คนญี่ปุ่นเขาไม่ใด้ให้ความสำคัญเรื่องไม้หลังว่าเป็น solid หรือ laminate เหมือนกับคนไทยครับ เหตุผลน่าจะเป็นเพราะโรงงานอย่าง Takamine และ K. Yairi เขาทำการ laminate เองทุกขั้นตอนและเลือกใช้ไม้ laminate ตามข้อใด้เปรียบทางกายภาพของมัน
การทำ laminate เองของโรงงานญี่ปุ่นนั้นเขาใช้ไม้ด้านบนและด้านล่างจากล้อตเดียวกับที่เลื่อยเป็นแผ่น solid แต่เลื่อยบางกว่าเพื่อเอามาสอดใส้กลาง ถ้าเป็นโรงงานอเมริกาอย่าง Martin หรือ Taylor นั้นเขาใช้ไม้ laminate สำเร็จรูปจากโรงงานอื่นเพื่อประหยัดต้นทุน โรงงานที่ทำไม้ laminate นั้นเขาใช้ใบมีดปอกไม้ผิวใด้บางเฉียบพอๆกับแผ่นกระดาษ (โรงงานกีตาร์ทำไม่ใด้เพราะไม่มีเครื่องมือ) และเสียงที่ใด้ก็คือเสียงของไม้ที่เป็นใส้ตรงกลางครับ
จุดอ่อนของไม้ laminate สำเร็จรูปก็คือถ้าเป็นกีตาร์ที่ใช้ไม้หลัง solid และไม้ข้าง laminate ลายของไม้มันไม่มีทางจะเหมือนกันเพราะมันมาจากไม้คนละต้น อย่างตอน Martin เริ่มทำ series 1 ที่ใช้ไม้ข้าง laminate นั้นถ้าเป็นรุ่น rosewood เขาต้องเปลี่ยนไม้หลังเป็นไม้ laminate ด้วยเพื่อให้ลายเหมือนไม้ข้าง
ราคาขายของ DMP751C ซึ่งตกรุ่นไปแล้วนั้นถ้ามาวิเคราะห์กันก็ไม่ใด้แพงนะครับ ผมขอใช้รุ่นปัจจุบันคือ TDP751C เป็นตัวอย่าง
TDP751C แพงกว่า PTU741 ซึ่งใช้ solid rosewood back อยู่ 15,000 yen เพราะใช้ปรีแอมป์รุ่นแพงกว่าเยอะ (ถ้าเป็นรุ่น CT-4DX ก็แพงกว่ารุ่น CT-4BII 15,000 yen พอดี)
ส่วนต้นทุนในการผลิต maple laminate นั้นก็คงไม่ใด้ถูกกว่า solid rosewood จึงไม่ใช่ประเด็น ถ้าจะเทียบกีตาร์ 2 รุ่นนี้ก็ต้องดูที่จุดประสงค์ของการใช้งานเป็นหลัก (พอดีผมมีทั้งสองรุ่น) ลองฟังเสียงดูครับ
ถ้าเล่นอยู่ที่บ้านผมว่า PTU741 ที่ใช้ solid rosewood back กินขาด (และถูกกว่าด้วย) แต้ถ้าเอาขึ้นเวที่ DMP741C เสียงพุ่งกว่าตามสไตล์ maple และคุมเสียงง่ายกว่าแน่นอนเพราะขนาด Bruce Springteen และ Jon Bon Jovi ก็ยังใช้ Takamine ที่เป็น laminated maple back/side ครับ