได้มาก แต่ตอนนี้คงหาไม่ได้แล้วครับ
-
ผมเข้าไปดูใน website ของ guild guitar
Guild USA กลับมาผลิตรุ่น top อีกแล้วครับ
F 55(เดิมคือ F 50) ทั้ง maple และ rosewood
back F 512 12 strings. แต่ราคาดุเดือดพอสมควรครับ
4000+ USD. ส่วนคุณภาพเสียง และอนาคตจะเป็นอย่างไร
รอน้ากฤษณ์ มาให้ความรู้ครับ
https://guildguitars.com/g/f-55-in-natural/
-
น้ากฤษณ์ครับ
อยากทราบของ Guild GSR ครับ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร
แล้วเขาทำกี่รุ่นครับ เคยอยากได้มาก แต่ตอนนี้คงหาไม่ได้แล้วครับ
Guild GSR (Guild Special Run) เป็น Limited run series ที่ Fender เอามาอวด dealer ที่ไปเยี่ยมชมโรงงานใหม่ที่ New Hartford ในปี 2009 และเปิดรับจองตอนปลายปี 2010 ทั้งหมด 10 รุ่นและจำกัดยอดผลิต 20 ตัวต่อรุ่น เปิดขายอยู่สองปีก็ยังขายไม่ออกหลายรุ่นก็เลยเลิกผลิตไปเมื่อใด้ Ren Ferguson มาจาก Gibson ในปี 2012 และออก Opheum Series มาขายแทน
Guild ออกกีตาร์ไฟฟ้า GSR Series มาในปี 2013 พร้อมๆกับ Newark Street Series ที่ผลิตในเกาหลีแต่ก็เลิกผลิตไปตอนปิดโรงงาน New Hartford ในปี 2014
GSR Series มียอดผลิตของแต่ละรุ่นตามนี้ครับ
(https://i.ibb.co/C1rv282/GSR.jpg)
เมื่อมียอดผลิตแค่ร้อยกว่าตัวซีรี่เลยค่อนข้างหายากแต่ก็ยังพอหาใด้ถ้าใจถึงครับ
(https://i.ibb.co/wKqCwNx/gsr-f40.jpg)
เรื่องราวและความเป็นมาของซี่รี่ย์นี้ค่อนข้างยาวแต่ผมก็ยินดีจะเล่าเพราะตอนนี้ไม่มีอะไรทำ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อครับ
-
Fender ปิดโรงงาน Tacoma ตอนปลายปี 2007 และย้ายมาผลิต Guild ที่โรงงาน Ovation ในเมือง New Hartford, Connecticut ในปี 2008 โดยที่ไม่มีช่างย้ายตามมาแม้แต่คนเดียวแต่เขาก็ทำใด้เพราะเขามี "มือปืน" ประจำบริษัทอยู่หนึ่งคนดือนาย Tim Shaw ที่มีตำแหน่งเป็น chief engineer ของ FMIC (Fender Musical Instrument Corp.)
(https://i.ibb.co/8XQ2k5N/maxresdefault.jpg)
Tim Shaw เข้าทำงานกับ Gibson ที่โรงงาน Kalamazoo ที่ผลิตทั้งกีตาร์โปร่งและไฟฟ้าในปี 1978 และยังไปช่วย setup assembly line ของโรงงาน Gibson โปร่งที่ Bozeman ในปี 1989 ก่อนที่จะโดน Fender ซื้อตัวมาในปี 1996 และส่งตัวเขาไปเป็นผู้จัดการโรงงาน Guild Custom Shop ที่เพิ่งก่อตั้งในเมือง Nashville, Tennessee เพราะที่นั่นเป็นแหล่งรวมตัวของศิลปิน country music
(https://i.ibb.co/bHXnH9q/guild-cs2.jpg)
