Untitled Document

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าจะซื้อ martin d28 ควรซื้อ ตัวที่ผลิตปีไหนครับ  (อ่าน 3096 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

pkeerati

  • member
  • ***
  • กระทู้: 98
ถ้าจะซื้อ martin d28 ควรซื้อ ตัวที่ผลิตปีไหนครับ

กฤษณ์

  • member
  • ***
  • กระทู้: 4,162
Re: ถ้าจะซื้อ martin d28 ควรซื้อ ตัวที่ผลิตปีไหนครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2019, 11:48:11 »
ถ้าจะถามละเอียดขนาดนี้ ผมก็ต้องถามกลับว่าจะซื้อเอามาทำอะไร เอามาเล่นหรือเอามาสะสม ถ้าซื้อเอามาเล่นโดยไม่สนใจเรื่องราคาขายต่อก็ง่ายหน่อยเพราะมีข้อควรระวังเรื่องปีที่ผลิตอยู่แค่สองข้อใหญ่ๆคือ

1. Martin รุ่นก่อนปี 1985 นั้นปรับ truss rod ไม่ใด้ พอมาอยู่เมืองไทยที่ทั้งร้อนทั้งชื้นท้องอาจบวมจนเล่นยาก

2. ระหว่างปี 2010-2017 Martin เปลี่ยนกาวที่ใช้ติด binding เป็นกาว water base ทำให้ binding หลุดกันเยอะมาก เวลาซื้อต้องดูให้ดีเพราะถ้ามันหลุดแล้วซ่อมให้เหมือนเดิมยากครับ




ถ้าซื้อมาเล่นก็พยายามหาตัวที่สภาพดี คอไม่ยก ท้องไม่ป่อง เรื่องเสียงนั้น D-28 ไม่ว่าปีไหนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ตัวที่เจ้าของเดิมเก็บไม่ดีเสียงจะทึบกว่าแต่เอามาเล่นซักพักเดี๋ยวเสียงมันก็เปิดเองครับ

D-28 นั้นเป็นกีตาร์สะสมด้วยแต่ผมยังไม่เล่าเรื่องการซื้อมาสะสมเพราะเรื่องมันยาวครับ

<a href="http://youtu.be/4rKD3KsG3Sc" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/4rKD3KsG3Sc</a>


<a href="http://youtu.be/gSJuBr9V67E" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/gSJuBr9V67E</a>



pkeerati

  • member
  • ***
  • กระทู้: 98
Re: ถ้าจะซื้อ martin d28 ควรซื้อ ตัวที่ผลิตปีไหนครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2019, 09:09:51 »
ขอบคุณน้ากฤษ์มากครับ สรุปง่ายๆก็คือ ถ้าซื้อมาเล่น ก็หา ปี 1985 -2009 แล้วก็ ปี 2018 นะครับ
 แล้วถ้าแนวสะสมละครับ รอฟังนะครับ น้ากฤษ์ ขอบคุณครับ

กฤษณ์

  • member
  • ***
  • กระทู้: 4,162
Re: ถ้าจะซื้อ martin d28 ควรซื้อ ตัวที่ผลิตปีไหนครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2019, 19:08:26 »
Martin D-28 เป็นกีตาร์รุ่นหนึ่งที่สะสมใด้เพราะราคามือสองยิ่งอายุมากยิ่งราคาสูงครับ




กีตาร์โปร่งนั้นมีเพียงบางรุ่นบางยี่ห้อที่นักสะสมเขาเล่นกัน เหตุผลที่กีตาร์เก่ามีราคาซื้อขายสูงกว่ากีตาร์ใหม่รุ่นเดียวกันก็เพราะไม้สวยๆมันกำลังจะหมดไปจากโลกแล้วและไม้ยิ่งอายุมากเสียงก็ยิ่งเปิด ถ้าไม้ชนิดไหนใกล้สูญพันธุ์จนมีกฎหมายห้ามซื้อขายก็ยิ่งทำให้กีตาร์ที่ทำด้วยไม้ชนิดนั้นมีราคาสูงขึ้นในตลาดกีตาร์สะสม

Martin D-28 นั้นถ้าคุณซื้อมาใช้แบบทนุถนอมแล้วปล่อยขายอีกสามสิบปีในอนาคตคุณใด้กำไรแน่นอน ถ้าคุณซื้อ D-28 มือหนึ่งราคา 27,600 บาทในปี 1982 คุณจะใด้กำไรเกิน 100% ถ้าคุณขายวันนี้ครับ

