ผลงานเพลง ที่ผสมผสาน ผ่านดนตรีหลากหลายสไตล์
วิธีการร้องและเล่น... อันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ที่สุดของ Jason Mraz
การผสมผสานดนตรีหลากหลายไสตล์ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ทีทำให้ผู้คนมากมายทั่วโลก ต่างสนใจในผลงานเพลงของเขา
Jason Mraz ได้นำดนตรีในแบบ Reggae, Pop, Rock, Folk, Jazz, Bossa Nova และ Hip hop มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว!
ไม่มีใครจะปฏิเสธว่า "Jason Mraz" เป็นศิลปินคนหนึ่ง ที่สามารถดังเกาะกระแสข้าม (หลาย) ปี อย่างยาวนาน
จนถึงปี 2011 นี้ ก็ยังมีคนชอบฟังเพลงของเขาอยู่! เพราะอะไร...
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ "Jason Mraz" ดังเป็นพลุแตก ไปพร้อมๆ กับเพลงของเขา มาจากสไตล์เพลง ซึ่งดูจะแตกต่างจากแนวเพลงอื่นๆ
ที่อยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน รวมถึงลีลาการร้อง และการแสดงบนเวทีของ Jason Mraz ก็มีส่วนอยู่มากทีเดียว สำหรับบนเวทีแล้ว...
Jason Mraz ถือเป็น Entertainer คนหนึ่ง ที่ทำให้การแสดงของเขาดูน่าสนใจ ผู้ชมล้วนมีความสุขไปกับโชว์ของ Jason Marz
หากจะหยิบเพลงหนึ่งเพลงใดมาพูด คงไม่สามารถปฏิเสธว่า เพลง I'm Yours ดังเป็นพลุแตกจริงๆ โดยเฉพาะในบ้านเรา
อีกทั้งบทเพลง "I'm Your" ช่วยทำให้วงการดนตรีอะคูสติกกลับมาครึกคักไปทั่วโลกอีกครั้ง สำหรับผู้เขียนแล้ว...
I'm Yours ถือเป็นเสมือน "เพลงประจำชาติ" ของ Jason Mraz เลยทีเดียว! แต่ใช่ว่าจะมีแต่ I'm Yours ที่เป็นเพลงชั้นยอด
ยังมีอีกหลายเพลงในแทบทุกๆอัลบั้ม ที่มีความไพเราะ และน่าสนใจเป็นอย่างมาก เรามารู้จักกับผู้ชายคนนี้...
"Jason Mraz" ยอดอัจฉริยะแห่งดนตรียุคใหม่!
Jason Mraz เกิดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 1977 ในอเมริกา เมืองแมคคานิกส์วิลล์ (Mechanicsville)
ในรัฐเวอร์จิเนีย (Virginia) ชีวิตของ Jason Mraz ไม่ค่อยสู่ดีนักในวัยเด็ก เหตุจากพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เขามีอายุเพียง 4 ขวบ!
Jason Mraz เข้าเรียนในโรงเรียน Lee Divs High school ในช่วงจังหวะนี้เอง เขาได้เข้าร่วมกับคณะประสานเสียง และละครเวทีใน
Lee Divs School ด้วยพรสววรค์ทางด้านการร้องเพลง ตอนที่เขามีอายุประมาณ 13 ขวบ เขามีโอกาสเข้าไปร่วมร้องเพลงกับวง R&B
ซึ่งเป็นการร่วมตัวกันของเด็กวัยรุ่น ในวัยใกล้เคียงกัน เป็นวงดนตรีท้องถิ่น ชื่อวง Dressed To Kill และตรงนี้เองที่ทำให้เขาเริ่มค้นพบ
สิ่งที่เขารัก และอยากทำมันแบบจริงๆ จังๆ
เขามุ่งหน้าเข้าเรียนในนิวยอร์ก(New York) ในระดับการอุดมศึกษา สาขา Musical Theatre
โดยเริ่มหัดเล่นกีต้าร์แบบจริงๆ จังๆ ด้วยความมุ่งมั่นตามความฝันของตนเอง ที่ต้องการเป็นนักแต่งเพลง นักร้อง และเล่นดนตรีอาชีพ
หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม ในปี 1995, Jason Mraz เข้าร่วมกับวง American Academy ในนครนิวยอร์ก
เป็นเวลาสั้น ๆ ในการฝึกฝนทักษะทางด้านดนตรี, ไม่นานนักก็หยุดตัวเองเพื่อมุ่งมั่นกับการเล่นกีต้าร์ และการแต่งเพลง
ต่อมา Jason Mraz ได้ย้ายไปยัง San Diego, California เพื่อตามความฝันของตนเอง อีกครั้ง...
