James Taylor ศิลปินต้นแบบ... เพลงร้องในแบบฟิงเกอร์สไตล์! หากจะกล่าวถึงศิลปิน ที่ชอบนำงานเพลงของคนอื่น มาทำใหม่(cover) ให้กลายมาเป็นแบบฉบับ(Style) ของตัวเอง ผู้เขียนจะนึกถึงเขา...คนนี้ และ Rod Stewart เป็นอันดับต้นๆ มีศิลปินหลายๆ ท่านใช้วิธีการนี้(นำเพลงมา cover) หลายคนพยายามจะทำให้ออกมาดี และหวังว่ามันจะประสบความสำเร็จ ซึ่งก็มีทั้งที่ประสบความสำเร็จ และไม่ประสบความสำเร็จ แต่สำหรับเขาคนนี้... สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร จนบางครั้ง ผู้เขียนยังคิดเลยไปว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขามีความถนัดมากที่สุด เพราะในทุกๆ เพลงที่เขาได้นำมา Cover, ก็ล้วนแล้วแต่เป็น บทเพลงที่สร้างชื่อให้กับเขาทั้งสิ้น บางครั้งทำได้น่าฟังกว่าต้นฉบับ สะอีก! Hey girls, gather round Listen to what I'm putting down Hey babe, I'm your handy man ช่วงประมาณปี 2530 บทเพลง "Handy Man" เป็นบทเพลงแรก ที่ทำให้ผู้เขียนมีโอกาสได้รู้จักศิลปินที่มีชื่อว่า "James Taylor" และถ้าหากใครเคยมีโอกาสได้ฟังบทเพลง "Handy man" ใน Original Version ผู้เขียนก็มั่นใจว่า ท่านคงจะนึกไม่ถึงว่า นี่มันคือเพลงเดียวกัน และจะต้องคิดต่อ ไปอีกว่า James Taylor นำบทเพลง Handy Man มาทำเป็นแบบ Acoustic อย่างสวยงาม ในแบบที่เราๆ คุ้นเคยได้อย่างไร "Handy Man" กลายเป็นสัญญาลักษณ์หนึ่งของ James Taylor หลายๆ คน (โดยเฉพาะในประเทศไทย) รู้จักเขาโดยผ่านบทเพลง Handy Man เหมือนอย่างที่เรารู้จัก John Denver ผ่านบทเพลง Take me home country road, หรือรู้จัก Jim Croce ผ่านบทเพลง I’ll have to say I love you in a song เป็นต้น แต่จะอย่างไรก็ตาม นอกจากเขาจะสร้างชื่อให้ตัวเองด้วยวิธีการที่ดังกล่าวมาข้างต้นแล้ว เขายังได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ตัวเขาก็สามารถสร้างชื่อให้ตัวเอง ด้วยการลงมือเขียนเพลง... ด้วยตัวเองได้เช่นกัน และเขาก็สามารถทำได้อย่างวิเศษมาก James Taylor ได้เขียนบทเพลงไว้มากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความไพเราะ และน่าฟังเป็นอย่างยิ่ง เขามีผลงานหลากหลาย Album ที่น่าสนใจ และเขาเป็นศิลปินคนหนึ่งในยุค 1970 ที่ประสบกับความสำเร็จอย่างสูงในฐานะศิลปินเดียว เขายังได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย ซึ่งก็คงเป็นสิ่งหนึ่ง ที่การันตีได้ว่า เขาเป็นศิลปินชั้นเยี่ยมยอดคนหนึ่งแห่งยุค 1970 James Taylor เกิดเมื่อ March 12, 1948 ใน Boston, U.S.A. บุตรชายของ DR. Isaac และ Gertrude Taylor มีพี่ชาย 3 คน คือ Alex Livingston และ Hugh และมีพี่สาวอีกคนชื่อ Kate Taylor ซึ่งพี่น้องทุกคนล้วนมีความเป็นศิลปินด้วยกันทั้งสิ้น พวกเขาต่างมีผลงานเพลงเป็น ของตนเองตั้งแต่ปี 1951