ในปี 2000 ตอนที่ Fender ปิดโรงงาน Guild ที่ Westerly, Rhode Island และย้ายมาผลิตที่โรงงาน Fender ในเมือง Corona, California แกก็เป็นคนดูแลทั้งหมดเพราะตอนนั้นก็ไม่มีช่างของ Guild ย้ายมาด้วยซักคน พอ Fender ไปซื้อ Tacoma เมื่อปี 2004 เพื่อเอาสต้อคไม้ก็เลยต้องย้ายไปผลิต Guild ที่โรงงานในเมือง Tacoma, Washington อีกซึ่งคราวนั้นเหนื่อยน้อยหน่อยเพราะช่างของ Tacoma ทำกีตาร์โปร่งเป็นอยู่แล้ว (แต่พ่น nitro lacquer และทำ dovetail joint ไม่เป็น)
พอมาถึงปี 2005 Fender ก็เกิดอยากจะผลิตกีตาร์โปร่งเองบ้าง (เพราะสมัยนั้นจ้างเกาหลีและจีนผลิตให้ทั้งหมด) ที่โรงงาน Ensenada, Mexico ตา Tim Shaw ก็ต้องไปตั้ง assembly line และฝึกช่างอีกแต่คราวนี้เมื่อมีโอกาสใด้ทำกีตาร์ที่เป็น original design แกเลยไปท้า Senior Masterbuilder Chris Flemming ให้มาออกแบบแข่งกัน
ผลงานของ Chris Flemming คือรุ่น ESM-10 นั้นหน้าตาคล้ายทรง small jumbo ของ Olson แต่รุ่น ESV-10 ที่ Tim Shaw ออกแบบนั้นหน้าตาประหลาดสุดเพราะแกเรียกว่าทรง parlor แต่ก้นมันใหญ่มากๆ
(https://i.ibb.co/YZJJZ8c/DSC05074.jpg)
(https://i.ibb.co/LvyjL1v/DSC05076.jpg)
(https://i.ibb.co/3mtbv48/DSC05080.jpg)
ระหว่าง chief engineer (Tim Shaw ESV-10) กับ Masterbuilder (Chris Flemming ESM-10) ใครเก่งกว่ากันลองช่วยตัดสินด้วยครับ
http://youtu.be/qA5oXzvXLFo (http://youtu.be/qA5oXzvXLFo)
http://youtu.be/QexcTpX1xig (http://youtu.be/QexcTpX1xig)
เดี๋ยวเล่าต่อครับ
-
รอติดตามเลยครับน้ากฤษณ์ครับ
-
เรื่องเบื้องหลังการย้ายโรงงาน Guild USA จาก Tacoma มา New Hartford ผมเล่าไปแล้วในหน้า 2 ของกระทู้นี้ วันนี้ของเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับ Tim Shaw ที่ยังไม่เคยเล่านะครับ
ยอดขายปีละหมื่นกว่าตัวของกีตาร์ Guild USA จากไลน์การผลิตของ Tacoma นั้นเมื่อย้ายมาผลิตในโรงงาน Ovation ที่มีพื้นที่ใหญ่ขึ้นสามเท่ามันก็ทำกำไรใด้ไม่พอจ่ายดอกเบี้ย FMIC ก็เลยมอบหมายให้นาย Tim Shaw ทำรุ่นพิเศษออกมาขายเพื่อเพิ่มรายใด้ ที่สำคัญก็คือต้องเริ่มต้นออกแบบและผลิตกีตาร์โปร่งไฮเอ็นด์ Fender ที่ไม่ใด้ผลิตในอเมริกามานานแล้วออกมาขายอีกครั้งตอนปลายปี 2011 เพื่อเปิดตัวในงาน NAMM 2012
กีตาร์ Fender Acoustic Shop นั้นอ้างอิงหน้าตาของกีตาร์โปร่ง Fender USA ยุค '60s ที่ออกแบบโดยนาย Roger Rosmeisl สเป็คกีตาร์โปร่ง Fender ยุคนั้นเป็น bolt-on neck เหมือนกีตาร์ไฟฟ้าและใช้ไม้ลามีเนตทั้งตัวแต่ก็ใด้รับความนิยมมากเพราะราคาไม่แพง (สมัยนั้น Yamaha ยังไม่เกิด)
(https://i.ibb.co/k4WVYhN/kingman-II.jpg)
(https://i.ibb.co/5LnsrvS/img-1028.jpg)
โปร่ง Fender ที่ออกแบบใหม่นั้นใช้รูปทรงเดิมแต่เป็น all solid ส่วนใหญ่ใช้ dovetail joint และ golden era bracing ด้วยไม้ adirondack spruce