Jason Mraz มีโอกาสร้องเพลงใน Pub แห่งหนึ่ง ชื่อ Java Joe’s ด้วยการแสดงบนเวทีและท่วงทำนองเพลงที่สนุก มีแบบฉบับของตัวเอง
จากคนดูไม่กี่คน ก็กลายเป็นคนดูเต็มร้านภายในระยะเวลาไม่สัปดาห์
ที่นี่... Jason Marz ได้พบกับนักร้อง นัก Percussion ชื่อ "โทค่า" (Noel “Toca” Rivera)
ทั้งคู่ร่วมกันทำวงและเล่นคู่กัน Mraz และ Toca จึงมีโอกาสไปเล่นตามพับอื่นๆ ในย่านแอลเอ(L.A)
นอก Toca จากจะเล่น Percussion ได้ดีแล้ว เขายังมีความสามารถในการร้องเสียงประสานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย
ทั้งสองคนมุ่งมั่น และจริงจังกับการทำเพลงมากขึ้น โดยมองไปถึงขั้นการทำอัลบั้มร่วมกัน
ระหว่างนั้น Marz และ Toca ได้ทำเดโมอัลบั้มชื่อ "Live at Java Joe's"
มีเพลงเด็ดๆ อย่าง You and I Both, 1000 Things ซึ่งได้มีโอกาสเปิดผ่านรายการวิทยุใน San Diego ด้วย
หลังจากโชว์ของเขาทั้งคู่โด่งดังไปชนิดปากต่อปาก ไม่นานนัก... ก็มีแมวมองจากสังกัดค่าย "Elektra Records"
ซึ่งได้มีโอกาสมาฟังการแสดงของเขาทั้งคู่ หลังการแสดงในคืนหนึ่งจบลง ทั้งสองถูก Elektra Rocord จับมาร่วมเซ็นสัญญาเพื่อออกอัลบั้ม
ในปี 2002 "Waiting for My Rocket to Come" อัลบั้มแรกของ Jason Mraz ภายใต้สังกัด Elextra Rocords โดยได้ John Alagia
โปรดิวเซอร์มือดีที่เคยทำงานอัลบั้มอันโด่งดังให้กับ "Dave Matthews Band" และ "John Mayer" มาก่อนหน้านี้ มาช่วยดูแลอัลบั้มให้
ตัวอย่างเพลงในอัลบั้ม "Waiting for My Rocket to Come"
You and I Both
อัลบั้ม "Waiting for My Rocket to Come"
1. You And I Both
2. I'll Do Anything
3. The Remedy (I Won't Worry)
4. Who Needs Shelter
5. Curbside Prophet
6. Sleep All Day
7. Too Much Food
8. Absolutely Zero
9. On Love, In Sadness
10. No Stopping Us
11. The Boy's Gone
12. Tonight, Not Again
อัลบั้ม "Waiting for My Rocket to Come" ถูกวางจำหน่ายในปลายปี 2002
แนวเพลงไปทาง Pop Rock และ Alternative Rock โดยใส่ซาวนด์อะคูสติกลงไปด้วย
ทำให้มีกลิ่น Folkmusic ฟังดูมีเสน่ห์ และแตกต่างจากเพลงอื่นๆ ในช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะตลาดเพลงอเมริกันทั่วไป
Jason Mraz มีโอกาสที่จะได้ลงมือเขียนเพลงเองเกือบทั้งหมด และยังได้อัดกีต้าร์โปร่ง ลงในอัลบั้มนี้ด้วยตัวเอง
เพลง "The Remedy(I won't worry)" ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก ซึ่งเพลงนี้ถูกนำเป็น Single และติดชาร์ตที่น่าสนใจดังนี้...