กีตาร์ vintage ญี่ปุ่นที่เป็น all solid ก็สะสมใด้นะครับ ลองดูตัวอย่างคือ Yamaha L-10 ปี 1979 ในรูปข้างล่าง




เมื่อสี่สิบปีก่อนคุณสามารถซื้อ L-10 พร้อมกล่องใด้ในราคาประมาณ 10,000 บาท ตอนนี้ L-10 รุ่นแรกสภาพเยี่ยมมีราคาซื้อขายประมาณหกหมื่นบาท คิดเป็นกำไรแล้วสูงกว่า Martin เยอะครับ

แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มสะสมกีตาร์โปร่งคุณควรทราบเรื่องข้อเสียของการสะสมก่อนนะครับ

เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วผมรู้จักนักสะสมกีตาร์โปร่งอยู่ท่านหนึ่งที่มีกีตาร์แพงๆเก็บใว้เกินสองร้อยตัวคิดเป็นมูลค่าเกินยี่สิบล้านบาทในตอนนั้น ตอนแรกก็ทำห้องโชว์กีตาร์เป็นตู้กระจกในห้องที่มีการควบคุมความชื้นและอุณหภูมิตลอด 24 ชั่วโมง ต่อมาพอเริ่มเบื่อก็ขายออกแต่ในเมืองไทยกีตาร์โปร่งราคาเป็นแสนมันไม่ใด้ขายกันง่ายๆเพราะตลาดมันเล็กมาก

เมื่อยังขายออกไม่หมดก็ย้ายกีตาร์ไปเก็บที่อื่นซึ่งไม่มีการควบคุมความชื้นและอุณภูมิ ผมใด้ไปเห็นและลองกีตาร์เหลือขายซึ่งมีอยู่ร่วมร้อยตัวที่อยู่ในสภาพถูกทอดทิ้ง มีหลายตัวอยู่ในสภาพที่คอยก ท้องป่อง บริดจ์เผยอ ๆลๆ ซึ่งน่าเศร้ามากครับ

การสะสมกีตาร์นั้นต้องมีการดูแลเอาใจใส่และมีค่าใช้จ่ายประจำมากพอสมควรนะครับ ก่อนที่ผมจะเขียนตอบผมก็ใด้ถ่ายรูปเครื่องวัดอุณภูมิและความชื้นในห้องที่ผมเก็บกีตาร์โปร่งใว้เป็นตัวอย่าง




ประเทศไทยมีความชื้นเฉลี่ย 73-80% ในขณะที่ Taylor Guitars แนะนำว่าในห้องเก็บกีตาร์ความชื้นควรอยู่ระหว่าง 45-55% ห้องผมมี RH =52% และอุณภูมิ = 27.3 C ซึ่งน่าจะทำให้กีตาร์มีความชื้นระดับพอดีๆแต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เช่นนั้นหรอกครับ

กีตาร์ไม้นั้นมันไม่สนใจเรื่องความชื้นสัมพัทธ์ ( relative humidity) มันสนใจแค่ปริมาณของไอน้ำในอากาศ (absolute humidity) ที่มีหน่วยเป็นกรัมต่อลูกบาศเมตร (g/Cu.M) ถ้าอากาศรอบตัวมีไอน้ำมากกว่าตอนที่มันอยูที่โรงงานมันก็ดูดน้ำเข้า ถ้าน้อยกว่ามันก็คายน้ำออก ดังนั้นตัวเลข % ความชื้นจึงไม่มีความหมายถ้าไม่มีตัวเลขอุณหภูมิกำกับ (เพราะอากาศยิ่งร้อนก็ยิ่งอมไอน้ำใด้มากขึ้น) ลองมาหาค่าปริมาณไอน้ำของกีตาร์ Taylor ตอนออกจากโรงงานกันครับ




โรงงาน Taylor มีการควบคุมอุณภูมิที่ 22 C @ 50% RH จากกร้าฟข้างบนจะเห็นใด้ว่าตามเงื่อนไขดังกล่าวมีไอน้ำอยู่ที่ 10 กรัมต่อ ลบม. ในห้องผมมีอุณหภูมิ 27.3 C @ 52% RH ซึ่งมีไอน้ำอยู่ 13 กรัมต่อ ลบม. ซึ่งทำให้กีตาร์ดูดน้ำเข้าและเสียงทึบขึ้นแน่นอน (ค่า absolute humidity ที่ Taylor แนะนำอยู่ระหว่าง 8-12 กรัมต่อ ลบม. นะครับ ถ้ามากกว่านี้ท้องจะเริ่มบวม ถ้าน้อยกว่าท้องจะเริ่มยุบ)