สำหรับ James Taylor เขาเริ่มสนใจเครื่องดนตรี ตั้งแต่ช่วงที่เรียน เขาเริ่มได้จับเครื่องดนตรีอย่างเซลโล่เป็นสิ่งแรก และในช่วงประมาณปี 1963 ใน Milton Academy, Massachusetts ในระหว่างของการเรียน Summer นั้น James Taylor ได้มีโอกาสรู้จักกับเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่มีความชำนาญในการเล่น Acoustic Guitar จากนั้นเขาจึงมีความคิดที่จะทำวง Folk Duo ขึ้นมา James Taylor พักการเรียนตอนช่วงที่เขามีอายุเพียง 16 ปี เพราะมั่วแต่ตั้งหน้าตั้งตาเล่นดนตรี แต่การเริ่มต้นจริงๆ ของเขาคือช่วงปี 1966 เขาได้ทำวงใหม่ขึ้นโดยใช้ชื่อวง "The Flying Machine" ร่วมกับ Kortchmar and Joel O’Brien ซึ่งได้เล่นที่ Greenwich Village และต่อมา ได้เซ็นสัญญาครั้งแรกกับ Rainy day Records และเขาได้ออก Single แรก ชื่อว่า "Brighten your - night with my day" แต่ก็ไม่ประสบกับความสำเร็จ และสุดท้ายก็ได้ยุบวงในปี 1967 และระหว่างปี 1968 นั้น James Taylor กลายเป็นศิลปินที่ติดเฮโรอิน เหมือนกับศิลปินหลายๆ คนในยุคนั้น แต่เขาก็พยายามที่จะเอาชนะอาการ เสพติดนั้น มีคำกล่าวว่า "ในยุค '70 นั้น เป็นยุคทองของดนตรี" และยังเป็น "ยุคทองของสารเสพติดด้วย" ศิลปินยุค '70 หลายๆ คน ล้วนแล้ว แต่ตกอยู่ในวังวนของสารเสพติด ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีแขนงไหนๆ ก็มักผ่านประสบการณ์การใช้สารเสพติดเหล่านั้นมาแล้วทั้งสิ้น เช่น Jimmy Hendrix (ที่โดมจนเสียชีวิตในที่สุด) Eric Clapton, The Beatles, และเหล่าสมาชิก The Eagles ก็เช่นกัน ต่อมาไม่นานนัก เขาได้ย้ายไปอยู่ที่ London ซึ่งที่นี่เอง ที่เขาได้เสนอ Demo ผลงานเพลงของเขาให้กับ Peter Asher และก็เป็นความโชคดี และเป็นจังหวะที่เขาได้มีโอกาสทำงานกับ The Beatles ที่ค่ายเพลง Apple Records ซึ่งต่อมาส่งผลให้เขา ได้ทำงานเซ็นสัญญากับ Apple records ผลงานเพลงชุดแรกในฐานะศิลปินเดี่ยว เขาได้ออกอัลบัม โดยใช้ชื่ออัลบัมว่า "James Taylor" ซึ่งออกจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ในเดือนธันวาคม ปี 1968 และได้จำหน่ายต่อในประเทศ U.S.A ในเดือนกุมภาพันธ์ในปี 1969 ซึ่งผลงานอัลบัมนี่มีเพลงที่ได้รับความนิยม เช่น "Something in the way she moves" และ "Carolina in my mind" เป็นต้น
ต่อมาไม่นานนัก เขาได้ย้ายไปอยู่ที่ London ซึ่งที่นี่เอง ที่เขาได้เสนอ Demo ผลงานเพลงของเขาให้กับ Peter Asher (หนึ่งในสมาชิกวง Peter and Gordon) และก็เป็นความโชคดี และเป็นจังหวะที่เขาได้มีโอกาสทำงานกับ The Beatles ที่ค่ายเพลง Apple Records ซึ่งต่อมาส่งผลให้เขา ได้ทำงานเซ็นสัญญากับ Apple records ผลงานเพลงชุดแรกในฐานะศิลปินเดี่ยว เขาได้ออกอัลบัม โดยใช้ชื่ออัลบัมว่า "James Taylor" ซึ่งออกจำหน่ายในประเทศอังกฤษ ในเดือนธันวาคม ปี 1968 และได้จำหน่าย ต่อในประเทศ U.S.A