Find Your Fit : Acoustic Guitars

ก่อนที่ผู้เขียนจะเข้าสู่เนื้อหา ในเรื่องที่จะเขียน ภายใต้หัวข้อ “Find Your Fit”
ผู้เขียนขอขอบคุณหนังสือ “Wood & Steel” จัดทำโดยบริษัท Taylor Guitars ที่ผู้เขียนได้นำเนื้อหามาอ้างอิงบทความนี้…

“การค้นหากีต้าร์โปร่ง ที่เหมาะกับคุณ”
โดยส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าผู้เล่นจะซื้อกีต้าร์โปร่งยี่ห้ออะไร? รุ่นอะไร? หรือ ราคาเท่าไร?
สองเรื่องที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง คือ (1) รูปทรง และ (2) โทนเสียง
…เพื่อให้เหมาะกับสไตล์ และ ความชอบของผู้เล่น ดังนั้น การค้นหากีต้าร์ที่ใช่ หรือ ที่เหมาะสมกับผู้เล่น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

ทำไมต้องสองเรื่องนี้…?

1. รูปทรง (body shapes)
ลองคิดดูว่า หากกีต้าร์ที่คุณซื้อมาเล่น ไม่สามารถตอบสนองเรื่องความสบายในการเล่นได้ จะมีประโยชน์อะไร
กีต้าร์บางตัวเสียงดีมาก แต่เล่นไม่เข้ามือ เวลาเล่นจะรู้สึกไม่สบายเอาสะเลย มันจะมีความสุข และสนุกกับการเล่นได้อย่างไร ใช่ไหม?

2. โทนเสียง (tone wood)
กีต้าร์บางตัว รูปร่างถูกใจ แต่ไม่สามารถให้เสียงที่ตรงกับรสนิยมความชอบ และ ไม่สามารถตอบโจทย์ในสไตล์การเล่นของคุณได้
คุณก็คงไม่อยากจะหยิบมันขึ้นมาเล่นบ่อยๆ ใช่ไหม?

กีต้าร์โปร่งแต่ละรูปทรง(body shapes) ล้วนมีเอกลักษณ์ และ การถ่ายทอดเสียงที่แตกต่างกัน
กีต้าร์โปร่งบางรูปทรง เด่นที่ย่านเสียงต่ำ (bass/low) ในขณะที่บางตัว อาจจะโดนเด่นที่ย่านเสียงสูง (treble) เป็นต้น

กีต้าร์โปร่งแต่ละรูปทรง(body shapes) เหมาะกับสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน ให้ความรู้สึกในการเล่นที่แตกต่างกัน
กีต้าร์โปร่งบางตัว เหมาะกับการเล่นแบบ Finger-Picking (เล่นโน๊ตเป็นตัวๆ)
ในขณะที่กีต้าร์โปร่งบางตัว เหมาะกับการเล่นแบบ Strumming (เล่นเป็นคอร์ด) เป็นต้น

เพื่อการเลือกกีต้าร์โปร่ง ที่เหมาะกับความชอบ ความถนัด และ ตรงกับสไตล์การเล่นของคุณ
ผู้เขียนจึงนำพาท่าน มาสู่เรื่องของ “Find Your Fit” หรือ “การค้นหาสิ่งที่เหมาะกับคุณ”

ภายใต้หัวข้อ “Find Your Fit” ผู้เขียนของยกตัวอย่าง กีต้าร์โปร่งยี่ห้อ “Taylor” มาเป็นตัวอย่าง เพื่ออ้างอิงการในการค้นหา “สิ่งที่เหมาะกับคุณ”
เนื่องจากกีต้าร์โปร่งยี่ห้อนี้ (Taylor Guitars) เป็นผู้คิดค้น และพัฒนารูปร่างกีต้าร์โปร่ง ออกมาสู่ผู้เล่น ในหลากหลายรูปแบบ (Body Shapes)
ซึ่ง กีต้าร์โปร่ง Taylor แต่ละรูปทรง ล้วนได้รับการยอมรับจากผู้เล่นทั่วโลก และแน่นอนว่า Taylor Guitar ในแต่ละ Body Shape ก็ให้เสียงที่แตกต่างกัน
มีความเหมาะสมกับสไตล์การเล่น ที่แตกต่างกันออกไป


ปัจจุบัน(ปี 2013) “Taylor Guitars” ได้คิดค้นรูปทรงกีต้าร์โปร่ง ออกมาทั้งสิ้น 8 รูปทรง (body shapes) ดังนี้…

