จำได้ว่า... เจอะคุณกฤต พรรณนา เมื่อประมาณ กว่า 6 ปีก่อนหน้านี้ ในผับชื่อดังแห่งหนึ่ง
กลางซอยทองหล่อ ถนนสุขุมวิทขณะนั้นในนาม "วง พรรณนา" เอกลักษณ์เฉพาะตัวในรูปแบบการเล่นดนตรี
เสียงร้องประสาน ผมคิดว่า "วงพรรณา" เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดี โดยเฉพาะในช่วงกระแสร็อคกำลังมาแรง
คนที่ชอบฟังดนตรีแบบอะคูสติก ไม่มีทางเลือกในการฟังเพลงไทยในแบบฉบับ
อะคูสติกมากนักมีใครคนหนึ่งเคยพูดกับผมว่า "กฤต พรรณนา เป็นคนอะคูสติก!"
เวลานั้น... ผมไม่ค่อยแน่ใจมากนัก แต่ถึงวันนี้ "เห็นด้วยกับคำพูดนี้อย่างสนิทใจแล้ว"เวลาผ่านไปเร็ว...

วันนี้ได้มีโอกาสเจอะคุณกฤตอีกครั้ง ในบรรยากาศที่แตกต่าง หลายสิ่งแตกต่าง หลายสิ่งเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
"แต่ความรัก ความตั้งใจจริง และความฝันของเขา... ยังไม่เปลี่ยน" เรามาทำความรู้จัก "คนดนตรีอะคูสติก" คนนี้กันครับ

Acousticthai: พี่กฤต เริ่มสนใจดนตรีเมื่อไร
กฤต พรรณนา: บ้านพี่เป็นร้านขายของชำอยู่ต่างจังหวัด ในร้านก็จะมีเครื่องดนตรีขายด้วย คุณพ่อชอบดนตรี เราเลยสนใจในเครื่องดนตรี
เริ่มจากเครื่องเป่าก่อน สักระยะหนึ่งก็เริ่มสนใจที่จะเล่นคีย์บอร์ด ตอนนั้นเรียนระดับมัธยม ตั้งวงประจำโรงเรียน

Acousticthai: แล้วพี่เริ่มมาสนใจอะคูสติกกีต้าร์ตั้งแต่เมื่อไร
กฤต พรรณนา: ตอนเรียนมัธยมครับ พอเริ่มได้มีโอกาสจับกีต้าร์ เรารู้สึกว่ามันท้าทายกว่า รู้สึกว่ามันยากกว่า ก็เลยอยากจะลองฝึกเล่น

Acousticthai: ใครแนะนำหรือสอนพี่เล่นอะคูสติกกีต้าร์บ้างไหม
กฤต พรรณนา: ไม่มีครับ พี่ซื้อหนังสือมาฝึกเล่นเอง สมัยนั้นจะมีหนังสือเล่มหนาๆ มีวิธีการเล่น และการจับคอร์ด เราอ่านเยอะและเข้าใจ
ก็ฝึกเล่นเอง ไม่นานก็เล่นได้

Acousticthai: พี่เรียนจบจากที่ไหน เอกดนตรีหรือเปล่า
กฤต พรรณนา: พี่เข้ามาเรียนมัธยมปลายที่กรุงเทพ แล้วก็เข้าเรียนที่มหาวิทธยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนเอกรัฐศาสตร์การทูต

Acousticthai: เริ่มจริงจังช่วงไหนกับการเล่นดนตรี
กฤต พรรณนา: ก็ตั้งแต่ตอนมัธยมปลาย โดยเฉพาะช่วงเรียนในมหาวิทยาลัย
เราเริ่มจริงจังกับอะคูสติกกีต้าร์มากขึ้น พอมีเวลาว่างจากคาบเรียนก็มานั่งเล่นกีต้าร์ทำวงในมหาวิทยาลัยด้วย

Acousticthai: พี่เล่นเพลงแนวไหนในวงมหาวิทยาลัย
กฤต พรรณนา: โฟล์คครับ แต่ก่อนหน้าที่จะเล่นดนตรีโฟร์ค พี่เคยเล่นเพลงร๊อค
70’s มาก่อน Deep People, Black Sabbath อย่างเพลง Rock Button หรือ Paranoid ประมาณนี้เราก็ชอบ
ผ่านสักระยะหนึ่ง เราเริ่มค้นพบตัวเอง ว่าเราชอบที่จะเล่นดนตรีโฟร์ค ชอบอะคูสติกมากกว่า

Acousticthai: อะไรทำให้พี่คิดแบบนั้น
กฤต พรรณนา: เริ่มจากการได้ยินเพลงของ Simon & Garfunkel พอได้ยินเพลงของศิลปินสองท่านนี้ครั้งแรก เรารู้สึกถึงความสวยงามของดนตรี
และเสียงร้องประสานของ Simon & Garfunkel ซึ่งก่อนหน้านี้เราเห็นแต่เพลงที่ตีคอร์ด

