ใครจะเป็น Pavaratti คนต่อไป? แน่นอนว่าคงไม่มีใครเหมือน “Pavarotti” ได้เพราะเสียงของนักร้องของเค้ามีความพิเศษ เป็นพรสวรรคที่พระเจ้าประทานมาให้ตนเอง Pavarotti นั้นมักจะถูกกล่าวขนานนามว่าเป็นนักร้องเสียงเทเนอร์ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล ตัวเค้ามักปฏิเสธ แล้วกล่าวว่า “Caruso” น่าจะได้รับเกียร์ติ นี้มากกว่า แต่ด้วยการจากไปของ Pavarotti นี้เอง ทำให้วงการอิตาเลียนอันยิ่งใหญ่ต้องถูกสาปให้พบกับความระส่ำระสายเป็นครั้งแรกในรอบศตวรรษ เรื่องเริ่มต้นจากEnrico Caruso นักร้องยอดนิยมที่มีค่าตัวสูงสุดในรอบ 20 ปี ก่อนการเสียชีวิตของเค้าในปี 1921 ซึ่งมีอายุเพียง 48 ปี ในขณะนั้น Beniamino Gigil กำลังครองเวทีโอเปร่าส่วนใหญ่ก่อนอยู่แล้ว ทว่าการจากไปของ Caruso ในไม่ช้าเขาจึงได้ครองตำแหน่ง นักร้องเสียงเทเนอร์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อ Gilgi เสียชีวิตลงในปี 1957 ขณะนั้นมีนักร้องเสียเทเนอร์ชาวอิตาเลียนที่โด่งดังอยู่หลายคน เช่น Giuseppe, Di Stetano Franco Corelli, แต่ทว่าชื่อเสียง และความนิยมของคนเหล่านี้ก็ยังจำกัดอยู่ในแวดวงของโรงละครโอเปร่าเท่านั้น ในขณะนั้น Pavarotti มีอายุ 20 ปี ซึ่งเค้าใช้เวลาอีกเพียง 4 ปีเท่านั้นในการสร้างชื่อเสียง ที่ทำให้วงการ ประวัติศาสตร์ของโอเปร่า ไม่ลบเลือน
ในปัจจุบัน Pavarotti ได้จากเราไปแล้ว ทว่าไม่มีนักร้องเสียงโอเปร่าชาวอิตาเลียนคนใด ที่สามารถทาบรัสมีของเค้าได้ ส่วน Domingo และ Carrerasซึ่งอยู่ในช่วงปลายการทำงานอันรุ่งโรจน์นั้น ทั้งสองก็ไม่ใช่ชาวอิตาเลียน อีกทั้งยังไม่มีเนื้อเสียงก้องกังวานเป็นพิเศษดังเช่น Pavarotti อีกด้วย เมื่อสิบปีที่แล้ว Roberto Alagna ชาวฝรั่งเศษได้รับการตอบรับ และขนานนามว่าเป็น นักร้องเสียงเทเนอร์อันดับ 4 แต่เขาไม่สามารถจัดการ กับอารมณ์ที่แปรปวนง่ายของตนเองได้ เมื่อปราศจากชาวอิตาเลียน บรรดาผู้อำนวยการฝ่ายคัดเลือกศิลปินของโรงละครโอเปร่าจึงบายหน้ามายังแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ กันมากขึ้น และที่นี่เองที่พรสวรรค์อันน่าตื่นใจสำหรับนักร้องเสียงเทเนอร์ได้ถูกสร้างขึ้น โดยเฉพาะสองคนแรกต่อไปนี้ที่มีพรสวรรค์ ที่จะก้าวไปอยู่แถวหน้าได้ รายชื่อคนแรกคงไม่พ้น Juan Diego Flarez นักร้องชาวเปรู ปัจจุบันมีอายุสามสิบกว่า เขาคนนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ชมในโรงละครโอเปร่า มาแล้วมากมาย ติดตามมาด้วย Rolando Villazon นักร้องเสียงเทเนอร์ชาวเม็กซิกันซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดเมื่อเทียบกับนักร้องรุ่นๆ เดียวกัน ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลา มีอารมณ์แบบศิลปินสูง และบุคคลิกที่อบอุ่น ดูเหมือนว่าเขาจะมีทุกๆ อย่างพร้อมแล้วกับการเตรียมพร้อมที่จะเป็นดาวเด่น แต่มีข้อเสียตรงที่มีนิสัยค่อนข้างหดหู่ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากแรง กดดันที่กำลังถาโถมเขามาที่เขาก็เป็นไปได้ เขาเองเพิ่งขอยกเลิกสัญญาการทำงานสามเดือน