ถ้าจ่ายครบแล้วค่อยเอากีตาร์ไป ผมว่าเป็นไปได้ครับ
ในระหว่างนั้นน้าส้มจีนก็ห้ามขายใคร
เหมือนกับเป็นการจองไปในตัว
ไม่จ่ายเพิ่มก็ยึดเงินจองก็ได้ หรือจะคืนเงินให้ก็แล้วแต่ครับผม
เห็นด้วยครับ เพราะ
1.ช่วยให้ผู้ซื้อที่ทุนไม่พอ หมุนเงินไม่ทัน มีโอกาสได้ตั้งตัว อย่างน้อยผู้ขายก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเงิน(ณ ขณะนั้น เพราะบอกว่าถ้าผ่อนได้)
เป็นการจอง แต่เน้นว่าควรจะมีเอกสารกำกับด้วย เพื่อควมสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย (รักแล้ว รอหน่อย ^_^)
2.เป็นการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะไม่ได้เงินครบ เนื่องจากผู้ขายไม่อาจมั่นใจในสถานะทางการเงินของผู้ซื้อได้ เกิดมีเหตุอันไม่พึงประสงค์ขึ้นมา ยังไงซะสินค้าก็ยังอยู่กับเรา
3.ในกรณีรับของอื่นมาเป็นของรับประกัน
3.1 การตีราคาในของนั้นอาจคลาดเคลื่อนหรือไม่คุ้มค่ากับสินค้าที่เราขาย
3.2 ของนั้นๆอาจเป็นของผู้อื่น ที่มิใช่ของ ของผู้ขายก็ได้
3.3 เนื่องจากกีต้าร์เป็นสินค้าที่ต้องยอมรับว่า เกงกำไรได้ หากเค้าเอาไปขายต่อ โดยทิ้งของที่ ราคาอาจจะตกฮวบในเวลาต่อมาไว้ที่เรา เท่ากับว่า เราจะขาดทุน และเสียความรู้สึกอย่างมาก
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอชื่นชมความคิดดีๆและความหวังดีที่น้ามี และเชื่อว่าน้าๆท่านอื่นในนี้ก็มี ส่วนตัวผมก็ชอบวิธีนี้นะครับ มันทำให้คนที่ทุนน้อยมีโอกาสได้สัมผัสของดีๆแพงๆบ้าง เพราะส่วนใหญ่จะซื้อไม่ทัน น้าๆที่มีทุนมากกว่า เพราะเราต้องคิดมากกว่าน้าๆเหล่านั้นเยอะครับ
แต่ก็เข้าใจสัจธรรมข้อนี้ดี แต่ในมุมมองของผู้ขายผมว่าความเสี่ยงสูงครับ ไม่แนะนำหากเป็นคนที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่มีเอกสารยืนยันอย่างแน่นนอนครับ
ปล.การผ่อนบางทีอาจเป็นการทำให้ผู้ซื้อบางท่านใช้เงินเกินตัวจนเป็นหนี้เหมือนบัตรเครดิตได้นะครับ และผู้ขายไม่ใช่ธนาคารจึงไม่มีเวลามากพอไปตามหนี้ได้เหมือนธนาคารครับ ^_^
ขอบคุณความคิดดีๆและน้ำใจมากๆครับ ^_^