พอได้เห็นการ Picking ที่สวยๆ ก็สนใจ อีกแรงบันดาลใจ และประทับใจก็คือพี่ Bird กับพี่ Heart ได้เห็นสัมภาษณ์เข้าในรายการไนท์สปอร์ต
พอได้เห็น ก็รู้สึกชอบแนวเพลงแบบนั้น เห็นสไตล์การเล่นกีต้าร์โปร่งจาก พี่ Heart ก็ยิ่งชอบ

Acousticthai: พี่เริ่มเล่นดนตรีกลางคืนเมื่อไร
กฤต พรรณนา: เล่นตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยปี 2 ก็เริ่มเล่นแบบรับจ้างตามร้านอาหาร

Acousticthai: ชื่อร้านอะไรครับ
กฤต พรรณนา: ร้าน 13 เหรียญ เปิดอยู่ที่โรงแรมทองพูน เข้าไปเล่นกับเพื่อนอีกคนที่เรียนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยกัน
ตอนนั้นพี่จะเล่นกีต้าร์อย่างเดียว ส่วนเพื่อนร้องนำ

Acousticthai: พี่เลือกเพลงแบบไหนไปเล่น
กฤต พรรณนา: เลือกเพลงสากลยุค 70’s ทั้งหมด เน้นเพลงโฟล์คเป็นหลักครับ อย่าง James Taylor, Simon & Garfunkel, Jim Croce

Acousticthai: ออดิชั่นครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้างครับ
กฤต พรรณนา: วันออดิชั่น น้องเจ้าของร้านเป็นนักเรียนนอก เขานั่งฟัง เราเล่นเพลงสากลยุค 70's ทั้งหมด เขารับเราให้เล่นประจำทันที

Acousticthai: ในช่วงเวลานั้น ค่าจ้างสำหรับนักดนตรีกลางคืนดีไหมครับ
กฤต พรรณนา: สำหรับเด็กที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย พี่ว่ามันก็เยอะนะ ได้คนละ 120 บาท ต่อ 45 นาที ซึ่งพี่กับเพื่อนเล่นกัน 3-4 รอบ
เริ่มตั้งแต่ 7.00 น.ถึงเกือบเที่ยงคืน แล้วก็เล่นเกือบทุกๆ คืน รายได้ต่อคืนถือว่าเยอะมากสำหรับเราในตอนนั้น

Acousticthai: ทางบ้านคิดอย่างไรครับ
กฤต พรรณนา: พี่อาจจะโชคดี คุณพ่อไม่ห้าม ไม่กีดกัน เพราะเขาก็ชอบดนตรี
แต่ก็ไม่ได้สนับสนุนเต็มที่ เพราะอยากให้เราเรียนให้จบ เป็นห่วงเรื่องการเรียน

Acousticthai: ตอนนั้นมีผลกระทบต่อการเรียนไหมครับ
กฤต พรรณนา: ตอนแรกๆ ก็มีบ้าง แต่พอช่วงหลังๆ ก็เริ่มมีมาก การเรียนตกลงเยอะ
แต่โชคดีที่ตั้งหลักได้ สุดท้ายก็เลยสามารถที่จะเรียนจบได้

Acousticthai: หลังจากจบจากมหาวิทยาลัยแล้วล่ะครับ
กฤต พรรณนา: ทำงานที่ บ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ทำงานตอนกลางวัน ตกค่ำเล่นดนตรีต่อเนื่องมาตลอดไม่เคยหยุด
ทำงานประจำตอนกลางวัน และเล่นดนตรีกลางคืน ชีวิตเป็นแบบนี้มาตลอด

Acousticthai: ในตอนนั้นนอกจากเล่นที่ 13 เหรียญแล้ว พี่เล่นที่ไหนอีกบ้าง
กฤต พรรณนา: ก็เล่นที่แถวสีลม เป็นคอกเทลเร้า

Acousticthai: ประสบการณ์อะไรที่ได้จากร้าน 13 เหรียญ
กฤต พรรณนา: ได้เจอะลูกค้าดี โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ได้พูดคุยกับแขก เราก็มีโอกาสได้ใช้ภาษา เพราะเราได้เล่นเพลงสากลทั้งหมด

Acousticthai: "กฤต ป๊อป พรรณนา" มาเจอะกันได้อย่างไร
กฤต พรรณนา: ตอนเล่นในร้าน13 เหรียญกับเพื่อน(คุณกลม)
พี่มีโอกาสได้เจอะป๊อป พรรณนาที่นั่น ซึ่งป๊อป พรรณนาก็เล่นอยู่ที่ 13 เหรียญเหมือนกัน
เขาเล่นคู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง

Acousticthai: มาจับคู่กันได้อย่างไร
กฤต พรรณนา: ตอนนี้คู่ของป๊อปเขาออกไปทำงานประจำ ส่วนเพื่อนพี่ก็ออกไป
ทำงานประจำ เราจึงมีโอกาสได้คุยกันเรื่องทำวง เลยได้ร่วมงาน ได้เล่นคู่กัน

