กีตาร์ที่ราคาแพงที่สุดในโลกอันดับหนึ่งและอันดับสี่เป็นกีตาร์โปร่งตามรายการด้านล่าง
กีตาร์ทั้งสองตัวมีเบื้องหลังที่เหมือนกันดังนี้
1. เจ้าของเดิมของทั้งสองตัวเสียชีวิตจากกระสุนปืนทั้งคู่... John Lennon ถูกยิง 4 นัดด้วยปืน .38 Special ส่วน Curt Cobain ยิงตัวตายด้วยปืนลูกซอง
2. เงินที่ใด้จากการประมูลไม่ใด้ตกเป็นของทายาททั้งสองตัว...
ตัว J-160E ถูกขโมยไปในปี 1963 คนที่ซื้อของโจรไปในปี 1967 เพิ่งรู้ว่ากีตาร์เคยเป็นของ John Lennon เลยเอาออกมาประมูลในปี 2015 ซึ่งตอนนั้นคดีหมดอายุความไปนานแล้ว
ตัว D-18E นั้นตกเป็นของลูกสาว Curt Cobain แต่เธอใด้ยกกีตาร์ให้สามีเก่าไปตอนหย่ากัน รายการนี้สามีเก่าเลยรับไปเต็มๆแต่ผู้เดียว
3. ทั้งสองรุ่นถูกออกแบบให้เป็นกีตาร์ไฟฟ้าที่หน้าตาเหมือนกีตาร์โปร่ง ลองมาดู concept ของกีตาร์สองรุ่นนี้กันครับ
J-160E นั้นเป็นกีตาร์ electric-acoustic (ไฟฟ้า-โปร่ง) รุ่นบุกเบิกที่วางตลาดในปี 1954 สมัยนั้นยังไม่มีปิคอัพ humbucker ที่สัญญาณแรงและไม่จี่ Gibson ก็เลยใช้ปิกอัพ P90 single coil ติดด้านบนของ sound hole และขยับ fretboard ขึ้นไป 1 เฟร็ต การเอากีตาร์โปร่งติดปิคอัพไปเล่นบนเวทีนั้นมีหวังหอนระเบิด Gibson เลยเปลี่ยนไม้เป็น laminate ทั้งตัวเหมือนกีตาร์ไฟฟ้า ES Series และเปลี่ยนไปใช้ ladder bracing ด้วยเพื่อลดการสั่นของไม้หน้าและลด feedback
ส่วน Martin นั้นทำกีตาร์ไฟฟ้าไม่เคยรุ่งก็เลยเอา D-18 มาแปลงเป็นกีตาร์ไฟฟ้า แน่นอนว่าไม้ยังเป็น all solid เพราะสมัยนั้น Martin ทำไม้ลามีเนตไม่เป็นเลยต้องใช้วิธีเพิ่มขนาดของ braces ให้หนาจนไม้สั่นน้อยลงเพื่อกันหอนแทน การใส่ DeArmond single coil pickup เข้าไปสองตัวก็ทำให้ใช้ X-bracing ไม่ใด้เลยต้องใช้ ladder bracing แทน สรุปว่าเสียงเปล่าของรุ่นนี้เบาและบางกว่า D-18 รุ่นปกติเยอะ
ตอนที่ Curt Cobain ไปซื้อ D-18E มาเพื่อเล่นบนเวทีนั้นเขาไม่รู้ว่าปิคอัพทั้งสองตัวของมันนั้นใช้ใด้กับสายกีตาร์ไฟฟ้าเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเขาชอบเสียงของสายกีตาร์โปร่งมากกว่าก็เลยต้องไปติดปิดอัพของ Bartolini ที่ออกแบบมาให้ใช้กับสายกีตาร์โปร่งเพิ่มเพื่อส่งสัญญาณออกแอมป์
ผมคิดว่า D-18E ของ Kurt Cobain เป็นกีตาร์ Martin ที่เสียงห่วยมากๆ ลองฟังดูครับ
เทียบกับ D-18 รุ่นปกติ
เรื่องราคา 200 ล้านบาทนั้นที่ขายใด้ก็เพราะมันเป็นกีตาร์ตัวสุดท้ายของ Kurt Cobain ซึ่งไม่เกี่ยวกับยี่ห้อของมันเลย