ความแตกต่างระหว่าง กีตาร์โปร่งไม้ Solid และไม้ Laminate ?

โดยทั่วไป กีตาร์โปร่งจะทำมาจากไม้สองประเภท คือ “Solid(โซลิด) และ Laminate(ลามิเนต)” 
ซึ่งทั้งสองประเภทข้างต้น ล้วนเป็นไม้จริงหรือไม้แท้” (ไม่มีไม้ปลอม) ทั้งสิ้น แตกต่างกันเพียงการได้มาและกระบวนการผลิต

ความหมายของคำว่า Solid และ Laminate:
– Solid
คือ ไม้แท้แผ่นเดียวที่นำมาทำกีตาร์
โดยนำไม้ท่อนมาผ่าเป็นแผ่น ให้ได้ขนาดที่หนาตามต้องการ เพื่อนำมาใช้ทำไม้หน้า(top) ไม้ข้าง(side) และไม้หลัง(back)
– Laminate
คือ ไม้แท้มากกว่า 1 แผ่น นำมาประกบ/หรือซ้อนกัน (ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ 3 ชั้นวางประกบกัน)
ไม้ laminate เป็นไม้ที่ไม่ได้ขนาดความหนาพอที่จะนำมาทำไม้หน้า ไม้ข้าง และไม้หลัง ตามต้องการ จึงต้องนำหลายชิ้นมาประกบกันเป็นชั้นๆ
ดังนั้น หากนำไม้มาทับซ้อนหรือวางเป็นชั้นทับกัน จะเรียกว่า laminate ทั้งนั้น  (laminate คือ การซ้อน แปะ ประกบทับกัน)
ไม่ว่าไม้ส่วนนั้นจะได้มาจากการอัด(ไม้อัดรวมกัน)เป็นแผ่นหรือเป็นแผ่น solid บางๆ วางทับซ้อนกันก็ตาม

(ไม้ laminate ทำกีตาร์ กับไม้ laminate ตีทำฝาบ้าน มันต่างกันสิ้นเชิง! ทั้งกระบวนการผลิต และคุณภาพ)

คำอธิบายความหมายสั้นๆ ข้างต้น หลายๆท่านอาจจะยังมีความสงสัย นึกภาพไม่ออก
เพื่อความเข้าใจเพิ่มขึ้น เรามาดูวิธีการได้มาซึ่งไม้ solid และ laminate กัน

วิธีการทำตัดไม้ เพื่อทำกีตาร์ไม้ Solid 
คือการนำไม้ท่อนมาตัดให้ได้ขนาดความหนา/ความบางตามต้องการ แล้วนำมาขึ้นรูปเป็นไม้หน้า(top) ไม้หล้ง(back) และไม้ข้าง(side)
เทคนิคการตัดหรือเลื่อยไม้ มีหลายแบบ เช่น เลื่อยแบบ plain-sawn/through cut หรือแบบไม้กระดาน แต่ที่นิยมคือ “quarter-sawn”
คือการเลื่อยให้ตั้งฉากกับ gain(ลายไม้) วิธีนี้แม้จะสิ้นเปลืองไม้ แต่จะได้ไม้ที่มีความแข็งแรงเห็นลายไม้ (gain) ที่สวยมีความชัดเจน
และส่งผลดีต่อการสะท้อนของเสียงกีตาร์ คือได้หางเสียงที่สมบูรณ์(sustain), ความสมดุล( balance)ของเสียงที่ยอดเยี่ยม

–  วิธีการทำตัดไม้ เพื่อทำกีตาร์ไม้ Laminate
จะประกอบด้วยไม้ 2-3 ชั้น(ส่วนใหญ่คือ 3 ชั้น) คือ 1. ชั้นบน(ส่วนที่บาง) 2. ชั้นกลางหรือไส้กลาง(ส่วนที่หนาสุด) 3. และชั้นล่าง(ส่วนที่บาง)
ไม้ชั้นบนและล่าง คือการเลือกไม้ประเภทที่นิยมใช้ทำกีตาร์ ทั่วไป เช่น spruce, mahogany, rosewood, maple เป็นต้น
โดยจะนำไม้นั้นๆ มาเลื่อยบางๆ ซึ่งใช้วิธีการเลือยแบบปลอกเปลือก” (Rotary Cut หรือ Plain[flat] Sliced ตามภาพข้างต้น)
ซึ่งจะสูญเสียไม้น้อย จึงทำให้ได้ชิ้นไม้จำนวนมาก กล่าวคือ ได้ไม้มาใช้ทำกีตาร์ได้หลายตัว ต้นทุนลดลง ราคากีต้าร์ Laminate จึงถูกลงไปด้วย
เมื่อได้ไม้บางตามที่ต้องการแล้ว ก็จะนำมาประกบหน้า/หลัง ปะเข้ากับไม้ชั้นกลาง(ไส้กลาง)อีกที เพื่อให้ได้ลายไม้ที่สวยงาม