Acousticthai: แล้วเล่นที่เดิมหรือปล่า
กฤต พรรณนา: เปล่าครับ พอเราจับคู่กันได้แล้ว ก็พากันไปเล่นที่ 13 เหรียญ
สาขาลาดพร้าวซอย 81 แล้วก็มีซอยอารีย์ และก็มีเล่นแถวถนนสุขุมวิท

Acousticthai: ทำไมพี่ตุ่น พนเทพ ต้องเลือก กฤตป๊อป ให้เป็น พรรณนา
กฤต พรรณนา: คงเพราะว่าเขาเห็นพี่เล่นเพลงของวง America (หัวเราะ)
คือพี่ตุ้นพนเทพ ได้วาง Concept ไว้แบบนั้น ซึ่งพี่กับป๊อปก็ชอบเล่นเพลงของ
วง America พี่ตุ่นได้ฟังแล้วชอบ ชอบสไตล์ที่เราเล่น

Acousticthai: แสดงว่าพี่ตุ่น พนเทพ ต้องชอบเพลงวง America มาก
กฤต พรรณนา: ใช่ครับ ตอนนั้นเขาเจอะพี่กับป๊อป เขาบอกขออีกหนึ่งคน
เพราะอยากได้สามคนเพื่อทำประสานเสียงแบบ America แบบ Cosby Still& Nash

Acousticthai: เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
กฤต พรรณนา: พี่ตุ้นทิ้งเบอร์ไว้ หลังจากนั้นพี่กับป๊อปก็เข้าไปหาเขา เขามีเพลงให้เราหนึ่งเพลง ขื่อเพลง "พรรณนา" บอกให้เรา
ไปเรียบเรียงมา ใส่อะคูสติกกีต้าร์ ใส่ร้องประสานมา เดิมคิดว่าจะทำสองคนกับป๊อป แต่พี่ตุ่นอยากได้สามคน ทำให้งานยิ่งยากขึ้น
เพราะต้องแบ่งไลด์เป็นสาม เราก็มาแบ่งกัน คิดไลด์ของแต่ละคน นัดซ้อมกันหนักเพื่อจะกลับไปหาพี่ตุ่น พนเทพ อีกครั้ง

Acousticthai: ตอนได้เพลงนั้นมา คิดหรือเปล่าว่าจะต้องร้องต้องเล่นในแบบวง America, CSN
กฤต พรรณนา: ไม่นะ แม้ concept อาจจะมาประมาณนั้น แต่พี่และเพื่อน เราไม่ได้คุยกันในแบบนั้น เราร้องและเล่นในแบบที่เรา
รู้สึกต้องการเล่น แต่ยอมรับว่าหลังจากอัลบั้มแรกจะมีบ้าง คือพอเราได้ฟังเพลงของ America, CSN
เราชอบไลด์แบบนั้น ประสานแบบนั้น เราก็มาปรับใช้

Acousticthai: พี่ตุ่น พนเทพให้เวลามากไหม
กฤต พรรณนา: เรามีเวลาไม่มากนัก ประมาณ 1 สัปดาห์เรากลับไปร้องเล่นให้พี่เขาฟัง

Acousticthai: ผลเป็นอย่างไรบ้าง
กฤต พรรณนา: พี่เขาตอบตกลง สรุปเราได้ทำ ซึ่งก็มีแก้ไขบ้าง เช่นท่อนนี้น่าจะเพิ่มตรงนี้ หรือลดตรงนั้น เพื่อให้ลงตัวมากที่สุด

Acousticthai: ตอนนั้นโปรโมทอย่างไร
กฤต พรรณนา: มีทีมโปรโมทให้เรา มีส่ง CD เข้าไปในรายการวิทยุ ลงข่าวทางหนังสือพิมพ์
Acousticthai: ใครตั้งชื่อวง "พรรณนา"
กฤต พรรณนา: เราคุยกัน พี่ตุ่นบอกว่าชื่อเพลงแรกคือ "พรรณนา" ถ้านำมาเป็นชื่อวง
ก็ดีนะ พรรณนา...ก็เหมือนว่า เป็นการเล่นเรื่องให้เห็นภาพผ่านดนตรี พรรณนาคือการ
เล่าเรื่องผ่านเสียงเพลง ความหมายก็น่าจะดี เราก็ตกลงเห็นตรงกัน
Acousticthai: ในห้องอัด "พรรณนา" มีวงมาเล่น Backup ให้ไหม
กฤต พรรณนา:ไม่ครับ เราเล่นเองทั้งหมดในห้องอัด และเรียบเรียงเสียงประสานเอง

Acousticthai: เนื้อเพลงล่ะ
กฤต พรรณนา: ในอัลบั้มแรก เนื้อเพลงทาง Producer จะเตรียมไว้หมดแล้ว เราเพียงเรียบเรียง เสียงประสาน
ใส่ดนตรีเอง ใส่อะคูสติกกีต้าร์เข้าไป

Acousticthai: ตอนนั้นสังกัดค่ายอะไร
กฤต พรรณนา: สังกัด “โอมายก๊อด” มีพี่ปั่น พี่มัส พี่ปุ ที่เคยเป็นศิลปินที่นั้น

