ชุดลำโพง portable PA นั้นในราคา 3-50,000 บาทถ้าเป็นผมแนะนำระบบ stereo ที่เสียงเป็นธรรมชาติ ฟังเพลงเพราะอย่าง Fender Passport Venue 600 วัตต์หรือ Yamaha StagePAS 600BT 680 วัตต์ ทั้งสองรุ่นนี้ใช้ดูหนังฟังเพลงใด้สบายเพราะเขาไม่ใด้เน้นเสียงกลางเหมือนชุด PA ทั่วไป
ผมเชึยร์สองยี่ห้อนี้เพราะเรื่องเสียงและความคงทนนั้นใว้ใจใด้ทั้งคู่ ส่วน JBL นั้นผมว่าเสียงแข็งไปนิด Bose ราคาในเมืองไทยเว่อร์ไปจนไม่น่าคบ (แต่ถ้าคุณมีสตางค์ก็ไม่ว่ากัน) ลองฟังตัวอย่างเสียงดูครับ
BOSE L1 (pair)
Fender Passport PD-150 รุ่นนี้เป็นรุ่นเล็กสุด ใช้งานมา 15 ปีแล้วครับ ใช้เสียบทั้งไมค์และกีตาร์ในงานเปิดบ้านปีที่แล้ว
ปีที่แล้วระบบหน้าบ้านผมใช้ Gibson studio monitors ขนาดลำโพงแค่ 6" (กำลังขับ 268 วัตต์ต่อข้าง) เป็นชุด PA กีตาร์ 3 ตัวและไมค์ 2 ตัวเสียบมิกเซอร์ Yamaha MG10XU ลองฟังเสียงเทียบกับชุด PA ดูครับ
สรุปว่าชุด PA ดีๆนั้นใด้เปรียบ acoustic amp
1. มีความดังมากกว่าเยอะถ้าต้องใช้กลางแจ้ง
2. มีสนามเสียงกว้างกว่าถ้ามีคนดูหลายๆคนจะใด้ยินกันทั่วถึงโดยไม่ต้องเปิดดังมาก
3. ใช้ฟังเพลงใด้เพราะกว่า
4. ใช้ดูหนังสนุกกว่าเพราะเป็นระบบ stereo
แม้จะมีข้อดีหลายข้อแต่ผมไม่เคยใช้ชุด PA ที่คอนโดเพราะมันเกะกะบ้าน ถ้ามีคนมาแจมกันผมก็ใช้ acoustic amp ที่มีอยู่หลายตัวแทนครับ
Vox AGA150 (150 วัตต์ 2 channels) ที่คอนโดสิบปีที่แล้ว
AER Domino II (120 วัตต์ 4 channels) ที่บ้านหัวหินเมื่อเก้าปีที่แล้ว เวลาไปตจว.ผมมักเอาแอมป์ติดไปตัวเดียวเพราะขี้เกียจขนครับ
Fender Acoustasonic Ultralight (250 วัตต์ 2 channels) ที่บ้านเมื่อสิบสองปีที่แล้ว แจมกันเล่นๆเลยขี้เกียจเปิด PA ชุดใหญ่ (สมัยนั้นถ่ายด้วย Zoom Q3 ภาพสุดห่วยแต่เสียงใช้ใด้)
สรุปข้อดีของ acoustic amp
1. พร้อมใช้งานเสมอ ไม่ต้องประกอบก่อนใช้
2. เสียงดีกว่าชุด PA ที่น้ำหนักเท่ากัน
3. ขนาดเล็ก หิ้วสะดวกกว่า
ดังนั้นจึงควรเลือกตามจุดประสงค์การใช้งานเป็นหลักครับ