ไม้ชั้นกลาง หรือไส้กลาง นั้น คือส่วนที่หนาสุด ผู้ผลิตสามารถเลือกได้ว่า จะใช้ไม้ที่มีคุณภาพมากน้อยแค่ไหนก็ได้
(
ตามระดับราคากีตาร์เป็นปัจจัยสำคัญ) หากเลือกแบบที่ผ่านกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพดี ย่อมส่งผลต่อกีตาร์ที่มีคุณภาพ ตามไปด้วย
แต่หากเลือกแบบไม่มีคุณภาพดีมากนัก เสียงกีตาร์ก็ด้อยคุณภาพลงไป
ดังนั้น เราจึงเห็นว่า กีตาร์ไม้ Laminate มีทั้งเสียงทีดี และไม่ดี แตกต่างคุณภาพกันออกไป
ไม้ใส้กลางนั้น ส่วนใหญ่จะเลือกใช้เศษไม้ที่ผ่านกระบวนการอัด(เศษไม้มาอัดขึ้นรูป)ให้เป็นแผ่น
หากกระบวนการอัดมีคุณภาพดี ก็จะได้กีตาร์ที่มีคุณภาพดีตามไปด้วย
สำหรับกีตาร์ Laminate บางยี่ห้อ ที่มีราคาสูงๆ คุณภาพเสียงดีๆ อาจจะเลือกใช้ไม้ที่ไม่ไช่ไม้อัด
แต่อาจจะเป็นไม้พันธ์อื่นๆ เช่น nato อื่นๆ, กีตาร์บางยี่ห้อใช้วิธีการอัดด้วย HPL
ซึ่งจะได้คุณภาพเกือบเทียบเท่ากับ solid เลยทีเดียว (แต่ราคาก็สูงขึ้นไป)

คุณภาพของโทนเสียง ระหว่างไม้ Solid และไม้ Laminate

ไม้ Solid โทนเสียงที่ได้ จะเป็นไปตามเอกลักษณ์ตามประเภทไม้นั้นๆ
(
ท่านสามารถดูคุณภาพสมบัติของไม้ต่างๆ ได้ที่ http://acousticthai.net/top_tonewoods.html
และ http://acousticthai.net/guitar_back_side_tonewoods.html)

โดยพื้นฐานคุณภาพของไม้ Solid นั้น ย่อมให้เสียงที่ดีกว่า ไม้ Laminate อย่างแน่นอน
เนื่องจากไม้ solid มีความอ่อน จึงสามารถกระพือหรือขยับตัวได้ดีกว่าไม้ laminate ที่มีความแข็ง
ดังนั้น เสียงของกีตาร์ที่ทำจากไม้ solid จะมีความนุ่มนวล ให้เนื้อเสียงที่ละเอียดมากกว่า และให้ย่านเสียง(สูงกลางต่ำ)ที่ชัดเจนกว่า
และ เมื่อผ่านการเล่นไปนานๆ ไม้ solid จะมีการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ตามระยะเวลา
แต่ในการทำกีตาร์โปร่งให้เสียงดี นั้น นอกจากไม้ทีดีแล้ว ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ มาเกี่ยวข้อง เช่น
คุณภาพของไม้(ไม่ว่าจะ solid หรือ laminate), วิธีการวางโครงสร้าง(bracing),
เทคนิค/กระบวนการผลิตที่ดี, และโดยเฉพาะเรื่องทักษะฝีมือประสบการณ์ของผู้สร้างนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก

ไม้ Laminate นั้น เกิดจากการนำไม้มาซ้อนปนกัน จึงทำให้เกิดความแข็ง ส่งผลให้การสั่นของไม้ และการสะท้อนของเสียง จะทำได้ไม่ดีนัก
และโทนเสียงที่ได้ จะไม่มีเอกลักษณ์จริงๆ ของไม้นั้นๆ, คุณภาพเสียงจะขึ้นอยู่กับไม้ชั้นกลางเป็นหลัก หากไม้ชั้นกลางมีคุณภาพดี และ
มีเทคนิคการผลิตที่ดี คุณภาพของกีตาร์ ก็จะดีตามไปด้วยแม้กีตาร์โปร่งที่ทำจากไม้ laminate จะมีข้อด้อยในแง่ของเสียง แต่ก็มีข้อดีอยู่หลายประการ

ข้อดี ของกีตาร์โปร่งที่ทำจากไม้ solid:
ให้เสียงที่ชัดเจน ละเอียดอ่อน และมีความนุ่มนวล
การตอบสนอง การถ่ายทอด และการแยกแยะของย่านเสียง ทั้งต่ำ(bass) กลาง(middle) สูง(treble) ทำได้อย่างชัดเจนและสมบูรณ์
เนื่องจากไม้ solid มีความอ่อน สามารถไม้สั่นตัวได้ดี เสียงก็จะมีความละเอียดอ่อน และตอบสนองได้ดี
สามารถพัฒนาตัวเองได้ดี คือเมื่อผ่านการเล่น(burn)ไปสักระยะ ไม้มีการสั่นตัวบ่อยๆ จะเกิดการพัฒนาตัวเอง
ทำให้เสียงเปิด(ใสกังวาน)มากขึ้น ดังนั้นเราจะสังเกตเห็นว่า กีตาร์ที่เล่นบ่อยๆ จะได้เสียงที่ใสกังวานมากกว่ากีตาร์ที่ถูกเก็บไว้โดยไม่ได้เล่น

ข้อด้อย ของกีตาร์โปร่งที่ทำจากไม้ solid:
ราคาค่อนข้างสูง (ตามระดับคุณภาพของเสียง, งานประกอบ, ประเภทไม้ และชื่อเสียงของแบรนด์สินค้า)
ไม้มีความอ่อน ส่งผลให้มีความทนทานต่อสภาพอากาศได้ไม่ดีนัก ต้องอาศัยการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด มากๆ
กรณีดูแลไม่ดี เมื่อต้องเจอกับอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องอากาศที่แห้ง หรือมีความชื้นมากเกินไป อาจส่งผลให้
ไม้เกิดอาการไม้บวม ป่อง แตก ร้าว ฯลฯ (สาระเชิงลึก อ่านได้ที่ http://acousticthai.net/humidity-and-your-guitar.html)
เมื่อเล่นผ่านภาคไฟฟ้าอาจมีปัญหาเรื่องของ feedback(เสียงสะท้อนกลับ) แต่ก็มีวิธีการแก้ไข เช่น
ใช้อุปกรณ์อื่นๆช่วย หรือ เลือกกีต้าร์ที่ Body บาง(Thin)/หรือเล็กเล็กลง

ข้อดี ของกีตาร์โปร่งที่ทำจากไม้ Laminate:
ราคาถูก ค่อนข้างประหยัด (ตามระดับคุณภาพของเสียง, งานประกอบ และชื่อเสียงของแบรนด์สินค้า)
ด้วยความแข็งของไม้ laminate จึงทนทานต่อสภาพสิ่งแวดล้อมในเรื่องอากาศทั้งอากาศที่มีความชื้นสูง และ อากาศที่แห้ง
เมื่อเล่นผ่านภาคไฟฟ้า(ตู้แอมป์) แทบไม่มีปัญหาเรื่องของ feedback (เสียงสะท้อนกลับ)

ข้อด้อย ของกีตาร์โปร่งที่ทำจากไม้ Laminate:
ไม้มีความแข็ง จึงทำให้การสั่นเพื่อสะท้อนของเสียง ทำได้ไม่ดี
ด้วยความแข็งของไม้ โทนเสียงจะความแข็ง ความนุ่มนวลและความละเอียดของเสียง จึงน้อยลงไป
เมื่อเวลาผ่านไป โอกาสการพัฒนาของเสียงจะไม่มีมาก คือเสียงกีตาร์จากวันแรกเป็นอย่างไร
วันและปีข้างหน้าก็จะไม่เปลี่ยนมากนัก ยกเว้น กีตาร์บางยี่ห้อที่อาจจะมีกระบวนการผลิตกีตาร์ laminate
ที่ดีมีคุณภาพสูง อาจจะได้เสียงกีตาร์ที่ทัดเทียม หรือดีกว่าไม้ solid บางยี่ห้อ ก็เป็นไปได้เช่นกัน