Acousticthai: หลังจากอัลบั้มแรก งานอัลบั้มสองเป็นอย่างไร
กฤต พรรณนา: อัลบั้มสองพี่ได้เขียนเพลงบ้าง อย่างเพลง “กอดเขานั่งมองทะเล”
เราทำงานกันจนเกือบสมบูรณ์หมดแต่ทางโอมายกอตมีปัญหาบางอย่าง จึงต้องปิดตัวลงในช่วงนั้น เราพยายามที่จะเดินหน้าต่อไป
ช่วงนั้นงานทั้งหมดค้างอยู่ รอเข้าค่ายใหม่

Acousticthai: แล้วหาทางออกกันอย่างไร
กฤต พรรณนา: พี่ตุ่น พนเทพก็พยายามช่วยเต็มที่ ก็ระยะหนึ่ง กระทั่งเรามาเจอพี่ฉ่าย
สังกัดจีราฟ เรคคอร์ด สังกัดเดียวกับ Taxi ซึ่งมาแรกมาก และช่วงนั้นอะคูสติกจะขายไม่ได้มาก
กระแสเพลง Rock, Modern Rock มากำลังมาแรงมาก แต่ก็ได้โอกาสจากพี่ฉ่าย

Acousticthai: มาพบพี่ฉ่าย จีราฟเรคคอร์ดได้อย่างไร
กฤต พรรณนา: พี่ตุ่นช่วยเอาเพลงที่ได้ทำไว้ในอัลบั้มสองไปวางไว้ตามค่ายต่างๆ
เผื่อว่าใครจะสนใจ พี่ฉ่ายมีโอกาสได้ฟังก็สนใจ จึงได้มีโอกาสคุยกัน

Acousticthai: เข้ามาอยู่จีราฟ เรคคอร์ด มีอิสระมากไหมในการทำงาน
กฤต พรรณนา: ได้อิสระมาก มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเพลงบางส่วนที่ยังไม่ลงตัวพอ แต่เรื่องดนตรีเราได้อิสระมาก
เรียบเรียงเสียงประสานเอง เล่นดนตรีเอง ใส่อะคูสติกกีต้ารเอง ก็ประทับใจกับที่นี่และทีมที่ช่วยทำ และปรับเนื้อเพลง เขาก็มืออาชีพ

Acousticthai: ตอนนั้นผลตอบรับเป็นอย่างไร
กฤต พรรณนา: ก็ไม่เรียกว่าประสบความสำเร็จมาก มีแฟนเพลงกลุ่มหนึ่งที่เขาฟังแล้วชอบ

Acousticthai: ตอนนั้นแนวดนตรีของ “วงพรรณนา” เป็นอย่างไร
กฤต พรรณนา: เราเน้นดนตรีแบบอะคูสติก ในแบบคันทรี่ร็อค ที่เป็นทรีโอ เราเน้นอะคูสติกกีต้าร์ และการประสานเสียง

Acousticthai: มี MV ไหมครับ
กฤต พรรณนา: ช่วงนั้นมีทั้ง MV และงานโชว์ตัวตามรายการต่างๆ ทางทีวี เราได้ออกสื่อมากขึ้น เพื่อช่วยโปรโมทอัลบั้ม

Acousticthai: ชีวิตช่วงนั้น เป็นอย่างไร
กฤต พรรณนา: เหนื่อยมากทีเดียว เพราะตอนนั้นพี่ยังทำงานประจำกลางวันเหมือนเดิม เล่นดนตรีกลางคืนเหมือนเดิม
ตอนนั้นเล่นอยู่ที่ Time Bottle แล้วก็ต้องมีเวลาให้กับงานอัลบั้ม ทำงานหนักครับ แต่ก็สนุกนะ เพราะเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก

Acousticthai: อัลบั้มชุด 3 เป็นอย่างไร
กฤต พรรณนา: พี่ฉ่ายไปนั่งฟังเพลงใน Pub แล้วได้เห็นวงดนตรีอะคูสติกวงหนึ่งเล่นเพลงวง NUVO
ก็เกิดไอเดียว่าอยากทำเพลง NUVO ในแบบอะคูสติก
พี่ฉ่ายก็เลยโทรมาหา พูดคุยถึง concept เลยได้มีโอกาสทำอัลบั้มชุดสาม

Acousticthai: ชื่ออัลบั้มอะไรครับ
กฤต พรรณนา: “SING NUVO” งานเพลงชุดนี้เราเอาเพลงของพี่ๆ วง NUVO มาเล่น
มีการเรียบเรียงทำนอง วิธีการร้อง เรียบเรียงเสียงประสาน ใส่อะคูสติกกีต้าร์
คือเราใส่ความเป็น “พรรณนา” ลงไป

