Untitled Document

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม tone bars กีต้าร์มือซ้ายเอียงคนละด้านกันกับมือขวาครับ  (อ่าน 1548 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

leomonke

  • member
  • ***
  • กระทู้: 96


tone bars มันทำหน้าที่อะไร ใครพอทราบบ้างครับ

TOM1869

  • member
  • ***
  • กระทู้: 19,247
Tone bar  มันคือ อะไรครับ
Line id: 081-8718003

Ods16339

  • member
  • ***
  • กระทู้: 1,450
ลองดูอันนี้ครับ เผื่อจะตรงกับที่ถาม
https://m.youtube.com/watch?v=bNchJIfT2O8

leomonke

  • member
  • ***
  • กระทู้: 96
ไม้ 2 เส้น ที่คาดใต้ bridge plate อ่ะครับ
ถ้าดูจากรูป มันจะคาดจากบนซ้ายลงมาล่างขวา

แต่ผมเห็นในกีตาร์มือซ้าย มันคาดจากบนขวาลงมาล่างซ้าย
ก็เลยสงสัยว่ามันทำหน้าที่เกี่ยวกับเสียงอย่างไรครับ
ช่างทำกีตาร์ถึงตั้งใจติดสลับด้านกัน

Double X bracing กับ V bracing นี่พอเข้าใจครับ
เพราะมันบาลานซ์กันทั้ง 2 ด้าน




Ods16339

  • member
  • ***
  • กระทู้: 1,450
ไม้ 2 เส้น ที่คาดใต้ bridge plate อ่ะครับ
ถ้าดูจากรูป มันจะคาดจากบนซ้ายลงมาล่างขวา

แต่ผมเห็นในกีตาร์มือซ้าย มันคาดจากบนขวาลงมาล่างซ้าย
ก็เลยสงสัยว่ามันทำหน้าที่เกี่ยวกับเสียงอย่างไรครับ
ช่างทำกีตาร์ถึงตั้งใจติดสลับด้านกัน

Double X bracing กับ V bracing นี่พอเข้าใจครับ
เพราะมันบาลานซ์กันทั้ง 2 ด้าน





ตามความเห็นส่วนตัวนะครับ
กีตาร์มือขวามาตรฐาน. ก็จะวางเอียงจากซ้ายมาขวา
พอเป็นมือซ้ายทุกอย่างก็ควรจะสลับด้านกันหมดทั้งbracing
Nut saddleและสายกีตาร์. ตัวtonebarการจัดวางน่าจะสัมพันนธ์กับโทนเสียงทั้งเบสและแหลมครับ
กีตาร์มือซ้ายเลยต้องสลับด้านการวางtonebarตามด้วยครับ

กฤษณ์

  • member
  • ***
  • กระทู้: 4,166
ก่อนจะคุยเรื่อง "tone bars" ผมขอย้อนกลับไปคุยเรื่อง top bracing ของกีตาร์ก่อนนะครับ

History of Modern Guitar Bracing Styles

เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อนนั้นกีตาร์สายเหล็กและกีตาร์ทรงใหญ่ยังไม่เกิด สไตล์ของ bracing ที่นิยมใช้กันก็คือ bracing รูปพัดหรือ fan bracing ความเปลี่ยนแปลงสองครั้งใหญ่เกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ปีโดยช่างสองคนในสองทวีปครับ

ในปี 1843 Christian Frederick Martin ใด้เริ่มใช้ X bracing ซึ่งต่อมาก็กลายเป็น bracing มาตรฐานสำหรับกีตาร์สายเหล็กในปัจจุบันและในปี 1850 Antonio Torres ใด้เริ่มใช้ fan bracing Torres style ที่เหนือชั้นกว่าสไตล์เดิมๆมากมายและก็เป็น bracing มาตรฐานของกีตาร์สายไนล่อนในปัจจุบัน




ถ้าดูจากรูปผมคิดว่าเป้าหมายหลักของ C.F. Martin ในตอนนั้นคือการออกแบบ bracing ที่ไม่ยุ่งยากและประหยัดเวลามากกว่า fan bracing เพราะใช้ brace เพียง 6 ชิ้น เรื่องที่ X bracing แข็งแรงกว่าสำหรับกีตาร์สายเหล็กที่เริ่มมีขายหลังจากนั้นกว่าเจ็ดสิบปีน่าจะเป็นเรื่องโชคช่วยครับ

ถ้าอยากทราบว่า Martin ปี 1843 เสียงดีแค่ไหนก็ลองฟังใด้เพราะเขาเพิ่งทำรุ่น replica ออกมาขายในราคาสามแสนบาท

<a href="http://youtu.be/5zDEHjyl2DI" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/5zDEHjyl2DI</a>



วิวัฒนาการของ Tone Bars

Tone bar นั้นเขาใช้ในเครื่องสายประเภท violin, viola, cello มาหลายร้อยปีแล้วและมีการนำมาใช้กับ archtop guitar ในยุคหลังด้วย เครื่องดนตรีพวกนี้เขาขุดไม้หน้าจากไม้ท่อนหนาๆจึงมีความแข็งแรงมากจนไม่ต้องใช้ bracing หน้าที่หลักของ tone bar คือการช่วยให้เสียงเพราะขึ้นโดยเพิ่ม resonance ในย่านเสียงต่ำครับ




ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเอาศัพท์นี้มาใช้กับกีตาร์โปร่งแต่สมัยนี้ tone bars มีใช้กันแทบทุกสไตล์ของ bracing ของกีตาร์สายเหล็กซึ่งเขาวางตามขวางในขณะที่พวก archtop จะวางตามยาวในรูปข้างบน




หน้าที่ของ tone bar ที่วางในแนวขวางนั้นน่าจะเป็นการจำกัดการบิดตัวของ bridge และไม้หน้าในแนวขนานกับ grain ซึ่งตา Ervin Symogyi บอกว่าจะช่วยลด resonance ของเสียงแหลมของกีตาร์สายเหล็ก (จริงหรือเปล่าผมไม่ทราบ)




สรุปว่าผมไม่ทราบเหมือนกันว่าการวาง tone bars สลับด้านมีผลต่อเสียงโดยรวมแค่ไหน ถ้าอยากรู้มากกว่านี้คงต้องไปถามคนสร้างหรือถามท่านนายกฯเพราะท่านบอกว่าท่านใช้กูเกิ้ลเก่งกว่าคนไทยทั่วไปอย่างผมเยอะครับ








leomonke

  • member
  • ***
  • กระทู้: 96
ขอบคุณมากๆเลยครับ ได้ความรู้สุดๆ