1. Grand Concert (รหัสรุ่น ลงท้ายด้วยเลข 2)
2. Grand Auditorium (รหัสรุ่น ลงท้ายด้วยเลข 4)
3. Grand Symphony (รหัสรุ่น ลงท้ายด้วยเลข 6)
4. Grand Orchestra (รหัสรุ่น ลงท้ายด้วยเลข 8 เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งนำออกมาจำหน่ายในปี 2013)
5. Dreadnought (รหัสรุ่น ลงท้ายด้วยเลข 0)
6. GS Mini
7. Baby
8. Big Baby

ภายใต้หัวข้อ “Find Your Fit” ผู้เขียนขอพูดถึง “Taylor Guitars” ที่เป็นทรง/ขนาดมาตรฐาน
จำนวน 5 Body-Shapes ที่ได้รับความนิยม และ มีอิทธิผลต่อผู้เล่นเป็นอย่างมาก ดังนี้

1. Grand Concert (GC Body Shape)
ย้อนหลับไปปี 1984 กว่า 10 ปี (นับจากปี 1974 ที่บริษัท Taylor เริ่มต้นทำกีต้าร์โปร่ง)
บริษัท Taylor Guitar ได้ใช้เวลาคิดค้นกีต้าร์โปร่งทรง “Grand Concert” (เรียกกันสั้นๆว่า GC Body)
เพื่อตอบความต้องการ ที่เหมาะกับผู้เล่นในสไตล์ Finger-Picking หรือ Finger-Style

ผู้เล่นในแบบ Finger-Picking ต้องการตัวโน๊ตที่ใส ชัดเจน แม้ว่าจะเล่นด้วยน้ำหนักที่เบาก็ตาม
หางเสียง (sustain) ที่สั้น ช่วยให้การแยกแยะ และการได้ยินตัวโน๊ต มีความยิ่งชัด
ดูลงตัว และ เหมาะสมมากกับ Grand Concert Body Shapes ที่ทาง Taylor ได้คิดค้นขึ้นมา
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จากอดีตถึงปัจจุบัน กีต้าร์ Taylor ทรง Grand Concert ยังคงได้รับความนิยมมจากผู้เล่น อยู่อย่างต่อเนื่อง

Taylor ขนาด Grand Concert เป็นกีต้าร์ที่มีขนาด สเกลที่สั้นที่สุด ในบรรดากีต้าร์ขนาดมาตรฐานที่ Taylor ได้คิดค้นออกมา
สเกลที่สั้น ทำให้แรงดึงของสายน้อยลง ส่งผลให้รู้สึกสบายในการเล่น, ง่ายในการควบคุมการเล่นทั้งมือซ้าย และมือขวา
ด้วยน้ำหนักตัวกีต้าร์ Grand Concert ที่เบา จึงทำให้รู้สึกสบายในการประครองกีต้าร์ และ รู้สึกผ่อนคลายในการเล่น

หากคุณกำลังมองหากีต้าร์ขนาดกระทัดรัด (แต่เสียงไม่เล็ก) สเกลที่สั้น เพิ่มความรู้สึกสบายในการเล่น
และ เพื่อให้เหมาะกับการเล่นในแบบ Finger-Picking , กีต้าร์ Taylor ขนาด Grand Concert ตอบโจทย์ให้กับคุณได้แน่นอน

บทสรุปสำหรับ Grand Concert (GC Body Shape)
– เหมาะกับสไตล์การเล่นแบบ Finger-Picking (หรือ Finger-Style)
– เล่นแล้วให้ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย เล่นได้นานโดยไม่รู้สีกเมื่อยล้า
– กีต้าร์ขนาดกระทัดรัด (compact size) น้ำหนักเบา แต่เสียงไม่เล็ก ง่ายต่อการพกพา ออกนอกสถานที่

2. Grand Auditorium (GA Body Shape)
หลังจากที่ Taylor Guitar ได้คิดค้น พัฒนา Grand Concert จนได้รับความนิยมจากผู้เล่นอย่างกว้างขวางทั่วโลก
10 ปีต่อมา คือในปี 1994 บริษัท Taylor ได้คิดค้นรูปทรงกีต้าร์โปร่ง ภายใต้ชื่อ “Grand Auditorium” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “GA Body”
ด้วยความที่ต้องการตอบโจทย์ผู้เล่นที่ชอบเล่นในแบบ Strumming หรือตีคอร์ด ที่ต้องการเสียงที่มีพลัง และมีเนื้อเสียงที่ใหญ่กังวาน
มากกว่าขนาด GC (Grand Concert)

Grand Auditorium อยู่กลางระหว่างกีต้าร์ขนาด Dreadnought และ Grand Concert
สามารถเล่นได้ดี ทั้งในแบบ Finger-Picking และ Strumming