Acousticthai: พี่มีโอกาสทำงานเบื้องหลังบ้างไหม
กฤต พรรณนา: เคยเรียบเรียง มีโอกาสอัดไลด์อะคูสติกกีต้าร์ให้กับพี่ปั่น พี่ศรัณยา
พั้นซ์ แล้วก็ลานนา คัมมินส์ ตอนนั้นเขียนเพลง “แมงปอหลงลม” ให้กับลานนา คัมมินส์
เพลงไว้ใจได้ก๋า พี่ได้มีโอกาสอัดอะคูสติกกีตาร์ลงในเพลงนี้

Acousticthai: พี่กฤต ไปอเมริกาเพื่อเล่นดนตรีมาหลายปี
กฤต พรรณนา: ใช่ครับ ไปที่ฟอริดาครับ

Acousticthai: ทำไมตัดสินใจไปที่นั่น
กฤต พรรณนา: ตอนนั้นพี่ทำงานบริษัท Broker ทำอยู่นานพอสมควร ถึงจุดหนึ่ง
ก็เกิดอารมณ์เบื่อ บวกกับมีปัญหาส่วนตัวบางอย่าง ก็เลยตัดสินใจไปอเมริกา
และใจก็อยากจะไปลองหาประสบการณ์ดนตรีที่ต่างประเทศด้วย

Acousticthai: ช่วงนั้น พี่ยังเล่นดนตรีอยู่ไหม
กฤต พรรณนา: พี่เล่นดนตรีมาตลอด ไม่เคยหยุดเล่น ทำงานเบื้องหลังบ้าง
และยังทำงานประจำอยู่ในบริษัท Broker

Acousticthai: พี่เริ่มต้นใช้ชีวิตอย่างไรที่ฟอริดา
กฤต พรรณนา: พี่มีญาติอยู่ที่นั่น เดิมทีความตั้งใจคือจะลองหาประสบการณ์
สัก 4-6 เดือน แต่พอได้ทำแล้วมันสนุก ก็กลายเป็นว่า อยู่นานถึง 4 ปี!

Acousticthai: พี่ใช้เวลาตัดสินใจ หรือคิดนานไหม ว่าจะไปที่นั่น
กฤต พรรณนา: ไม่นานครับ พี่คิดว่าพี่น่าจะสามารถหางานได้ อาจจะเรียกได้ว่า
มีความเชื่อมั่นในตัวเอง เรามั่นใจ เราคิดว่าเราสามารถทำได้ ก็ตัดสินใจไปเลย

Acousticthai: งาน… หมายถึงงานดนตรีนะ?
กฤต พรรณนา: ใช่ครับ หมายถึงงาน… เล่นดนตรีตามร้านอาหาร คือเดิมทีจะไปหาเล่นดนตรีที่ LA
เพื่อนคนหนึ่งคุยให้ฟังว่า LA มีร้านอาหารเยอะ งานเล่นดนตรีน่าจะหาได้ไม่ยาก
ถ้ามีความสามารถ เราก็มั่นใจว่าเราจะสามารถทำได้ แต่ถึงฟอริดาแผนมันเปลี่ยน

Acousticthai: ช่วงแรกที่ฟอริดา เจอะปัญหาอะไรบ้าง
กฤต พรรณนา: พี่อยู่กับญาติ อยู่ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ก็รู้สึกเกรงใจเขา แล้วสัปดาห์แรก
ไม่ได้ออกไปไหนเลย เมืองที่พี่อยู่ชื่อ “Orlando” เรียกได้ว่าเป็นแถบชานเมือง ในย่านนั้นไม่มีรถไฟฟ้า
ส่วนรถเมล์ก็นานๆ จะมาสักคัน เราก็พยายามมองหาทางออก

Acousticthai: พี่แก้ไขปัญหาอย่างไร
กฤต พรรณนา: ตัดสินใจโทรหา TAXI! ผ่าน Call Center ตั้งใจว่าจะหาเช่าห้อง
ตามโรงแรม โชคดีโทรไปใน Call Center แล้วได้คุยกับฝรั่งคนหนึ่ง บอกเขาว่า
เราเป็นคนไทย พอเขารู้ว่าเราเป็นคนไทย เขาก็เลยบอกว่า มีเพื่อนที่เป็นคนไทย
ทำงานที่นี่พอดี ก็เลยโอนสายมาให้พี่คุยด้วย

Acousticthai: หมายถึง ผู้ชายคนนั้น มีอาชีพขับTAXIในเมืองนั้น
กฤต พรรณนา: ใช่ครับ

Acousticthai: พี่คุยอะไรกับเขา
กฤต พรรณนา: ก็ถามเขาว่า ถ้าจะหาโรงแรมพอแนะนำได้ไหม ผมเป็นคนไทย!
พี่เขาก็ใจดี คุยไปคุยมาพี่เขาก็เลยชวนไปอยู่บ้านเขา เดี๋ยวแบ่งห้องให้เช่า
พอดีว่าพี่เขาซื้อบ้านอยู่ที่ฟอริดากับครอบครัว สุดท้ายก็ย้ายไปแบ่งเช่าห้องเขา

