อาการปลาย bridge ยกเป็นผลลัพท์ที่เกิดจากการเก็บรักษากีตาร์ที่ไนสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตรายและเป็นสัญญาณเตือนภัยที่สำคัญด้วยครับ
กีตาร์โปร่งสมัยใหม่นั้นเขาออกแบบมาให้ไม้หน้าโค้งขึ้นเล็กน้อยเป็นส่วนใหญ่ (Martin ใช้ 40' radius) ตัว bridge ก็จะโค้งตามไม้หน้าด้วยอย่างในรูป
กีตาร์จะถูกเก็บใว้ในห้องที่อุณหภูมิ 22C และ RH 50% แต่พอมาถึงประเทศไทยที่มีความชื้นในอากาศสูงมาก ไม้ทุกชิ้นบนตัวกีตาร์มันก็จะดูดไอน้ำในอากาศเข้าไปทำให้เกิดการขยายตัว
Bridge นั้นจะขยายตัวในแนวราบตามธรรมชาติแต่ไม้หน้าขยายในแนวราบไม่ใด้เพราะติดไม้ข้างจึงต้องโก่งตัวขึ้น ถ้าโก่งตัวเพียงเล็กน้อย bridge ก็โก่งตามเพราะมีกาวยึดอยู่แต่ถ้าโก่งมากขึ้นปลาย bridge ก็จะลอยเพราะกาวมันยึดไม่ไหว
การเลาะ bridge ออกแล้วติดกาวใหม่นั้นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุซึ่งพอกีตาร์ไม้หน้าบวมอีก bridge มันก็หลุดอีก ช่างไทยบางคนก็เลยเอาน้อตยึดซะเลยก็มีซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง
เรื่องความชื้นนี้ต้องแก้ที่ต้นเหตุอย่างเดียวครับ
1. พยายามควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในห้องที่เก็บกีตาร์โปร่งให้มากที่สุด ถ้าเก็บในห้องที่เปิดแอร์ตลอดวันใด้ก็ดีหรือใช้เครื่องลดความชื้นแบบอัตโนมัติก็ใด้
2. Hard case แบบทั่วไปนั้นไม่สามารถกันความชื้นใด้ ถ้าใส่ silica gel แบบเปลี่ยนสีก็ควรใส่ไม่น้อยกว่า 200 กรัมและเอาออกมาไล่น้ำทุกครั้งที่เปลี่ยนสี (ประมาณ 3-7 วัน)
3. ถ้าไม่อยู่บ้านหลายๆวันก็ใช้ถุงพลาสติกห่อกล่องแล้วผูกปากใว้ไม่ให้อากาศและความชื้นเข้าไปใด้
Silica gel แบบเปลี่ยนสีสั่งซื้อใด้ในราคากิโลละ 169 บาท เอามาแบ่งใส่ถุงพลาสติกใสเจาะรูพรุน เมื่อเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีขาวอมชมพูก็เอาออกมาเข้าเตาอบที่ 160C หนึ่งชั่วโมงจนกลับเป็นสีน้ำเงินและนำกลับไปใส่กล่องใหม่ เมื่อใช้ไปนานๆสีมันจะจางแต่ประสิทธิภาพมันไม่เปลี่ยนเพราะมันคือเม็ดทรายธรรมดา