ประวัติ “Jack Johnson”
“Jack Johnson” นักเล่นเซิร์ฟบอร์ด, นักสร้างภาพยนตร์อินดี้, แต่โด่งดังจากการเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง!?
Jack Johnson เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 ณ เกาะ Oahu มลรัฐฮาวาย, สหรัฐอเมริกา เป็นทั้งนักเล่นเซิร์ฟบอร์ด,
นักสร้างภาพยนตร์อินดี้, แต่เขากลับโด่งดังจากการเป็นนักร้องนักแต่งเพลง ซึ่งประสบความสำเร็จในอาชีพตั้งแต่งานเพลง
อัลบั้มแรก “Brushfire Fairytales” ในปี 2001 จนถึงอัลบั้มใหม่ล่าสุดของเขา “Curious George”
(อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์การ์ตูน เรื่อง Curious George)
“It’s not always easy and sometimes life can be deceiving…
But I’ll tell you one thing, it’s always better when we’re together”
HUMM… it’s always better when we’re together
Jack Johnson ชีวิตในวัยเด็ก เขาคลุกคลีกับการเล่นเซิร์ฟบอร์ด เพราะเติบโตมากับครอบครัวเซิร์ฟ ทั้งพ่อ และพี่ชาย
ล้วนเป็นนักเล่นเซิร์ฟทั้งหมด เขาเริ่มเล่นโต้คลื่นตั้งแต่อายุ 12 ปี
(ได้รับเชิญไปแข่งขันในรายการ Pipe Masters ตอนอายุ 17 ปี)
หลังจากเริ่มเล่นได้ไม่นานนัก ก็เกิดอุบัติเหตุกับเขา จึงเป็นเหตุที่ทำให้เขาได้หันมาฝึกซ้อม
กีต้าร์อย่างจริงจังมากขึ้น ซึ่งเขาได้แรงบันดาลใจจากนักดนตรีอย่าง Cat Stevens ตัวเขาเองเคยให้สัมภาษณ์ไว้หลายครั้งว่า
ศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้กับเขามีหลายคน หนึ่งในนั้นที่เขาเอ่ยชื่อเสมอคือ “Cat Steven” บทเพลงสุดโปรดของเขา
ก็คือเพลง “Father & Son” (เพลงที่บอกเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ที่ Cat Steven แต่งให้กับลูกชายของเค้า)
หลังจากจบการศึกษาจาก University of California of Santa Barbara ในปี 1997 ทางสาขาการสร้างภาพยนตร์ Jack Johnson ได้ออกเดินทาง
ท่องเที่ยวไปกับ Chris และ Emmett Malloy เพื่อนเก่าที่เล่นเซิร์ฟด้วยกัน
แม้ช่วงเรียนในมหาวิทยาลัย เขาจะไม่ได้จริงจังกับการเล่นดนตรี แต่ก็มีโอกาสได้เล่น
ริทึ่มกีตาร์กับวงฮิปปี้ ชื่อ “Soil-me” เขาจึงมีทักษะการเล่นดนตรีอยู่บ้าง
ช่วงเวลาที่เขาได้มีโอกาสทำภาพยนตร์อินดี้ เกี่ยวกับการเล่นเซิร์ฟ เรื่อง Thicker Than Water ในช่วงที่ถ่ายทำนั้นเอง Jack Johnson
ได้ค้นพบความสามารถในการร้องเพลงของเขา จึงได้ลงมือทำเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ในปี 1999 ที่หนังและเพลงออกสู่สาธารณะ
สำหรับผู้ที่สนใจเซิร์ฟ รู้จักเพลงของเขาเป็นอย่างดี
ใกล้ช่วงปี 2000 Jack Johnson เดินเข้าสู่วงการเพลงอย่างเต็มตัว เขาได้พบกับ Garrett Dutton (G. Love) ผู้ที่ชวน Jack Jonhson
ให้มาเป็นแขกรับเชิญในเพลง “Rodeo Clowns” ในอัลบั้ม Philadelphonic ของ G. Love & Special Sauce ออกในปลายปี 1999
หลังจากเพลงถูกปล่อยตามคลื่นวิทยุต่างๆ ผู้คนก็เริ่มรู้จักชื่อ Jack Johnson
มาขึ้น มากกว่าแค่วงการคนเล่นเซิร์ฟด้วยกัน แต่แทนที่เขาจะตกลงเซ็นสัญญาออกอัลบั้ม เขากลับสร้างภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ที่มีชื่อว่า
The September Sessions ซึ่งได้รับรางวัล Adobe Highlight Award ในงานเทศกาลภาพยนตร์ของ ESPN ในขณะเดียวกัน
ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา ก็ได้รับการยกย่องจาก นิตยาสารเซิร์ฟต่างๆว่า เป็นสุดยอดภาพยนตร์แห่งปี ท้ายที่สุด Ben Harper (เพื่อนนักดนตรี)
และ J.P. Plunier (ผู้จัดการ และโปรดิวเซอร์) ก็ได้ฟังเพลงของเขา และตกลงที่จะช่วย Johnson ทำอัลบั้มเพลง
มกราคม ปี 2001 Johnson ได้ออกอัลบั้มแรกอย่างเป็นทางการที่มีชื่อว่า “Brushfire Fairytales” กับค่าย Enjoy Record