2003 "The Remedy (I Won't Worry)" Adult Top 40 4
2003 "The Remedy (I Won't Worry)" The Billboard Hot 100 15
2003 "The Remedy (I Won't Worry)" Top 40 Mainstream 7
อัลบั้ม "Waiting for My Rocket to Come" ขึ้นอันดับใน Billboard chart (2000) ลำดับ 2 ในปี 2002 และลำดับ 55 ในปี 2004
เพลง "The Remedy (I Won't Worry)" คือการผสมผสานระหว่าง Poprock, Alternative Rock และ Folk Music (มีเครื่องสายมาผสมผสาน)
จึงทำให้เพลงของเขามีความแตกต่าง โดดเด่น น่าฟัง และน่าสนใจ โดยอย่างยิ่งคือสไตล์การร้อง และเขียนเพลงของเขา (ชอบเล่นคำ)
ที่มีเอกลักษณ์และความแตกต่าง ในแบบฉบับเฉพาะตัว ที่ไม่มีใครเหมือน เรียกได้ว่า เขาใช้ประสบการณ์จากการเคยอยู่วง R&B มาใช้
ในอัลบั้มของตัวเองได้อย่างดี การผสมผสานดนตรีหลากหลายแนว ก็เป็นอีกหนึ่งความสามารถ ที่เขาทำได้อย่างยอดเยี่ยม
เพลงแนะนำ สำหรับอัลบั้ม "Waiting for My Rocket to Come"
"The Remedy (I Won't Worry)" "Sleep All Day" "I'll Do Anything" "You and I Both" "Too Much Food" และ
"Curbside Prophet" เป็นต้น
เข้าสู่ปี 2003 Jason Mraz เข้า Studio อีกครั้ง เพื่อเตรียมออกผลงานอัลบั้มที่สอง "Mr. A-Z" ซึ่งถือเป็นงานอัลบั้มที่มีความกดดันมาก!
จากอัลบั้มแรกที่ประสบความสำเร็จ แน่นอนว่า... การออกอัลบั้มที่สอง ย่อมมีความกดดันไม่น้อยเลย
เหมือนที่เค้าเขียนไว้ในบทเพลง "Wordplay" ท่อนที่บอกว่า "การกลับมารอบสองคือการต่อสู้..."
ซึ่งเขาก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสามารถผ่านมันไปได้...อย่างสวยงาม!
ตัวอย่างเพลงในอัลบั้ม "The Mr. A-Z"
Wordplay
อัลบั้ม MR. A-Z
1. Life Is Wonderful
2. Wordplay
3. Geek In The Pink
4. Did You Get My Message?
5. Mr.Curiosity
6. Clockwatching
7. Bella Luna
8. Plane
9. O. Lover
10. Please Don't Tell Her
11. The Forecast
12. Song For A Friend
เขาสู่ปี 2003 Jason Mraz เข้า Studio อีกครั้ง เพื่อออกผลงานอัลบั้มที่สอง "Mr. A-Z"
นักวิจารณ์ทั่วโลกต่างวิจารณ์เพลงของ Jason Mraz ว่า เป็นการผสมผสานแนวเพลง ในแบบหลากหลายสไตล์ ได้อย่างลงตัว
เทคนิคการร้องแบบผสมผสาน ทั้งโฟล์ค ป๊อป ร็อก และฮิปฮอป ถือเป็นความโดดเด่นของ Jason Mraz ที่ไม่เหมือนใคร
ในจังหวะนี้ เขามีโอกาสเข้าสังกัดใหม่ "Atlantic Records" ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ โดยหลังจับมือเซ็นสัญญา Jason Mraz ได้ออกอัลบั้ม
"Mr. A-Z" ซึ่งเป็นอัลบั้มที่สอง โดยมีเพลง "Wordplay" เป็นซิงเกิ้ลแรก และเพลง "Geek in The Pink" เป็นชิงเกิ้ลต่อมา เรียกว่า
สองเพลงนี้ได้รับเสียงตอบรับได้ดีมากทีเดียว
อัลบั้ม "Mr. A-Z" สามารถขึ้นชาร์ต #5 บน Billboard's Top 200 albums chart
และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ (Grammy Awards) ในปี 2006 อัลบั้ม Mr.A-Z นอกจากจะมีบทเพลงเด็ดๆ
อย่าง "Wordplay" และ "Geek in the Pink" แล้ว ยังมีเพลงเจ๋งๆ อย่าง "Rocket Man"
ที่ทำเป็น Bonus Tracks ในแบบ Acoustic Demo อีกด้วย ในเชิงธุรกิจ ผลงานทั้งสองอัลบั้ม
ของ Jason Mraz ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
บทเพลง "Wordplay" แม้จะไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเพลงประจำชาติของ Jason Mraz แต่สามารถเรียกได้ว่า
เป็นบทเพลงอันดับต้นๆ ที่ถูกใจคนฟัง สุดๆ เหมือนกัน ผมว่า... แค่ท่อนขึ้น (Intro) ก็โดนสะแล้ว! ไอ้หมอนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!