วิธีการดูกีตาร์โปร่ง Solid หรือ Laminate:

กีตาร์ไม้หน้า(top) solid เมื่อมองไปที่ด้านขอบกีตาร์ตรง sound hole จะเห็นลายไม้ (gain) วิ่งม้วนต่อเนื่องลงไปถึงขอบ
และ ไม้จะไม่มีการแบ่งเป็นชั้นๆ หากเห็นแบ่งเป็นชั้นๆ แสดงว่า เป็น laminate
ในทางกลับกัน

กีตาร์ไม้หน้า(top) laminate เมื่อมองไปที่ด้านขอบกีตาร์ตรง sound hole กีตาร์ จะเห็นลายไม้ (gain) มาหยุดที่ขอบ
และ ไม้จะเป็นแบบชั้นๆ ส่วนมากที่เห็นจะมองเห็นเป็น 3 ชั้น คือการนำไม้ 3 แผ่นมาประกบกัน

ส่วนไม้ข้าง(side) และหลัง(back) นั้น ข้างต้นเราจะดูลายไม้(gain)ด้านใน/ด้านนอก ว่าจะต้องตรงกัน แต่บางครั้ง การดูด้วยวิธีนี้ ก็ค่อนข้างยาก
เนื่องจากไม้ชั้นหน้าที่นำมาปะ(ด้วยวิธี laminate)นั้น ผู้ผลิตอาจจะเลือกลายไม้ที่ตรงกัน หรือใกล้เคียงกัน ทำให้ดูได้ยาก
ส่วนใหญ่เราจึงยึดถือตามสเปคที่โรงงาน/ผู้ผลิต ซึ่งเป็นผู้แจ้งไว้ในเอกสารแคตตาล็อก โบรชัวร์ หรือ บนเว็บไซด์ที่ปรากฎให้เห็นโดยทั่วกัน

บทสรุปของกีตาร์โปร่ง ที่ทำมาจากไม้ Solid และไม้ Laminate:

กีตาร์ที่ทำมาจากไม้ solid และ laminate ต่างมีจุดด้อย และจุดเด่น ต่างกันออกไป ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ไปสะทุกๆอย่างโดยไม่มีข้อด้อย เลย
ดังนั้น การเลือกกีตาร์โปร่งให้กับตัวเองสักตัว นอกจากที่จะต้องนึกถึงเงินในกระเป๋า(งบ) แล้ว ยังจะต้องนึกถึงเรื่องการใช้งานด้วย
เช่น บางท่านอาจจะมีกีตาร์แพงๆ ประเภท all solid ไว้ใช้อยู่แล้ว แต่อยากได้กีตาร์เอาไว้ลุยๆ สักตัว การเลือกกีตาร์ไม้ laminate ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี
นอกจากราคาจะประหยัดแล้ว ยังทนทานต่อการใช้งานด้วย, …หรือสำหรับมือใหม่ เพิ่งหัดเล่นกีตาร์ไม่นาน ยังหาตัวเองไม่พบ ว่าชอบกีตาร์แบบไหน
การเลือกกีตาร์ laminate คุณภาพดีๆ สักตัว ที่ราคาไม่สูง ให้กับตัวเอง เพื่อเป็นกีตาร์ตัวแรก ค่อยๆ ค้นหาตัวเอง….
เมื่อถึงเวลา ก็ค่อยๆขยับไปเล่นกีตาร์ all solid ราคาสูงๆ แนวคิดนี้ก็ใช้ได้ดีนะครับอย่างไรก็ตาม อยู่ที่กำลังการซื้อ(งบ) และความพอใจของท่าน

เขียน/เรียบเรียงโดย ทีมงานอะคูสติกไทย (AcousticThai.Net)
สงวนสิทธิ์เนื้อหาบนเวบไซด์ กรุณาแจ้งกับทีมงานอะคูสติกไทย ก่อนนำไปเผยแพร่
แฟนเพจ http://www.facebook.com/acousticthai