(https://i.ibb.co/2hJnhhn/2500000916496-1.jpg)
กีตาร์ Fender USA Acoustic Shop ทุกรุ่นทำเป็น limited edition (มาพร้อมใบ COA) แต่ผลิตเยอะกว่า Guild GSR หลายเท่า ผมหามาเก็บใด้สองตัวครับ
(https://i.ibb.co/QD4GV6R/DSC07345w.jpg)
(https://i.ibb.co/Sm9sgDq/DSC07346w.jpg)
(https://i.ibb.co/cNtN29D/DSC07347w.jpg)
Fender USA Select Newporter เป็น all solid mahogany ทรง OM ผลิต 50 ตัว
http://youtu.be/2lUr9iNPckA (http://youtu.be/2lUr9iNPckA)
Fender USA California Kingman เป็น all solid spruce/mahogany ทรง D ผลิต 150 ตัว
http://youtu.be/StZ55t25UGI (http://youtu.be/StZ55t25UGI)
ตอนต่อไปเป็น Guild ในยุคของ Ren Ferguson ครับ
-
คำจำกัดความของ "CUSTOM SHOP" ตามแบบฉบับของ Fender, Guild และ Gibson
คำว่า "Custom" นั้น Gibson คือเจ้าแรกที่ใช้กับกีตาร์รุ่น Les Paul Custom ในปี 1954 และก่อตั้งแผนก "Custom Shop" ขึ้นที่โรงงาน Nashville โดยไม่ใด้แยกออกมาจากไลน์การผลิตปกติในปี 1983 ส่วน Custom Shop ที่เป็น workshop อิสสระซึ่งผลิตกีตาร์เองทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบนั้นตั้งขึ้นโดย Fender เพื่อผลิตกีตาร์ custom ให้กับศิลปินและลูกค้าพิเศษโดยมีช่างสองคนคือ John Paige และ Michael Stevens เป็นหัวหน้าในปี 1987
(https://i.ibb.co/kywsHZ8/img104.jpg)
ในปีแรกนั้น Fender Custom Shop มีพื้นที่แค่ 350ตรม.แต่มี order จากลูกค้าและศิลปินมากมายจนต้องหาโรงงานใหม่หลายครั้งและขยายพื้นที่เป็น 1,800 ตรม. ในปี 1994 และ 3,000 ตรม. ในปี 1997
(https://i.ibb.co/PG27sBg/img105.jpg)
(https://i.ibb.co/4MCDZr1/img108.jpg)
Fender Custom Shop จึงกลายเป็นตำนานของกีตาร์อเมริกันเพราะมียอดขายแต่ละปีเป็นรองแค่ Fender USA, Martin, Taylor และ Gibson เท่านั้นทั้งๆที่ไม่ใด้ผลิตกีตาร์ราคาต่ำกว่าสามพันเหรียญเลย
ทั้ง Fender USA และ Guild USA ก็เลยใช้คำว่า custom shop กับกีตาร์ที่ผลิตจากคนละโรงงานโดยช่างคนละชุดที่ไม่เกี่ยวข้องกับกีตาร์ในไลน์ปกติเท่านั้นและโรงงาน New Hartford ก็มีไลน์การผลิตไลน์เดียวที่ผลิตทั้ง Fender โปร่ง Guild โปร่งและ Guild ไฟฟ้าจึงไม่มีไลน์ท่ผลิตเฉพาะกีตาร์ custom shop ครับ
(https://i.ibb.co/w0hpN4v/newh.jpg)
(https://i.ibb.co/Thfcz96/fac-tour.jpg)
แต่แล้ว Fender ก็ประกาศเปิดตัวกีตาร์ Fender Acoustic Custom Shop ราคาแพงเว่อร์ ($5,000-5,500) เมื่อเดือนกรกฏา 2012 เฉยเลย
(https://i.ibb.co/K7m7C7r/coa4.jpg)
ตอนนั้นพอผมที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Fender เห็นข่าวนี้ก็งงไปพักใหญ่เหมือนกัน มันเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวจะมาเล่าเบื้องหลังให้ฟังครับ