Acousticthai: อยู่นานไหมครับ
กฤต พรรณนา: ตอนแรกคาดว่า จะอยู่สักสองสามวันแล้วจะบินไป LA ตั้งใจไปเล่นดนตรีที่นั่น
พี่ TAXI คนที่ว่าเนี่ย เห็นว่าเราแล่นดนตรีได้ เขาเองก็ชอบฟังดนตรี พอรู้ว่าเรากำลังหางานเล่นดนตรี
ก็เลยแนะนำให้ไปลองสมัครงาน ที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งในย่านนั้น ก็ตัดสินใจไปลองสมัครดู ก็ได้เล่นที่นั่น

Acousticthai: งั้นคงมีโอกาสได้เจอะคนไทยเยอะ
กฤต พรรณนา: เปล่าเลย ร้านอาหารไทยที่ “Orlando” แตกต่างกับแอลเอนะ ฟอริดาในย่าน “Orlando” แทบไม่มีคนไทย
จะมีแต่แขกต่างชาติเยอะ

Acousticthai: ออดิชั่นร้านแรก แล้วได้งานทันที
กฤต พรรณนา: ใช่ครับ คนไทยซึ่งเป็นเจ้าของร้านเห็นเราเล่นแล้วก็ชอบ ก็เลยตัดสินใจให้เล่นที่ร้านเลย

Acousticthai: ค่าแรงเป็นอย่างไร
กฤต พรรณนา: ครั้งแรกเลยได้ 15 เหรียญ เล่นยาวมากๆ ตั้งแต่ช่วงเที่ยงถึงเย็น
เวลาในการเล่นดนตรีที่นั่นจะแตกต่างกับเมืองไทย เริ่มเล่นตั้งแต่เที่ยงๆ ไปเรื่อยๆ แต่จะมีเบรคเป็นระยะๆ

Acousticthai: แล้วพี่อยู่ไหวหรอ กับค่าครองชีพที่นั่น
กฤต พรรณนา: พี่โชคดีมาก เพราะร้านอาหารไทยที่เราเล่น เป็นร้านที่มีแต่ลูกค้าที่มีเงิน
คือเกรดค่อนข้างดี อย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ราคาจานละประมาณ 800 บาท
ที่พิเศษคือ เวลาที่เราเล่น จะมีกล่อง TIP วางอยู่ด้านหน้า วันๆ หนึ่งได้ TIP มากว่าค่าตัวหลายเท่า
ธรรมเนียมปฎิบัติของที่นั่น จะต้อง TIP นักดนตรี ถ้าเล่นได้ถูกใจผู้ฟังชอบ TIP ก็ยิ่งเยอะ

Acousticthai: วันหนึ่งได้ TIP ประมาณเท่าไร
กฤต พรรณนา: ราวๆ สัก 100-200 เหรียญ

Acousticthai: พี่เลือกเล่นเพลงแบบไหน เพื่อให้ถูกใจคนที่นั่น
กฤต พรรณนา: พี่เล่นเพลงเบาๆ ผมคิดว่าแนวเพลง และเพลงในยุค 70’s ที่เบาๆ
เพราะๆ มีเยอะ และน่าจะถูกใจเขา เพราะว่านักดนตรีคนอื่นๆ ในแทบนั้น จะเล่นแต่เพลงหนักๆ กันหมด เราฟังเองยังรู้สึกว่า
เขาเล่นเพลงกันหนักนะ พี่เลือกเพลงอย่าง Jim Croce, America, Billy Joe, The Beatles, John Denver, James Taylor
เลือกเพลงเบาๆ มาเล่น cover เองก็เยอะ ซึ่งที่นั่นไม่นิยมเล่น แต่เราชอบเล่น พอเราเล่นเพลงแบบนี้ ก็กลายเป็นเอกลักษณ์ของเรา
ซึ่งบังเอิญว่าคนฟังชอบ อีกอย่างหนึ่ง คนที่มาฟังมักจะเป็นวัยผู้ใหญ่ สูงอายุ เขาคงชอบฟังเพลงเบาๆ มากกว่า

Acousticthai: พี่เล่นหลายร้านไหม
กฤต พรรณนา: ช่วงแรกๆ เล่นอยู่ร้านอาหารไทยร้านเดียว พอมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนนักดนตรี
ที่เป็นฝรั่ง ก็ชวนกัน มีแจมกัน มีแนะนำสถานที่เพื่อออดิชั่น ไม่นานก็ได้งานทั้งร้านอาหารเม็กซิกัน
ร้านอาหารญี่ปุ่นก็มี และก็ร้านอีกหลายๆ แบบ

Acousticthai: วิธีการออดิชั่นที่นั่น แตกต่างจากเมืองไทยไหม
กฤต พรรณนา: แตกต่างครับ เราอาจจะไม่เรียกว่าการออดิชั่น คือที่นั่นจะไม่ให้ขึ้นไปเล่นบนเวที หรือนัดเวลาเพื่อมาเล่นให้ดูบนเวที
แต่จะให้เราอัดเสียงลงซีดี แล้วส่งเข้ามา เขาฟังจากตรงนั้น