เพื่อขอหยุดพักผ่อนไปเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนรายชื่อที่เหลือก็คือนักร้องชาวอาร์เจนติน่า วัยกลางสี่สิบอีกสองคนคือ Jose Cura, และ Marcelo Alvarez ผู้แสนดี เมื่อปี 1999 Cura ได้เป็นนักร้องเสียงเทเนอร์อันดับสองเพียงคนเดียวต่อจาก Caruso (เมื่อปี 1902) ที่ได้เปิดการแสดงครั้งแรกในงานฉลองกาล่าคืนแรก ของเทศกาล ปัจจุบันนี้เขาได้เพิ่มสาขาการทำงานนอกจากงานในโรงละครโอเปร่า มาทำวีดีโอเพื่อใช้นำวงดนตรี
"Michael Jackson & Pavarotti" หากสิ่งที่ Pavarotti ทิ้งไว้ให้แก่โลกดนตรีก็คือการเตือนว่า สำหรับศตวรรษที่21 แค่เสียงร้องที่งดงามยังไม่เพียงพอ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ “การเข้าใจสื่อ บุคคลิกที่โดดเด่น เสน่ห์ดึงดูดใจ และความสามารถที่พิเศษกว่าผู้อื่น เพื่อให้ผู้ฟังแต่ละคนในโรงละครอันยิ่งใหญ่รู้สึกว่า คุณกำลังร้องเพลงเพื่อเขาคนเดียวเท่านั้น” Pavarotti เสียชีวิตในวัย 71 ปี หลายปีที่ผ่านมา เขาต้องทนกับน้ำหนักของตัวเอง เขามีอาการเจ็บที่ข้อเข่า คอ และหลัง หลังการผ่าตัดปลายปี 2005 เขาแทบไม่สามารถเดินบนเวทีได้เลย ทำให้ผู้อำนวยการสร้าง Farewell Tour ของเขาต้องสร้างม่านบัง ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในคอนเสิร์ต ครั้งก่อนๆ เพื่อไม่ให้ผู้ชมมองเห็นเขาผู้นี้ถูกหามขึ้นเก้าอี้เพื่อให้เขานั่งขับร้อง
"U2 & Pavarotti" แต่หากนั้นก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เขาจากเราไป เพราะเขากลับเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่ตับอ่อน ซึ่งตรวจพบจากการเข้าตรวจสุขภาพใน โรงพยาบาล อัตราการรอดชีวอตจากจากมะเร็งในตับอ่อนนั้นถือว่าต่ำมาก นี้จึงเป็นสาดหตุที่ทำให้ Pavarotti จากเราไป ช่วงปี 1990 Pavarotti เปิดแสดงคอนเสิร์ตในเวทีหลายแห่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน มีผู้กล่าวว่าน้องร้องเสียงเทเนอร์แต่ละคนสามารถทำเงิน ได้มากกว่า 50 ล้านดอลลาร์จากการแสดงคอนเสิร์ต 34 ครั้ง ทั้งค่าตัว ทั้งค่าส่วนแบ่งจากการขายแผ่นเสียงกว่า 100 ล้านแผ่น ของ Pavarotti จึงบอกได้ไม่ยากเลยว่า เหตุใดเขาจึงเป็นศิลปินที่ร่ำรวยที่สุด ในประวัติศาสตร์ดนตรีคลาสสิค มีนักวิจารณ์กล่าวว่า Pavarotti นั้นรุ่งโรจน์สุดขีดในยุค 1960 1970 โดยได้รับคำชมว่า น้ำเสียงของเขานั้นดุจดวงอาทิตย์ที่เคลื่อนพ้นขอบฟ้า สาดส่องรังสีดุจมีพลังทางไฟฟ้าที่สามารถเขย่าอารมณ์ผู้ฟัง คงต้องใช้เวลาอีกหลายทศวรรษเลยที่เดียว กว่ที่จะหาคนอย่างเขาได้อีก อ้างอิง/ขอบคุณ Symphony Magazine
การจากไปของ Pavarotti นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งของวงการเพลง แต่ถึงอย่างไร น้ำเสียง Italian tenor ของเค้า ก็จะยังคงอยู่ในใจ ของผู้ฟังเพลง opera ทั่วโลก โดยเฉพาะแฟนเพลงของเขา ...ตลอดไป และในใจของผู้เขียนก็เช่นกัน
Baby Can I Hold You Tonight, Pavarotti and Tracy Chapman
หลับให้สบายนะ Luciano Pavarotti. ด้วยความชื่นชม และยกย่องในตัวคุณ
by Acousticthai.Net