เอานำคำว่า ฮา ลา ลา ลา ลา ฮู่ ฮู... มาไว้ในเพลง ก็ดังเป็นพลุแตกได้ มันกลายเป็นคำฮิต มีศิลปินหลายคนที่ Copy มาใช้
เพลง "Wordplay" เป็นการเล่นคำ คือการเขียนเพลงโดยเล่นคำ ถ้าคุณสังเกตให้ดีๆ จะพบว่า ชื่ออัลบั้ม Mr.A-Z ก็คือการเล่นกับคำ
กับชื่อตัวเอง.... Mr.A-Z ก็มาจาก "Mraz" นั่นเอง!!
เพลงแนะนำสำหรับอัลบั้ม "Mr.A-Z"
"Life Is Wonderful " "Wordplay" "Geek In The Pink" "Please Don't Tell Her" และ "Mr.Curiosity"
ในปี 2008 กับอัลบั้ม "We Sing. We Dance. We Steal Things" ที่ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดในผลงานเพลงของ Jason Mraz
หลังจากเข้าสตูดิโอ เขาได้แยกเพลงต่างๆ ในอัลบั้มนี้ออกเพื่อวางจำหน่าย เป็นเพลงอะคูสติก 3 ชุด คือ
"We sing" ออกจำหน่าย 18 มีนาคม, "We dance" ออกจำหน่าย 15 เมษายน
และ "We steal things ออกวางจำหน่ายพร้อมกับอัลบั้มเต็มในวันที่ 13 พฤษภาคม
ตัวอย่างเพลงในอัลบั้ม "We Sing. We Dance. We Steal Things"
กับบทเพลง "I'm Yours" ที่ทำให้ Jason Mraz โด่งดังไปทั่วโลก
อัลบั้ม "We Sing. We Dance. We Steal Things"
1. Make It Mine
2. I'm Yours
3. Lucky / featuring Colbie Caillat Jason Mraz & Colbie Caillat
4. Butterfly
5. Live High
6. Love For A Child
7. Details in the Fabric / featuring James Morrison Jason Mraz
8. Coyotes
9. Only Human
10. The Dynamo Of Volition
11. If It Kills Me
12. A Beautiful Mess
อัลบั้ม "We Sing. We Dance. We Steal Things" ถือเป็นการพัฒนาการทางดนตรีอีกขั้นของ Jason Mraz
มีการนำเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดมาผสมผสานกัน เพิ่มเสน์ห์ความน่าสนใจให้กับบทเพลง และอัลบั้มนี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
มากขึ้น ด้วยเพลงเอก ที่โด่งดัง รู้จักและร้องตามกันได้ไปทั่วโลก "I'm Your" และไม่นานนักเพลงหวานๆ อย่าง "Lucky" ก็ดังตามมาติดๆ
การได้สาวสวยเสียงดีอย่าง Colbie Caillait มาร่วมร้องเพลง Lucky ช่วยทำให้เพลงนี้ดูมีเสน่ห์ และไพเราะมากขึ้นทีเดียว
นอกจากได้ Colbie Caillait มา featuring ให้แล้ว อัลบั้มนี้ยังได้ Martin Terefe โพรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานกับวง "Coldplay" และ
"James Morrison" มาแจมอีกด้วย
ถึงปี 2010 อัลบั้ม "We Sing. We Dance. We Steal Things" มียอดขายรวม 1,491,736 แผ่นในสหรัฐอเมริกา ได้รับการรับรองโดย
RIAA Platinum, ซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มเต็มคือเพลง "I'm Yours" ที่สามารถขึ้นสูงสุดถึงอันดับ 6 ใน Billboard Hot 100
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า เพลง "I'm Yours" ได้สร้างชื่อเสียงให้กับ Jason Mraz ชนิดเรียกว่าดังเป็นพลุแตก ร้องได้กันทั่วโลก!
แถมถูกตั้งฉายาว่า เป็นเพลงประจำชาติของ Jason Mraz! ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง
เพลงแนะนำสำหรับอัลบั้ม "We Sing. We Dance. We Steal Things"
"I'm Yours" "Make it Mine" "Lucky" "Butterfly" และ "Live High" เป็นต้น
จึงเป็นที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่า อัลบั้มต่อไปของ Jason Mraz จะเป็นอย่างไร !
เรียบเรียงโดย ทีมงานอะคูสติกไทย
Acousticthai.Net