-
"Custom Shop" ในมุมมองของ Ren Ferguson
Ren Ferguson คือหนึ่งในตำนานของช่างทำกีตาร์โปร่งที่เริ่มงานกับ Gibson ในปี 1989 และถูก Fender ซื้อตัวมาทำ Guild ในปี 2012 ผมเชื่อว่าเขาเป็นคนผลักดันให้มีการเปลี่ยนชื่อ Fender USA Acoustic Workshop เป็น Fender Acoustic Custom Shop ภายในปีแรกที่เขาเข้ามารับงานที่โรงงาน New Hartford และเป็นคนเปิดตัว Guild Custom Shop ในงาน NAMM 2013
Ren ไม่เคยให้สัมภาษณ์ใครว่าเขาคิดอย่างไรกับคำว่า "Custom Shop" ผมก็เลยต้องแก้ปริศนาโดยการแกะรอยจากผลงานของเขาตั้งแต่เข้าวงการจนถึงยุคปัจจุบันครับ
ในยุค '90s นั้นกีตาร์ที่ตีตรา Custom Shop ต้องผลิตใน workshop ที่แยกจากโรงงานใหญ่โดยใช้ช่างของตัวเองทำทุกขั้นตอนตั้งแต่การเลือกไม้ การทำสีจนถึง final setup (กีตาร์ custom shop จึงขายใด้ในราคาสูงกว่าปกติไม่ต่ำกว่าสองเท่า) ตอนนั้นก็มีแค่ Fender และ Gibson ที่มี custom shop ของตัวเองที่ผลิตกีตาร์ไฟฟ้าเท่านั้น
แน่นอนว่าตอนที่ Ren Ferguson เริ่มงานนั้นคำว่า custom shop ไม่ใด้มีอยู่ในสารานุกรมของกีตาร์โปร่งเพราะกีตาร์ custom รุ่นแรกที่เขาแกะแบบมาจาก Gibson L-1 ปี 1926 เขาก็ใช้ป้ายและ COA เป็น Limited Edition ในปี 1991
(https://i.ibb.co/N9gMxpt/l105.jpg)
Ren เริ่มใช้ป้าย "Custom Built" ประมาณปี 1997-2005 เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กีตาร์ว่าเป็นกีตาร์รุ่นที่ทำเป็นพิเศษ
(https://i.ibb.co/dQgvJLX/cIxnMDl.jpg)
และแล้ว "ความมั่ว" ก็มาเยือนโรงงาน Gibson Montana ในยุคต้น 2000 อย่างกีตาร์ J-45 Macassar Ebony ปี 2002 ของผมตา Ren แกใส่มาสามป้ายคือ
1. Custom Shop โลโก้ด้านหลัง headstock (เอามาจากโรงงาน Nashville)
2. Custom Built ที่ป้ายใน soundhole (ป้ายเดิมที่ใช้อยู่ในตอนนั้น)
3. Custom Art Historic โลโก้บน hard case (จ้าง TKL ผลิตโดยเอาโลโก้ของ Gibson Archtop Historic Series มาใส่)
(https://i.ibb.co/vkfjL14/DSC07300.jpg)
ป้ายกระดาษ "Custom Shop" ยุคแรกๆตา Ren แกเก็บใว้ใช้กับตัวที่แกทำด้วยมือตั้งแต่ต้นจนจบอย่างในรุ่น J-250 Monarch ที่ราคา $27,700 เป็นต้น ถ้าเป็นรุ่นที่แกไม่ใด้สตางค์พิเศษค่าทำแกก็ไม่แปะป้าย Custom Shop ให้ครับ
(https://i.ibb.co/GvYNZGf/DSC07353.jpg)
จุดจบของ Ren Ferguson กับกีตาร์ Gibson ก็เริ่มต้นในยุคปลาย 2000s เมื่อ GM คนใหม่ของ Gibson Acoustic ไม่ยอมให้ค่า commission กับกีตาร์ custom shop ที่ Ren ทำเองกับมืออีกต่อไป (งานส่วนนี้น่าจะเป็นรายใด้ก้อนใหญ่พอดู) หลังจากนั้น Ren ก็เลิกยุ่งกับงาน custom shop และงานออกแบบกีตาร์โดยสิ้นเชิงและลาออกในวันที่ 31 ธค 2011 เพื่อไปอยู่กับ Fender และ Guild ที่ New Hartford
