ก่อนจะตอบคำถาม ขออธิบายก่อนว่าทำไมฝรั่งเขาถึงบอกว่าโครงสร้างกีตาร์โปร่งนั้นคือ "An implosion waiting to happen" หรือ "การพับตัวที่รอเวลาเกิด"
กีตาร์โปร่งนั้นถูกดึงด้วยแรงขนาด 65-80 กิโลจากสายกีตาร์ตลอดเวลาเหมือนกับคันธนู แรงดึงนี้กระทำที่หัวและ bridge ทำให้คอโก่งและท้องป่องเมื่อเวลาผ่านไปเป็นสิบปีและไม้เริ่มมีอาการล้าอย่างในรูป
อาการนี้เกิดกับกีตาร์โปร่งทุกตัวที่ขึ้นสายทิ้งใว้แต่จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของเนื้อไม้และโครงสร้างตัวอย่างเช่น
1. กีตาร์ Martin มีอายุเฉลี่ยประมาณ 20-25 ปีก่อนจะต้องทำ neck reset ถ้าใช้สายเบอร์ .013 กีตาร์ Guild USA ทนกว่าเยอะเพราะเขา overbuilt ซึ่งทำให้เสียงดังสู้ Martin ไม่ใด้ ถ้ามาเก็บในอากาศร้อนชื้นก็ควรลดขนาดสายลงมาเพื่อความสบายใจครับ
2. กีตาร์ญี่ปุ่นราคาสูง all solid อย่าง Yamaha หรือ K. Yairi จากยุค '70s-'80s ไม่ค่อยเจอปัญหานี้แต่พวกราคาถูกที่ใช้ไม้ nato มาทำคอมักมีอาการคอล้าเพราะไม้มันไม่ยืดหยุ่นเหมือน mahogany
คงไม่มีใครตอบใด้ว่ากีตาร์ของคุณสามารถทนแรงดึงใด้เท่าไหร่แต่ถ้าเป็นกีตาร์เก่าก็ต้องเช็คว่าคอมันยกและท้องมันป่องหรือยังโดยใช้ไม้บรรทัดเหล็ก 24" วางบน fretboard แล้วดันปลายไปให้ชน bridge ถ้าปลายสูงกว่าด้านบนของ bridge ก็สดงว่าสภาพยังแจ๋วอยู่ ถ้าปลายไปชน bridge ก็แสดงว่าคอยกแล้ว ถ้าเช็คแล้วคอยังไม่ยกก็ใส่สายเบอร์ .012 ใด้เลยครับ
Pitch vs. String Tensionการลดแรงดึงของสายสามารถทำใด้โดยการตั้งสายให้ต่ำกว่า standard pitch E-E' แล้วคาดคาโปเอาเวลาเล่น ถ้าต้องการทราบตัวเลขก็หาใด้จากโปรแกรม "String Tension Calculator" (
https://tension.stringjoy.com/) ครับ