คำถามที่น่าสนใจก็คือความชื้นมากแค่ไหนถึงจะเป็นอันตรายต่อกีตาร์ที่ทำจากไม้ เนื่องจากไม้เป็นวัสดุธรรมชาติที่มีคุณสมบัติทางโครงสร้างแตกต่างกันระหว่างชิ้นต่อขิ้น การหาค่าปลอดภัยจึงควรใช้หลักการของ timber design ที่มี safety factor =2 หรือค่าความชี้นที่มากกว่า 2x10 = 20 กรัมต่อ ลบม. น่าจะเป็นอันตรายกับกีตาร์ของคุณถ้าปล่อยใว้นานๆ

จากกร้าฟข้างบน จะเห็นใด้ว่าจุดอันตรายเริ่มจากอุณหภูมิ 30 C @ RH 63% ( AH = 20 g/Cu.M) เท่านั้นเองครับ

ถ้าคุณควบคุมเรื่องอุณภูมิและความชื้นไม่ใด้ก็อย่าเพิ่งสะสมกีตาร์ all solid เลยครับ ความจริงมันก็ไม่ยากเท่าไหร่ถ้าคนที่คุณอยู่ด้วยเขาไม่ว่าอะไร อย่างผมนี่ยังเก็บใด้เกินสองร้อยตัว (โปร่งและไฟฟ้า) แต่ห้ามนอนดิ้นนะครับ

 






 

Treerat004

  • member
  • ***
  • กระทู้: 284
Re: ถ้าจะซื้อ martin d28 ควรซื้อ ตัวที่ผลิตปีไหนครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2019, 21:52:08 »
ขอถามน้ากฤษณ์หน่อยครับ งั้นถ้าผมจะหากีตาร์ที่น่าจะทนทานต่อความชื้นได้ดี(เอาไปเล่นที่บ้านพักในป่าช่วงฤดูฝน) ควรเป็นกีตาร์ All Laminate ใช่มั๊ยครับ

กฤษณ์

  • member
  • ***
  • กระทู้: 4,162
Re: ถ้าจะซื้อ martin d28 ควรซื้อ ตัวที่ผลิตปีไหนครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2019, 12:11:02 »
ขอถามน้ากฤษณ์หน่อยครับ งั้นถ้าผมจะหากีตาร์ที่น่าจะทนทานต่อความชื้นได้ดี(เอาไปเล่นที่บ้านพักในป่าช่วงฤดูฝน) ควรเป็นกีตาร์ All Laminate ใช่มั๊ยครับ

กีตาร์ all laminate ก็ยังมีชิ้นส่วนที่เป็นไม้แท้อย่างคอ neck block, bracing, kerfling ซึ่งทำให้กีตาร์พังใด้ถ้าเกิดการบวมตัวหรือหดตัวจากความชื้นครับ

อย่าง Martin HPL ก็ยังมีชิ้นส่วนที่เป็นไม้ ตัวในรูปไม้หน้าและหลังเปิดเพราะ kerfling ที่เป็นไม้หลุดจากการหดตัว




ส่วนกีตาร์ที่คอเป็นไม้นั้นถ้าหยิบออกมาจากกล่องแล้วสายเพี้ยนสูงก็แสดงว่าคอบวมจากความชื้นแล้ว ควรหาทางแก้ไขก่อนที่ bridge จะเผยอ

กีตาร์ที่ทนทานต่ออากาศร้อนชื้นอย่างบ้านเราก็คือกีตาร์ carbon fiber ทั้งตัวอย่าง Rainsong, Composite Acoustics ๆลๆ ที่ดันไม่มีใครเอามาขายในเมืองไทยครับ

<a href="http://youtu.be/VWQdxPnJ7-w" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/VWQdxPnJ7-w</a>


<a href="http://youtu.be/Hprv6MYR4M0" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/Hprv6MYR4M0</a>


กีตาร์ตัวที่ผมทิ้งใว้ที่หัวหินคือ Martin DXB ที่เป็น all laminate คอก็เป็น stratabond laminate ด้วย




https://youtu.be/1h61sAZRBAY


ถ้าจะหิ้วกีตาร์ไปต่างจังหวัดควรใช้ gig bag หนาๆที่กันฝนเพราะหิ้วสะดวกกว่าและกันความชื้นใด้ดีกว่า hard case เยอะครับ


Treerat004

  • member
  • ***
  • กระทู้: 284
Re: ถ้าจะซื้อ martin d28 ควรซื้อ ตัวที่ผลิตปีไหนครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2019, 22:23:41 »
ขอบคุณครับน้ากฤษณ์