จึงเปรียบเป็นอาวุธที่ครบเครื่อง ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ได้ดีในทุกๆ สไตล์การเล่น

สำหรับสเกลความยาวของตัวกีต้าร์ จะเท่ากับ กีต้าร์ขนาด Dreadnought ต่างกันที่ความโค้งของส่วนเอว
ที่ Grand Auditorium มีส่วนโค้งของเอวมากกว่า จึงช่วยทำให้รู้สึกสบายในการโอบประครองกีต้าร์ (ลดอาการเมื่อยล้า)

การเล่นแบบ Finger-Picking จะให้ย่านเสียงแต่ละย่านที่ชัดเจนมาก และย่านเสียกลางจะโดดเด่นไปทางกลางต่ำ
ส่วนเสียงเบส หรือย่านเสียงต่ำนั้น จะให้เสียงที่กังวาน โทนเสียงเบสจะหวาน แต่ไม่ลึกเท่ากับ Dreadnought
ทาง Taylor จึงได้เคยบอกไว้ว่า Grand Auditorium จะให้เสียงกีต้าร์ ในแบบกีต้าร์ยุคใหม่ เพื่อตอบสนองผู้เล่นสมัยใหม่
เพลงที่ต้องการซาวด์ที่ทันสมัย

สำหรับการเล่นในแบบ Strumming(ตีคอร์ด) ส่วนใหญ่ทั้งหมด จะใช้ pick เล่น เพื่อตีคอร์ด (Flat-Picking Style)
โดยจะใช้น้ำหนักมือขวาค่อนข้างมาก Grand Concert ที่ Taylor เคยคิดค้นก่อนหน้านี้ ดูจะเล็กเกินไป
ที่จะตอบโจทย์การเล่นสไตล์นี้ ในทางกลับกัน Grand Auditorium กลับให้เเสียงที่กังวาน และมีความบาล้านในทุกๆย่านเสียง

จากอดีตถึงปัจจุบัน กีต้าร์โปร่ง Taylor ขนาดมาตรฐานทั้ง 5 รูปทรง (body shapes)
ที่ทาง Taylor ได้คิดค้น นั้น “Grand Auditorium” ได้รับความนิยมจากผู้เล่นทั่วโลก สูงที่สุดเป็นอันดับ 1
และในปัจจุบัน กีต้าร์โปร่งหลายๆ ยี่ห้อ ได้นำ รูปทรง Grand Auditorium ไปเป็นต้นแบบในการผลิตกีต้าร์โปร่ง

ปัจจุบันกีต้าร์ Taylor ขนาด/รูปทรง GA กลายเป็น “Signature” ของกีต้าร์ Taylor
ในบรรดานักเล่นกีต้าร์โปร่ง หรือนักสะสมกีต้าร์โปร่ง เป็นที่รู้กันว่า หากใครที่ต้องการจะซื้อกีต้าร์โปร่งยี่ห้อ Taylor เป็นตัวแรก
“Grand Auditorium” คือกีต้าร์ตัวแรกที่ต้องมี เพื่อที่่จะสามารถตอบสนองการเล่นได้หลากหลายรูปแบบ (Over All)

บทสรุปสำหรับ Grand Auditorium (GA Body Shape)
– เหมาะกับสไตล์การเล่นหลากหลายรูปแบบ ทั้ง Finger-Picking และ Strumming (Flatpicking Style)
– ผู้เล่นที่ต้องการความหลากหลายในการใช้งาน เรียกว่า คุณมี Grand Auditorium ตัวเดียว คุณสามารถใช้กับการเล่นได้หลายรูปแบบ
– สำหรับผู้เล่นที่ on-stage (แสดงบนเวที) Grand Auditorium สามารถแข่งขัน และเข้ากันได้ดี กับเครื่องดนตรีชนิดอื่น
– แม้จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าทรง Grand Concert ที่เหมาะกับการเล่นในแบบ Finger-Picking ที่สุด
แต่การตอบสนองการเล่นในแบบ Finger-Picking ผ่านทรง Grand Auditorium ก็ยังทำได้ดี
แม้ว่าผู้เล่นจะเล่นเพียงเบาๆ ก็ยังสามารถได้ยินเสียงโน๊ตที่ใส และ ชัดเจน

3. Grand Symphony (GS Body Shapes)
ในปี 2006 (12 ปี หลังจากคิดค้น Grand Auditorium) บริษัท Taylor Guitars ได้คิดค้น พัฒนากีต้าร์ทรงใหม่ ออกมาอีกครั้ง
ภายใต้ชื่อ “Grand Symphony” เพื่อตอบโจทย์ผู้เล่น ที่เน้นสไตล์การเล่นแบบ Strumming ซึ่งต้องการย่านเสียงเบส, ย่านเสียงกลาง
โทนเสียงโดยรวมที่หนากังวาน เป็นพิศษ แต่ยังต้องเล่นแบบ Finger-Picking ได้