ในเดือนกุมภาพันธ์ในปี 1969 ซึ่งผลงานอัลบัมนี่มีเพลงที่ได้รับความนิยม เช่น Something in the way she moves, และ Carolina in my mind เป็นต้น หลังจากหมดสัญญาจาก Apple Records แล้ว James Taylor ก็ได้เซ็นสัญญากับ Warner Bros. Records และได้ย้ายไปอยู่ที่ California และต่อมาเขาได้ออกผลงาน Album ที่สอง และนั้นคือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ! ที่เป็นครั้งยิ่งใหญ่ในของชีวิตเขา และมันก็คือจุดเริ่มต้น ของ James Taylor อย่างแท้จริง
ผลงานเพลงอัลบัม Sweet Baby James ได้ออกมาในช่วงต้นปี 1970 และประสบความสำเร็จอย่างสูง และเขาได้ออก Single Fire and Rain ซึ่งเป็นบทเพลงที่สะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์ในระหว่างที่เขาได้อยู่ในโรงพยาบาลบำบัดกับทางจิต ซึ่งในบ้านเราอาจจะเรียกว่า โรงพยาบาลประสาท นั่นเป็นเพราะผลที่มาจากการเสพสารเสพติดอย่างหนักของเขา ผลงาน Singer - Fire and rain สามารถขึ้น Chart สูงถึงอันดับ 5 ในเดือนตุลาคม ปี 1970 และในเดือนเดียวกันนี้ ผลงานอัลบัม Sweet Baby James ก็ได้ขึ้น Chat LP Hits เช่นกัน และต่อมาบทเพลง Country Road ได้รับความนิยม โดยที่สามารถขึ้น Chart อันดับ 40 ในเดือนมีนาคม ปี 1971 และในเดือนเดียวกันนี้ James Taylor ได้ขึ้นปกนิตยสาร "Time - Magazine" ในฐานะผู้ที่มีบทบาทในการเป็นนักร้อง นักแต่งเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงเวลานั้น ซึ่งส่วนตัวของผู้เขียนก็ยอมรับว่าผลงาน Album : Sweet Baby James นั้น เป็นผลงานเพลงที่สุดจะ Classic ชุดหนึ่ง ซึ่งนอกจากผลงานชุดนี้ ก็ยังมีอีกหลายๆ อัลบัมของ James Taylor ที่มีความยอดเยี่ยม James Taylor เคยผ่านงานการแสดงหนังมาแล้ว มีชื่อเรื่องว่า Two Lane Blacktop โดยร่วมแสดงกับวง The Beach Boys ตัวเขาเอง ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยถนัด และเอาดีกับงานด้านการแสดง ดังนั้นบทบาทนี้จึงไม่เป็นที่กล่าวถึงสักเท่าไร เขายังคงเดินหน้าเขียนเพลงต่อไป ช่วงเดือนเมษายน ปี 1971 ผลงานอัลบั้ม "Mud Slide Slim and Blue Horizon" ได้ออกมาจำหน่าย และเขา ก็ยังคงเดินหน้าแสดง Concert ไปทั่วประเทศ America การออกแสดงของเขามีส่วนช่วยทำให้ผลงานของเขาเป็นที่รู้จัก และยังส่งผลให้ผลงานของเขาขึ้น Top Ten Chart และในระยะเวลาอันใกล้นี้เอง เขาได้ออกผลงาน Single - You’ve Got a Friend บทเพลงนี้เขียนโดยเพื่อนรัก นั้นคือ Carole King ศิลปินหญิงเดียวอีกคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในช่วงนั้น เขาทั้งสองคนมักจะช่วยเหลือกันเสมอๆ มีหลายครั้งที่ Carole King ได้เข้าไปช่วยเล่น Piano ให้กับงานเพลงของ James Taylor และ James Taylor เอง ก็เคยได้มีโอกาสไปเล่นกีต้าร์ ให้กับ Carole King แต่ จะเป็นกิ๊กกันหรือเปล่านั้น ผู้เขียนไม่ยืนยัน!