(ค่ายอินดี้ที่ก่อตั้งโดย Andy Factor และ Plunier) ซึ่งก็สร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเพลง “Inaudible Melodies”
ที่แสดงให้เห็นถึงปรัชญาส่วนตัวของเขาเอง “Slow down everyone/You’re moving too fast” กับเสียงคอรัสเพราะๆ และ “Flake”
อัลบั้มนี้ทำให้คนทั่วอเมริกาหันมาสนใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก ตลอดระยะเวลา 4 เดือนในการออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วอเมริกาและออสเตรเลีย
ที่ไปเล่นเป็น Opening Act ให้ Ben Harper เรียกได้ว่าสร้างกระแสและเรียกคนดูได้มาก ซึ่งเพียงแค่ช่วงเวลาปีเดียวในการออกอัลบั้ม
ขายได้ 100,000 แผ่น และในปี 2003 ทำยอดขายได้ถึงระดับแพล็ตตินั่ม
พฤษภาคม ปี 2003 Jonhson ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ที่มีชื่อว่า “On and On” ที่ได้โปรดิวเซอร์อย่าง Mario Caldato Jr และได้สมาชิก
เดิมทั้งหมดจากอัลบั้มแรก โดยมี Jack Johnson (ร้องนำ, กีต้าร์), Adam Topol (กลอง),
Merlo Podlewski (เบส) เนื้อหาของอัลบั้มมีทั้งบัลลาดรักหวานซึ้งไปจนถึงเนื้อหาของปัญหาทางสังคมที่หนักขึ้นกว่าอัลบั้มก่อน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง วัตถุนิยม, การทำให้เป็นอุตสาหกรรม, นักเรียนยิงกัน, วิกฤตน้ำมันรั่วกลางทะเลรวมไปถึงเรื่องของสงคราม
จากการออกอัลบั้ม On and On ทำให้ Johnson ตั้งค่ายเพลงขึ้นเองมีชื่อว่า Brushfire Records และสามารถขายอัลบั้มนี้ได้ถึง 1 ล้านแผ่น
ภายในเวลาเพียงแค่ 1 ปี (#3 บิลบอร์ดชาร์ท) นอกจากนี้ยังได้ศิลปินเพื่อนเก่าแก่ของเขามาร่วมค่าย อย่าง G. Love และ Donavon Frankenreiter
และทางค่ายยังได้ออกอัลบั้มซาวน์ดแทร็กจากภาพยนตร์ของเขาทั้ง 2 เรื่อง ก็คือเรื่อง Thicker Than Water และ The September Sessions ด้วย
อัลบั้มชุดที่ 3 “In Between Dreams” ออกมาเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2005 ซึ่งเป็นอัลบั้มที่สมาชิกทั้งหมดช่วยกันนำเอาความเป็นเพลงแนวอะคุสติก
ที่ร้องตามได้และเสียงเบสที่หนักแน่น มาผสานจนออกมาเป็นแนวเพลง บูลส์ และ กรู๊ฟพังก์ อัลบั้มนี้ยังคงได้โปรดิวเซอร์ และ ซาวน์ดเอ็นจิเนียร์
เจ้าเก่าที่ทำให้อัลบั้มที่แล้ว และได้ Zach Gill จาก Animal Liberation Orchestra มาช่วยเล่นเปียโน และ คีย์บอร์ดออร์แกนให้อีกด้วย
เพลงในอัลบั้มนี้เน้นความโรแมนติก อย่างเพลงดัง “Better Together” ที่เขาบรรจงแต่งให้กับ Kim ภรรยาอันเป็นที่รักของเขา
(ทั้ง 2 เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่งงานกันในปี 2004 และมีลูกชายชื่อ Moe) และมีท่อนฮุกโดนใจอย่าง
“It’s not always easy and sometimes life can be deceiving/But I’ll tell you one thing, it’s always better when we’re together”
รวมไปถึงเพลงในจังหวะเร็วขึ้นมาหน่อย “Staple It Together”, และ
“If I Could” ที่ได้เสียงของเครื่องดนตรีเมโลเดียนและกลองมือมาเพิ่มสีสัน
และเพลงซิงเกิ้ลแรกที่ให้ความหมายน่ารักๆ อย่าง “Sitting, Waiting, Wishing” อัลบั้ม “In Between Dreams” ได้รับกระแส
ตอบรับเป็นอย่างดีและสามารถเข้าไปอยู่ในอันดับต้นๆของชาร์ทเพลง
ไม่ว่าจะเป็น #2 บิลบอร์ดชาร์ท และ #1 ยูเคชาร์ท
จากความสำเร็จนี้เอง Johnson จึงได้รับรางวัล Best International Newcomer จากเวที Brit Award ในปี2006 และล่าสุดกับอัลบั้ม
Curious George (อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์การ์ตูน Curious George ชื่อดัง) ซึ่งเป็นสตูดิโออัลบั้มที่ 4 ที่ทั้งร้องทั้งแต่งเพลงเอง
และยังได้ร่วมงานกับเพื่อนสนิทอย่าง Ben Harper, G. Love และ Matt Costa ในอัลบั้มมีเพลงเด่นๆทั้ง “We’re Going to be Friends”
(คัฟเวอร์เพลงของ the White Stripes), “The 3 R’s” ที่เป็นการเอาเพลงสุดคลาสสิกอย่าง “Three is a Magic Number”
มาแปลงเนื้อใหม่เพื่อพูดถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม (Reduce, Reuse and Recycle) และเพลงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด น่าจะเป็นเพลง “Upside Down”
ความสำเร็จของเขาและอัลบั้มนี้คงอยู่ที่การได้ครองอัลบั้ม #1 บิลบอร์ดชาร์ทและสามารถครองใจใครหลายๆ คน
Jack Johnson เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมเริ่มหัดเล่นเพลงแรกๆ ก็เป็นเพลง “One” ของ Metallica และก็ “Father and Son” ของ Cat Stevens
ผมหัดไปพร้อมๆ กัน” และนักดนตรีที่เป็นแรงบันดาบใจในการทำเพลงของเขาก็คือ Nick Drake, The Beatles, Hendrix, Tribe Called Quest,
Dylan, Ben Harper, Radio Head, G. Love and Special Sauce, Otis Redding, Neil Young, และ Bob Marley
รวมสรุป ผลงานเพลง (Album) และรางวัลที่ได้รับ…
ปี 2001 – Brushfire Fairytales (Everloving Records)
มียอดจำหน่าย 100,000 แผ่น และในปี 2003 จำหน่ายได้ถึงระดับแพล็ตตินั่ม
ปี 2003 – On and On (The Moonshine Conspiracy/Universal)
มียอดจำหน่ายได้ 1 ล้านแผ่น ในเวลาเพียงแค่ 1 ปี และสามารถขึ้นติดอันดับ 3 บนบิลบอร์ดชาร์ท
ปี 2005 – In Between Dreams (Brushfire/Universal Records)
อัลบั้มนี้ขึ้นชาร์ทที่อันดับ 2 ในอเมริกา และขึ้นสูงสุดอันดับ 1 ในอังกฤษ
ผลงานเพลงชุดนี้ มีเพลงดัง “Better Together” ที่มีทำนองไพเราะและฟังง่าย
นอกจากนั้นยังมีเนื้อหาที่สวยงามและน่ารัก ซึ่งเขาแต่งให้กับ Kim ภรรยา
ปี 2006 – Sing-A-Longs and Lullabies for the Film Curious George (Brushfire/Universal Records)
ผลงานเพลงชุดนี้ ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา เดือนกุมภาพันธ์ 2006 ได้รางวัลจาก Brit Awardสาขา Best International Newcomer
ปี 2008 – Sleep Through the Static
ผลงานชุดนี้ ขึ้นอันดับ1 บนตารางอันดับอัลบั้มบนบิลบอร์ด โดยเปิดตัวในสัปดาห์แรกสูงถึง 375,000 แผ่น
อัลบั้มของ แจ็ค จอห์นสัน Jack Johnson (Stidio Albums)
ปี 2001 – Brushfire Fairytales (Everloving Records)
ปี 2003 – On and On (The Moonshine Conspiracy/Universal)
ปี 2005 – In Between Dreams (Brushfire/Universal Records)
ปี 2006 – Sing-A-Longs and Lullabies for the Film Curious George (Brushfire/Universal Records)
ปี 2008 – Sleep Through the Static
ปี 2010 – To The Sea
ซาวนแทร็คและ EP
September Sessions
Thicker Than Water
Out Cold
Sprout
A Broke Down Melody
Some Live Songs EP
สมาชิก Jack Johnson band:
Jack Johnson – Vocals, Guitar
Adam Topol – Drums, Percussion
Merlo Podlewski – Bass Guitar
Zach Gill – Keyboards, Backing Vocals
Jack Johnson ถือเป็นนักดนตรีหนุ่ม ที่มีความสามารถมากคนหนึ่งในวงการเพลงในยุค 2000 ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องที่น่าฟัง ทั้งการเรียบเรียงดนตรี
การเขียนเนื้อเพลง และรวมไปถึงฝีไม้ลายมือในการเล่น Acoustic Guitar ของเขา ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน ฟังได้สบายๆ ทำให้อารมณ์ดี เบิกบานใจ
ทั้งหมดในความเป็น Jack Johnson จึงไม่ยากเลย ที่คุณจะสามารถชื่นชอบผลงานเพลงของเขา เพียงแค่คุณเปิดใจ และนั่งฟังผลงานของเขา
ด้วยความตั้งใจสักครั้ง และคุณจะพบคำตอบว่า คนๆนี้ เก่ง… และไม่ธรรมดา!?
เขียน/เรียบเรียง โดย http://www.acousticthai.net/