“Grand Symphony” เพิ่มขนาดของลำตัว (Bod Width) ที่กว้างกว่า Grand Auditorium ขึ้นเล็กน้อย
เพื่อให้ความโดดเด่นในย่านเสียงกลาง (middle) และย่านเสียงต่ำ (bass/Low-End) มากเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะในส่วนของ Sustain (หางเสียง) จะต่ำลง เมื่อเล่นในแบบ Strumming จะได้เสียงที่มีความกระชับ

ผู้เล่นกีต้าร์ในสไตล์ bluegrass ที่เน้นการตีคอร์ด มักจะนิยมกีต้าร์ ที่ให้เสียงที่ดัง หนา และ กังวานมาก เป็นพิเศษ
เพื่อแข่งกับเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ ซึ่งนานมาแล้ว (เกือบ 100 ปี) ที่ผู้เล่นกลุ่มนี้ มักจะนึกถึงเพียงกีต้าร์ทรง “Dreadnought”
Grand Symphony คืออีกหนึ่งทางเลือกเพื่อสไตล์การเล่นนี้ โดยทาง Taylor บอกไว้ว่า Grand Symphony จะมีความพิเศษมากกว่า
ตรงที่…ความสบายในการเล่น ด้วยรูปทรงที่โค้งมน รับเข้ากับลำตัวของผู้เล่นมากกว่า และความโค้งมนของเอว จะเพิ่มย่านเสียงเบสให้ใส และกังวาน มากขึ้น

บทสรุปสำหรับ Grand Symphony (GS Body shape)
– เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชอบเล่นในแบบตีคอร์ด (strumming) แต่ต้องตอบสนองการเล่นแบบ Finger-Picking ได้ดีพอสมควร
– เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการเสียงที่ดังกังวาน จากย่านเสียงต่ำ กลาง สูง
– เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการความแตกต่าง ที่ไม่ยึดติดกับกีต้าร์ทรง Dreadnought
– สามารถตอบสนองการเล่น ทั้งแบบ Finger-Picking และ Strumming

4. Grand Orchestra (GO Body Shape)
ในปี 2013 ล่าสุดนี้ บริษัท Taylor ได้คิดค้น พัฒนากีต้าร์ขนาด/รูปทรงใหม่ออกมา ภายใต้ชื่อ “Grand Orchestra” หรือ “GO”
Taylor Grand Orchestra เป็นกีต้าร์ขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่ Taylor เคยทำมา (ยกเว้น Jumbo Size ที่เลิกผลิตแล้ว)

ในปีแรกนี้ บริษัท Taylor Guitars ได้นำเสนอออกมาจำหน่าย 3 รุ่น คือ 518e, 618e และ 918e

กีต้าร์ Taylor ทรง “GO” ออกแบบมาเพื่อสืบทอด และต่อยอดกีต้าร์ทรง Jumbo Size ในแบบ Traditional Jumbo (ในแบบยุคเก่า/ดั้งเดิม)
แม้ Grand Orchestra จะคล้ายคลึงหรือต่อยอดมาจาก Jumbo Size ในยุคโบราณ แต่ทางทีมคิดค้น “Grand Orchestra”
ตั้งแนวความคิดที่อยากจะให้กีต้าร์ทรงใหญ่นี้ “มีความทันสมัย” (modern big-bodied guitar)

โดย Taylor Guitar ได้แหกกฎอีกครั้ง ด้วยการออกแบบใหม่ แม้รูปร่างจะมีความใกล้เคียง และคล้ายกับ Jumbo ที่ผู้เล่นรู้จักกันดี
แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือ โทนเสียง ด้วยการคิดค้น และวางโครงสร้างภายใน (braced) ใหม่ ด้วยการขยับตำแหน่ง
เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างให้กับการสะท้อนของเสียง และยังทำเทคนิคพิเศษกับ sound-board หรือไม้หน้า
ทำให้ Grand Orchestra สามารถช่วยดึงย่านเสียงกลางและต่ำ ให้มีความกังวานกว่า Jumbo Guitar ทั่วไป

การวางโครงสร้าง และเทคนิคพิเศษการทำ sound-board ใหม่ เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นจุดเด่นสำหรับ Grand Orchestra
คือ “คุณไม่จำเป็นต้องใช้กำลังของมือขวา ด้วยการเล่นที่แรงสุดกำลัง” คุณก็สามารถได้ยินเสียงกีต้าร์ที่ครบทุกย่านเสียง

