ขออนุญาตออกความเห็นนิดนึงครับ
ช่างทำกีตาร์จะให้ความสำคัญกับไม้หน้า หรือ soundboard มากที่สุดในไม้ทั้งหมดครับ เพราะไม้หน้ารับภาระที่จะทำให้กีตาร์เสียงดีที่สุดประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์
ส่วนไม้ที่สำคัญรองลงมาติด ๆ เลยคือ ไม้ที่ติดกับ soundboard นั่นคือไม้ brace (ที่ขัด ๆ ขวาง ๆ ตาม pattern แล้วติดกาวเอาไว้นั่นแหละ)
ไม้หน้าและไม้ brace ถ้าถูกตัดและรอ bookmatch เอาไว้ สัก 30 ปี โดยเก็บให้มีลมพัดผ่านบ้าง (คือเก็บไว้ในสถานที่ ๆ เหมาะสม)
จะทำให้ไม้แห้งสนิท และคุณภาพดีขึ้นกว่าเก่าตอนที่ไม้ยังใหม่อยู่แน่นอน (เสียงเปิดเพราะไม้แห้งด้วยตัวเองตลอด 30 ปี)
พอถึงเวลาช่างเอามาประกอบเป็นกีตาร์ ต่อให้เป็นช่างมือใหม่ทำตัวแรก ก็ย่อมให้เสียงที่ดีกว่า ไม้อายุ 1 ปีมาทำแน่นอนครับ
คราวนี้ ถ้าสลับกัน เอาไม้ใหม่เพิ่งตัด มาทำกีตาร์ แล้วผ่านไป 30 ปีบ้างล่ะ
อย่างแรกคือ ไม้ soundboard เมื่อช่างทำกีตาร์เสร็จแล้ว ช่างต้องย้อมสีและทายารักษาเนื้อไม้ไว้ เพื่อความงามและเพื่อความทนทาน
ก็เท่ากับว่า ไม้ soundboard ถูกห่มด้วย film บาง ๆ ไว้ และกีตาร์ที่เป็นตัวแล้ว คราวนี้จะให้ไม้หน้าแห้งก็เป็นเรื่องยากแล้วล่ะครับ
เพราะมันมีทั้งไม้ข้าง ไม้หลัง ที่ประกบมันอยู่ และก็คอ ฟิงเกอร์บอร์ดอีกต่างหาก ดีไม่ดีก็ต้องเก็บลงกล่องอีก
พูดถึง เรื่องไม้หน้าเสียงเปิด... ผมว่า มันคือเรื่องของกีตาร์ที่ถูกทำให้เป็นตัวพร้อมเล่นแล้ว เราทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว นอกจากเล่นมันซ้ำ ๆ
ผ่านกาลเวลา... ไปเรื่อย ๆ ๆ อย่างช้า ๆ ส่วนว่ามันจะเสียงดีขึ้นไหม แล้วจะดีขึ้นเมื่อไหร่ ก็ต้องรอพิสูจน์กันเอง
ซึ่งกีตาร์บางตัวก็ไม่ได้เสียงดีขึ้นแต่อย่างได แม้จะเก่ามากแล้วก็ตามครับ
ถ้าให้ผมเลือก ผมเลือกกีตาร์ทีช่างเค้าเก็บไม้หน้าไว้ 30 ปีแล้วค่อยมาทำครับ... (เฉพาะไม้หน้าที่เก็บไว้ 30 ปี นี่ราคาสูงกว่ากีตาร์บางตัวในตลาดอีกนะครับ ^^)