Acousticthai: ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง ในช่วงเวลานั้น
กฤต พรรณนา: เล่นดนตรีเยอะครับ นอกจากเล่นดนตรีก็จะเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ไม่คิดว่าที่นั่นจะมีที่เที่ยวเยอะ พอมีเวลาพี่มักจะท่องเที่ยว
เราชอบไปในสถานที่ต่างๆ มีโอกาสได้เที่ยวเยอะมาก อยู่แล้วสนุกก็อยากอยู่ต่อ เลยคิดว่าจะต้องเปลี่ยนสถานะภาพวีซ่า ให้เป็นวีซ่านักศึกษา
เพื่อจะได้อยู่นานๆ จากความตั้งใจแรกว่าจะไปไม่นาน กลายมาเป็น 4 ปีที่อเมริกา

Acousticthai: แล้วพี่ทำไงกับปัญหาของการอยู่อาศัยในต่างแดน
กฤต พรรณนา: พีลงเรียนภาษาเพื่อสภาพเราจะได้เป็นนักศึกษา พอเปลี่ยนวีซ่าให้เป็นนักเรียนได้ ก็อยู่ได้เรื่อยๆ
แต่ไม่ได้ไปเรียนภาษาเลยนะ เล่นแต่ดนตรีอย่างเดียว แต่ก็มีอยู่ช่วงหนึ่ง เรารู้สึกว่าสียดายเงินที่ต้องจ่ายให้กับการลงเรียนภาษา
ก็เลยไป ลงเรียนกีต้าร์คลาสิคแทน เพื่อให้ได้ประโยชน์ครับ เพราะว่าค่าเรียนที่นั่นแพงมากๆ

Acousticthai: เข้าใจว่า ถ้าทำงานต้องมี work permit เวลาพี่รับเงินค่าแรงในฐานะ คนทำงาน มีปัญหาไหม เพราะพี่เป็นนักเรียน
กฤต พรรณนา: ใช่ครับ ถ้าไปทำงานต้องมี work permit, เวลารับเงินค่าแรงจะมีปัญหาเฉพาะร้านฝรั่ง
ถ้าเป็นร้านอาหารแทบเอเชีย เช่นร้านอาหารญี่ปุ่น เขาจะอนุโลม
แต่ถ้าร้านฝรั่ง พี่จะให้เพื่อนฝรั่งเซ็นรับแทน เพราะถ้าทำงานต้องมี work permit แต่วีซ่าเราสถานะเป็นนักเรียน

Acousticthai: ที่นั่นเล่นจบ จ่ายค่าแรงเลยไหมครับ
กฤต พรรณนา: ใช่ครับ เขาจ่ายเลย ร้านฝรั่งเขาจ่ายเช็ค แล้วก็มีหักภาษี

Acousticthai: ตอนนั้นพี่ยังอยู่บ้านพักกับพี่ TAXI คนนั้นไหม
กฤต พรรณนา: เปล่าครับ พอได้วีซ่านักเรียน แล้วเราเริ่มมีรายได้มากพอ ก็มาเช่า
ทำสัญญาอยู่ Apartment คนต่างชาติเข้าไปที่นั่นต้องทำสัญญาเช่าห้องพัก ขั้นต่ำ
คือต้องอยู่ 1 ปีขึ้น

Acousticthai: ค่าเช่าแพงไหมครับ
กฤต พรรณนา: ประมาณ 700 เหรียญต่อเดือน

Acousticthai: รายรับรายจ่าย หักลบแล้ว เป็นอย่างไร
กฤต พรรณนา: ค่าเช่าห้องพักไม่เท่าไรนะ แต่ค่าเรียนแพงมากๆ ประมาณ 2,000-3,000 เหรียญ
แต่หักลบแล้วก็เหลือสักสองสามพันเหรียญ แต่ว่าพี่เล่นเยอะนะ ต้องทำงานหนัก ทำเกือบทุกๆวัน
เหนื่อยเหมือนกัน แต่เราก็สนุกกับงานดนตรีที่เรารัก

Acousticthai: ใครอยากไปหาเล่นดนตรีที่นั้น ก็น่าสนใจสิครับ
กฤต พรรณนา: ก็ดีนะ แต่ต้องเตรียมพร้อม ต้องเล่นเพลงสากลทั้งหมด เกี่ยวข้องกับภาษาด้วย ถ้าพร้อมและมั่นใจลองได้

Acousticthai: ได้ประสบการณ์อะไรจากการเล่นดนตรีที่นั้น
กฤต พรรณนา: ส่วนใหญ่พี่เล่นคนเดียว แต่ก็มีเพื่อนฝรั่งมาแจมบ้าง ก็ได้เล่นแบบบูลส์บ้าง อยู่ที่นั่นเราได้เล่นอะไรที่เราอยากเล่น
ได้เล่นเพลงที่เราชอบ