ปกติแล้ว ผู้เล่นกีต้าร์ขนาด Jumbo ต้องใช้กำลังของมือขวาค่อนข้างมากในการตีคอร์ด เพื่อให้ได้ยินเสียงที่ชัดเจน
การเล่นด้วยกำลังที่มาก เมื่อเล่นในระยะเวลานานๆ จะรู้สึกเมื่อยล้ามือขวา ดังนั้น “คุณเพียงออกแรงเท่าเดิม แต่ได้ยินเสียงที่ชัดเจนขึ้น”

บทสรุปสำหรับ Grand Orchestra (GO Body Shape)
– เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่เน้นการเล่นในแบบตีคอร์ด (Strumming) เพื่อให้ได้เสียงที่หนา และ มีพลังเป็นพิเศษ
– เหมาะกับสไตล์เพลง ที่มีคอร์ดง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เช่นสไตล์การเล่นเพลง Country เป็นต้น
– สำหรับผู้ที่เคยเล่นกีต้าร์ Jumbo size ในแบบอดีตที่ผ่านมา อาจจะรู้สึกเหนื่อยกับการเล่น เพราะต้องใช้แรงมาก
Grand Orchestra ตัดปัญหาเหล่านี้ให้กับผู้เล่น ด้วยการพัฒนาโครงสร้างใหม่ เพื่อให้ Jumbo size มีเสียงที่กังวาน และชัดเจนมากขึ้น
– แม้จะเหมาะกับการเล่นแบบ Strumming ที่สุด แต่การตอบสนองการเล่นในแบบ Finger-Picking ยังทำได้ในระดับหนึ่ง

5. Dreadnought (DN Body Shape)
กีต้าร์ทรง Dreadnought ถือเป็นกีต้าร์ทรงมาตรฐาน ที่ได้รับความนิยมจากผู้เล่น มาอย่างยาวนาน
โดยบริษัทที่คิดค้น และพัฒนา คือบริษัท C.F. Martin หรือ Martin Guitars ที่ผู้เล่นกีต้าร์โปร่งทั่วโลก รู้จักกันเป็นอย่างดี

กีต้าร์ทรง Dreadnought ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เล่นสไตล์ Folk Music, American Country Music, เป็นต้น
จากสไตล์การเล่นข้างต้น สำหรับผู้เล่นที่ต้องการ กีต้าร์โปร่ง ที่ให้ย่านเสียงที่หนา ชัดเจน มีความกังวาน แข็งแรง และมีพลัง
กีต้าร์ทรง Dreadnought ตอบโจทย์ได้ดีมาก

Taylor Dreadnought กับ Taylor Grand Symphony จะให้เสียงที่มีความใกล้เคียงกัน ที่แตกต่างกัน คือ ย่านเสียงกลาง
Taylor Dreadnought ย่านเสียงกลาง จะให้โทนเสียงที่สูง ในทางกลับกัน
Taylor Grand Symphony ย่านเสียงกลาง จะให้โทนเสียงที่ต่ำกว่า

พอจะสรุปได้ว่า ถ้าผู้เล่นชอบเสียงที่ดุดัน/คมๆ กีต้าร์ทรง DN น่าจะตอบสนองได้ดีกว่า แต่หากผู้เล่นชอบเสียงที่นุ่มนวลสักนิด GS น่าจะทำได้ดีในส่วนนี้

บทสรุปสำหรับ Dreadnought (DN Body Shape)
– เหมาะสำหรับผู้เล่น ที่ชอบแนวดนตรี Folk Music, American Country Music เป็นต้น
– เหมาะสำหรับผู้เล่นในสไตล์ Flat-Picking / Strumming ที่สุด
– เหมาะสำหรับผู้เล่น ที่ต้องการเสียงที่ดุดัน เข้มแข็ง มีพลัง
– เป็นกีต้าร์ที่ให้การตอบสนองของทุกๆ ย่านเสียง (Low-End, Middle, Treble) ที่ไวมาก

ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านผู้อ่านจะได้แนวทางให้กับตัวเอง สำหรับกีตาร์ตัวต่อๆไปที่ท่านกำลังจะซื้อ เพื่อให้ได้กีตาร์ที่เหมาะกับคุณ…

ขอขอบคุณร้าน Music Collection (ตัวแทนจำหน่าย Tayor Guitar) สำหรับหนังสือ “Wood & Steel”
เขียน/เรียบเรียงโดย : ทีมงานอะคูสติกไทย