ในยุคหลังจากที่ Ren เลิกทำเอง แสตมป์และป้าย "Custom Shop" ของโปร่ง Gibson ก็หมดความหมายเพราะส่วนใหญ่เป็นเพียงโลโก้ส่งเสริมการขายเท่านั้น อย่างในงาน NAMM 2020 Gibson ก็เปิดตัวโปร่ง Custom Shop เกือบยี่สิบรุ่น
(https://i.ibb.co/8rwqDBq/gibson-cs.jpg)
เรื่องการทำกีตาร์ custom shop แบบลวงโลก (เพราะใช้ช่างทีมเดียวกันกับไลน์ปกติ) นี่พอ Ren Ferguson มาอยู่กับ Guild USA ก็เลยเอาชื่อ Guild Custom Shop มาขายอีกครั้งทั้งๆที่ไม่มีไลน์การผลิตของตัวเอง (Fender เคยสร้าง workshop ของ Guild Custom Shop ในปี 1997 แต่เปลี่ยนไปเป็น repair center ในปี 2003)
Guild Custom Shop มี Ren เป็นผู้ออกแบบ ควบคุมการผลิตและรับตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปอีกด้วยแต่เปิดใด้แค่ปีกว่าๆก็ต้องปิดตัวลงเมื่อ Fender ปิดโรงงานใหญ่ กีตาร์โปร่งที่ผลิตก็มี Orpheum Series, Star Series, 60th Anniversary ส่วนกีตาร์ไฟฟ้าก็มี American Patriarch Series
กีตาร์ Guild Custom Shop New Hartford (ที่มียอดผลิตน้อยมาก) ในอนาคตอาจเป็นใด้ทั้งกีตาร์สะสมหรือกีตาร์ที่โลกลืมแต่ตอนนี้ราคามือสองถูกมากถ้าหาเจอครับ
(https://i.ibb.co/8bLQCbZ/guild-ap.jpg)
(https://i.ibb.co/jZQjqBN/orpheum2.jpg)
ราคามือสองในตลาด
(https://i.ibb.co/qNyQGXG/guild01.jpg)
(https://i.ibb.co/g66vRkW/GSR-STAR.jpg)
Orpheum Series ในปัจจุบันเป็นซีรี่ย์เรือธงของ Guild USA และมีขายอยู่ 10 รุ่นในราคา $4,799-$5,199 ครับ
(https://i.ibb.co/27wSq2T/orpheum1.jpg)
ถ้าสนใจเรื่องราวของ Ren Ferguson ดูใด้ในคลิปนี้ครับ
https://youtu.be/mMSsZCUc7gw
Guild New Hartford Factory Tour
https://youtu.be/UVVTSuC-01k
Fender Acoustic Custom Shop Tour
https://youtu.be/Wc5IYSKmqmU
-
ใบ COA นั้นสำคัญแค่ไหน
ใบ COA หรือ Certificate of Authenticity คือใบรับรองจากผู้สร้างซึ่งแต่เดิมมีการใช้กับงานศิลปะเพื่อรับรองว่าผลงานที่เอามาขายเป็นของแท้ 100%
ในวงการกีตาร์นั้น Fender Custom Shop เป็นโรงงานแรกที่ออกใบ COA ให้กับกีตาร์ทุกตัวตั้งแต่ปี 1988 โดยมีการเปลี่ยนแปลงจากยุคแรกถึงยุคปัจจุบันดังนี้
COA ยุคแรก (1988-1992) เป็นกระดาษบางๆพิมพ์ด้วยหมีกพิมพ์ซึ่งปลอมง่ายมาก ในปี 1993 จึงใช้กระดาษแข็งอัดลายนูนพิมพ์สีทองทำให้ปลอมยากมาก เขาเปลี่ยนจากโลโก้สีทองเป็นสีเงินในปี 1994
(https://i.ibb.co/4NKXPM7/f1.jpg)
COA ยุคปัจจุบันใช้ทั้งสีทองและสีเงินบนโลโก้ พวกรุ่นพิเศษอย่างพวก Masterbuilt หรือ NAMM Show Prototype จะมี COA ให้สองใบ