"You’ve Got a Friend" เป็นผลงานที่ได้ขึ้นสู่อันดับ 1 ในเดือนกรกฎาคม และได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ ปี 1971 และที่ 2 คือ Single Long ago and far away ขึ้นอันดับ Top 40 ในเดือนมีนาคม ปี 1972 และ James Taylor ยังได้รับรางวัลชนะเลิศในฐานะศิลปินชาย ในรางวัล Grammy Best Pop Vocal Performance ในบทเพลง "You’ve Got a Friend" เขาใช้เวลาค่อนข้างมาก ซึ่งมากกว่าปีครึ่ง ถึงจะได้ออกอัลบั้มใหม่อีกครั้ง นั้นคือผลงานอัลบั้ม "One Man Dog" ซึ่งออกมาในเดือน พฤศจิกายน ช่วงปี 1972 และในวันที่ 3 พฤศจิกายน ปี 1972 นี้ ระหว่างที่เขาได้ออกอากาศถ่ายทอดสดทางรายการวิทยุ ในกรุง New York เขาได้ประกาศว่า “เขาได้แต่งงานกับ Carly Simon” (นักร้อง/นักแต่งเพลง) ตั้งแต่ตอนเช้าของวันนั้นแล้ว ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนเพลง ได้ไม่น้อย Carly Simon ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในงานเพลงฮิตติดอันดับ ที่ชื่อว่า That’s the way I’ve always heard it should be,
Heard it should be, Anticipation และเมื่อในปีเดียวกันนี้ บทเพลง You’re so Vain ติดอันดับ
Chart ซึ่งทำให้ Carly Simon ยิ่งเป็นที่รู้จัก และเป็นที่สนอกสนใจมากขึ้น Carly Simon นับเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวอีกคนที่มีชื่อเสียง ในช่วงนั้น นอกจากเธอจะเก่งแล้ว เธอยังมีความน่ารัก และความสวยที่โดดเด่นอีกด้วย. Album - One Man Dog สำหรับ James Taylor แล้วนั้น ยังไม่ถือว่าประสบความสำเร็จเท่าที่ควร (หากเปรียบเทียบกับชุดก่อนหน้านี้) ถึงแม้ว่าจะได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำก็ตาม หรือแม้ว่าบทเพลง Don’t let me be lonely tonight จะติดกลุ่ม Top 20 Single ก็ตาม หลังจาก Album One man dog ไม่กี่ปีถัดมา เขาได้แยกทางกับ Carly Simon ซึ่งก็เป็นข่าวสะเทือนวงการเพลงอีกครั้ง ซึ่งก็สะเทือนพอๆ กับตอนที่เขาทั้งสองตกลงจะแต่งงานกัน
ผลงานอัลบั้ม "Walking Man" ได้รับความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่เขาต้องการ และต่อมาเขาได้ออกผลงานอัลบั้ม "Gorilla" เขาได้รับความสำเร็จอีกครั้งกับ การนำเอาผลงานเพลงเก่ามาทำและเปลี่ยนให้เป็น Style ของตัวเอง นั้นคือบทเพลงเก่าของ Marvin Gaye’s และนั้นคือบทเพลง "How sweet it is (to be a love by you)" ซึ่งก็ทำให้บทเพลงนี้ติดอันดับ Top Five และผลงาน Album นี้ ยังติดอันดับ Top Ten และยังได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ อัลบั้ม "Gorilla" มียอดขายที่สวยงาม ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง เช่นบทเพลงอย่าง Mexico, Music, Wandering, Sarah maria ได้รับการความนิยมเป็นอย่างมาก และ James Taylor ก็มักจะนิยมนำไปเล่นบนเวที concert อยู่เสมอๆ "In the Pocket" เป็นผลงาน Album อันดับ 7 ของเขา ในปี 1976 บทเพลง Shower The People ซึ่งบทเพลงที่ได้ติดอันดับ 40 และ Album นี้ ได้ขึ้นอันดับ 20 ซึ่งนำไปสู่รางวัลแผ่นเสียงทองคำอีกครั้งหนึ่ง เมื่อใกล้จะหมดสัญญากับ Warner Bros. เขาได้นำงานเพลง Apple songs มา บันทึกเสียงใหม่ ซึ่งเป็นงาน Greatest Hits, LP นี้ ออกมาจำหน่ายโดยได้กลายเป็น ผลงาน Greatest Hits ที่ขายได้ดีตลอดมา ต่อมาเขาได้ ย้ายมาเซ็นสัญญาใหม่กับ Columbia Records โดยได้ออกผลงานอัลบั้ม "JT" Album - JT ออกมาในช่วงเดือน มิถุนายน ปี 1977 และก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ผลงานของเขากลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดยเขาได้นำบทเพลงเก่า ของ Jimmy James ในปี 1959 มาทำใหม่ใน Style Acoustic นั้นคือบทเพลง Handy man เขานำบทเพลงนี้ มาทำให้เป็นแนวที่เขาถนัด และบทเพลงนี้ก็ประสบความสำเร็จ เขาทำได้อีกครั้ง หลังจากที่เขาเคยทำแบบนี้มาแล้วกับงานเพลง You’ve Got a Friend และ How sweet it is (to be a love by you) บทเพลง Handy man ขึ้นสู่ Top Five และตามด้วย Top 20 ซึ่งเป็นงานของเขาเอง ในบทเพลง "Your Smiling Face" ซึ่งดูเหมือนจะเป็นตัวส่งเสริมให้ Album - JT ติดอันดับ Top 5 และมียอดจำหน่ายมากกว่า สองล้านแผ่น ในวันที่ 23 เดือนกุมพาพันธ์ ปี 1978 เขาได้คว้ารางวัล Grammy เป็นครั้งที่สอง ในสาขา Best Pop Vocal Performance, Male จากบทเพลง "Handy Man" James Taylor ยังเคยได้ร่วมงานกับ Art Garfunkel โดยเขาได้นำบทเพลงเก่าอย่าง (What a) Wonderful World มาทำในรูปแบบของการ ประสานเสียง ซึ่งก็มีความไพเราะมากทีเดียว ซึ่งบทเพลงนี้ได้ขึ้น Chart no. 20 ในปี 1978
James Taylor เคยร่วมงานกับ Broadway musical โดยเขาได้แต่งเพลงให้กับละคร Broadway หลายเรื่อง และสำหรับ Carly Simon (ภรรยาเก่า) เขาเคยได้ร่วมร้องเพลง "Devoted To You" (บทเพลงเก่าของคณะ The Every Brother) ซึ่งก็ได้รับความนิยมมากทีเดียวในช่วงนั้น และแม้ว่าวันนี้ทุกครั้งที่ผู้เขียนปิดบทเพลงนี้ฟังครั้งใด ก็จะรู้สึกสบายอารมณ์ไปเสียทุกครั้ง นั้นคงเพราะความสวยงามของเนื้อหา เสียงร้อง ของเขาทั้งสองคน และยังบวกด้วย Melody ของบทเพลงที่ James Taylor ได้บรรจงเรียงร้อย Note แต่ละตัว ได้อย่างสวยงามจริงๆ ซึ่งบทเพลงนี้ได้ขึ้น Chart no. 40 ในปี 1978 ปัจจุบัน James Taylor ยังคงออกเดินสาย แสดง Concert อยู่อย่างต่อเนื่อง ผลงานเพลงอัลบัมที่ออกมาช่วงหลังๆ มีความเปลี่ยนแปลงจาก ช่วงปี 1970 เป็นอย่างมาก ส่วนตัวผู้เขียนเองจะไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไร นั้นคงเพราะว่าผู้เขียนยังคงยึดติดกับวิธีการเรียบเรียง และวิธีการ เล่นแบบเดิมๆ ของเขามากกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา James Taylor ยังคงเป็นศิลปินที่ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง สำเนียง Acoustic Guitar ที่ผ่านบทเพลงซึ่งมีท่วงทำนองดนตรี ของยุค 70's ของ James Taylor ยังคงผูกพันธ์กับความทรงจำของผู้เขียนอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง และเชื่อว่าหลายๆ คน ก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกันกับผู้เขียนเช่นกัน
เขียน และเรียบเรียงโดย ทีมงานอะคูสติกไทย (www.Acousticthai.Net)