ถ้าเจ้าของเก่าเพิ่งซื้อมาแล้วขายต่อเลยก็คงเป็นไปใด้ว่าคงมีใครซนไปเซ็ทอัพเล่นจนเกิดอาการผิดปกติแล้วก็เลยรีบขายต่อ คนที่รู้ความจริงก็คือคือเจ้าของเดิม ถ้าเขาเป็นเพื่อนคุณก็ลองถามเขาดูครับ
ถ้ายังคิดจะซ่อมเองก็ลองมาเดาสาเหตุกันว่าเกิดจากอะไรแน่ ผมว่าสาเหตุสำคัญเกิดจากเจ้าของเดิมเล่นแล้วเจ็บนิ้วก็เลยเอากีตาร์ไปฝน saddle ให้เตี้ยลงจะใด้เล่นง่ายขึ้นแต่ฝนเตี้ยไปหน่อยสาย 4, 5, 6 ที่เส้นใหญ่และแกว่งเยอะก็เลยไปตีเฟร็ตตอนสตรัมหนักๆ วิธีแก้ก็ง่ายนิดเดียวถ้าเป็นกีตาร์โปร่งทั่วไปคือลองตัดเครดิตการ์ดมารองใต้ saddle เดิมให้มันสูงขึ้นมานิดหน่อยแลัวปรับคอให้เล่นง่ายขึ้น
Taylor ES2 มันไม่ใช่กีตารทั่วไปเพราะมันมีแผ่น piezo ดันด้านหลัง saddle อยู่สามแผ่นทำให้คุณไม่สามารถถอด saddle ออกมาใด้ถ้าคุณไม่คลายเกลียวให้มันถอยกลับไปโดยใช้ allen wrench ขนาด .05" ที่ Taylor เขาไม่ใด้แถมมาให้และผมไม่ทราบว่าเขามีขายหรือเปล่าด้วย (ถ้าไม่มีขายก็แสดงว่าคนที่ถอด saddle ออกมาฝนอาจเป็นพนักงานที่ร้าน) ถ้าดูคลิปที่ผมลงใว้ข้างบนแล้วไม่เข้าใจก็ลองดูรูปข้างล่างครับ
การถอด saddle ของระบบ ES2 ทำใด้โดยการหมุนตัวสกรูปรับทวนเข็ม (ใช้ประแจหกเหลี่ยมขนาด .05") ให้แท่ง piezo ทั้งสามแท่งหดกลับเข้าไปก่อนจะถอด saddle เมื่อใส่ shim แล้วก็วาง saddle ลงไปและขันตัวสกรูตามเข็มให้แท่ง piezo มันดันด้านหลังของ saddle จนแน่นพอดีๆ การปรับสกรูทั้งสามตัวให่มีแรงดันเท่ากันเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าไม่เท่าสายจะดังไม่เท่ากัน (อย่างในรูปข้างบนจะเห็นใด้ว่าสกรูตัวกลางมันคลายอยู่ทำให้ piezo ที่รับสัญญาณจากสาย 3, 4 มันหดเข้าไปด้านใน)
ถ้าคุณมีประแจเบอร์ .05" จะลองตั้งบาลานซ์ดูเองก่อนก็ใด้เพราะผมคิดว่าตอนนี้ที่สาย 6 ดังน่าจะเป็นเพราะช่างคนเดิมขันสกรูของ piezo สาย 5, 6 แน่นเกินไปครับ