Acousticthai: กลับมาถึงเมืองไทยนานยังครับ แล้วตอนนี้อยากทำอะไร มีแผนหรือยัง
กฤต พรรณนา: เพิ่งกลับมาไม่ถึงเดือน พี่อยู่ที่นั้นได้เขียนเพลง ทำงานดนตรีของตัวเองเก็บไว้ ทำสไตล์อะคูสติกเนี่ยล่ะ ทำไว้เรียบร้อยแล้ว
ถ้ามีโอกาส “อยากจะทำอะไรที่เกี่ยวกับดนตรีอะคูสติก” ตอนนี้ก็กำลังมองหาโอกาสอยู่ ดูว่าจะมีอะไรให้เราพอทำได้บ้าง จะเบื้องหน้า
หรือจะเบื้องหลัง ก็เป็นโอกาสที่ดี ทั้งนั้น

Acousticthai: งานเบื้องหลังในความตั้งใจของพี่คืออะไร
กฤต พรรณนา: เช่น อาจจะเขียนเพลง ทำดนตรีให้นักร้องหญิงสักคน ในแบบอะคูสติก
แบบนี้ก็อยากทำครับ แต่สำคัญเรื่องจังหวะและโอกาส ว่าจะได้ทำอย่างที่ตั้งใจไหม

Acousticthai: ทำไมพี่อยากทำดนตรีอะคูสติก
กฤต พรรณนา: พี่ว่าดนตรีอะคูสติก หรือเพลงในแบบอะคูสติกมีให้ฟัง และมีให้เลือก
ไม่มากนักนะ และดนตรีอะคูสติกคือสิ่งที่เราชอบ เรารัก เราโตขึ้นมากับดนตรีแบบนี้
จึงอยากทำดนตรีอะคูสติก อยากอยู่กับมัน อยากถ่ายทอดมันออกมา 

Acousticthai: พี่ได้เล่นเพลงของศิลปินใหม่ๆ บ้างไหม
กฤต พรรณนา: มีครับ เล่นเพลงของ John Mayer, Jack Johnson, James Blunt หรืออย่าง Jason Mraz ก็ชอบ

Acousticthai: อยากพูดถึงศิลปินใหม่ๆ คนไหน เป็นพิเศษไหม
กฤต พรรณนา: อย่าง John Mayer เนี่ยเก่งมาก เขาเล่นกีต้าร์ดีมาก แต่งเพลง
และทำดนตรีเอง เรียกว่าเป็นนักร้อง ที่เป็นมือกีต้าร์ด้วย คนไหนยังไม่เคยฟัง อยากแนะนำให้ฟัง

Acousticthai: ยุค Seventy (70's) ให้อะไรกับพี่
กฤต พรรณนา: ถ้าไม่มีดนตรีดีๆ เพลงดีๆ ศิลปินเก่งๆ ในยุค 70’s อาจจะไม่มีเรา
แบบเช่นในวันนี้ คือดนตรีในยุค 70’s เป็นแรงบันดาลใจให้เราได้พยายามฝึกฝนการเล่น
กีต้าร์ เมื่อได้ฟังเพลงอย่าง Simon & Garfunkel, America, CSN, The Eagles
สิ่งเหล่านี้ทำให้เรารักดนตรี และเมื่อได้เล่นดนตรี ได้ทำงานเกี่ยวกับดนตรี สุดท้ายเราก็รักอาชีพนักดนตรี

Acousticthai: ถ้าจะให้คำแนะนำน้องๆ ที่อยากจะเล่นดนตรี พี่จะแนะนำอะไรกับเขา
กฤต พรรณนา: ตอนดนตรีก็มีหลากหลายแนว ก็เป็นไปตามกระแส แต่อย่างหนึ่งคือ เราต้องพยามค้นหาตัวเองให้เจอ ไม่ตามกระแส
ค้นหาตัวเองว่าเรารักดนตรีอะไร เราชอบดนตรีแบบไหน แล้วก็มุ่งมั่น และตั้งใจจริง 

Acousticthai: พี่ใช้กีต้าร์อะไรบ้างครับ
กฤต พรรณนา: ใช้ทั้งอะคูสติกกีต้าร์ และกีต้าร์ไฟฟ้า ใช้ Martin, Taylor, Larrivee, Fender Stratocaster ปกติจะไม่ค่อยได้เล่นกีต้าร์ไฟฟ้า
มากนัก จะใช้ตอนอัดเสียง ส่วนใหญ่ใช้งานจริงๆ ก็จะเป็นอะคูสติกกีต้าร์

Acousticthai: สุดท้ายฝากอะไรถึงผู้อ่านที่กำลังมุ่งมั่นทางด้านดนตรี หน่อยครับ
กฤต พรรณนา: พี่ว่าถ้าเราตั้งใจจริงที่จะทำอะไร มันน่าจะทำได้นะ ถ้าไม่ท้อสะก่อน ทุกๆ อย่างต้องลองทำ
ตั้งใจทำจริง มีความฝัน และรักในสิ่งที่เราทำ เชื่อว่าทุกๆ คนทำได้ครับ

เพลง “นกบนฟ้า” ผลงานหนึ่งในหลายๆ เพลง ที่อยู่ใน “อัลบั้ม พรรณนา”

"Why Georgia"
Original by John Mayer "Room for Squares" 2001