(https://i.ibb.co/XtW6h7h/f2.jpg)
ผมไม่เคยซื้อ Fender Custom Shop ที่ไม่มีใบ COA เพราะส่วนอื่นๆนั้นมันปลอมกันง่ายมากและก็ปลอมกันเยอะด้วย
(https://i.ibb.co/19DGB37/fake.jpg)
ส่วน COA ของ Gibson Custom Shop นั้นในยุคแรกๆก็ไม่มีให้ พอมาถึงยุคนี้ก็ทำให้แบบเสียไม่ใด้เพราะขนาดลายเซ็นของผู้จัดการก็ไม่ใช่ลายเซ็นจริง (ขายกีตาร์ราคาเป็นแสนแต่ไม่มีเวลามานั่งเซ็นใบรับรองให้ผู้ซื้อ ผมว่าทุเรศมากครับ)
(https://i.ibb.co/QkNXrBF/DSC00921.jpg)
COA ของ Ren Ferguson
Ren Ferguson เซ็นใบ COA ครั้งแรกให้กับ Gibson Acoustic ในปี 1991 (สมัยนั้น Custom Shop ยังไม่เกิด)
(https://i.ibb.co/hW76kgd/DSC07349.jpg)
ร่นสุดท้ายที่เขาเซ็น COA คือรุ่น Keb Mo' Bluesmaster Signature ที่เขาออกแบบใหม่หมดให้กับ Keb Mo และผลิตเพียง 300 ตัวเท่านั้นในปี 2010
(https://i.ibb.co/g7tGxsN/7.jpg)
Ren รับตำแหน่งบริหารครั้งแรกกับ Guild (general manger, Guild Custom Shop) ในปี 2013 ก็เลยมีหน้าที่เซ็นใบ COA ของกีตาร์ Custom Shop บางรุ่น (Guild Orpheum ไม่มีใบ COA)
(https://i.ibb.co/RPC2Kq7/gsr-coa.jpg)
(https://i.ibb.co/fHt2ppc/GUILDPATRIARCHTSCOA.jpg)
ลองมาฟังเสียงกีตาร์ฝีมือ Ren Ferguson ครับ
1991 Gibson L-1 Limited Run (100)
http://youtu.be/EcjLZQlxVME (http://youtu.be/EcjLZQlxVME)
กีตาร์รุ่นสุดท้ายของ Ren ที่ทำให้ Gibson คือรุ่น Keb Mo' Signature Bluesmaster กลายเป็นกีตาร์ในตำนานเพราะถึงจะอ้างอิงจากรุ่น L-00 ปี 1936 แต่ Ren Ferguson ก็ออกแบบใหม่หมดทั้งเรื่องหน้าตาที่หรูหรา สเกล 25" ที่ไม่มีใครใช้ nut width 1 7/8" แถมยังผลิตแค่สามร้อยตัวด้วย
พอ Ren Ferguson ออกไปก็โดน Gibson Custom Shop ดัดหลังโดยการผลิตรุ่น Keb Mo Bluesmaster ที่ไม่มีลายเซ็นหรือใบ COA มาขายในราคาถูกลงกว่าเดิน $500 ทำให้แฟนพันธุ์แท้ทั้งหลายเซ็งไปตามๆกัน
(https://i.ibb.co/FYT7wPy/kebmo.jpg)
2010 Gibson Keb Mo' Bluesmaster Signature Limited Run (300)
http://youtu.be/DOPY08ShPCc (http://youtu.be/DOPY08ShPCc)
เสียงของรุ่นหลังครับ
http://youtu.be/4o0koYmWR6g (http://youtu.be/4o0koYmWR6g)
http://youtu.be/wq6D4QN1zZ4 (http://youtu.be/wq6D4QN1zZ4)
-
อู้ว..จะสวยไปถึงไหน
ทั้งกีต้าร์และลีลาผู้เล่นเนี่ย Gibson ในมือน้ากฤษณ์สวยจริงๆ ราคา..ตาโต
-
กระทู้ดีๆแบบนี้ไม่อยากให้ตกไปเลยค่ะ
-
กระทู้ความรู้แน่นครับ อยากให้ admin น้าจิมปักหมุดไว้มากๆครับ ✌️
-
สอยกระทู้มีประโยชน์ มีสาระดีๆมาเก็บอ่านน่าจะเหมาะกว่า
-
:) ;) :D ;D :) ;) :D ;D
-
ต้องอ่านภาค1ก่อน แล้วค่อยไปต่อภาค2ตอนจบ