ถ้าไปซื้อ subwoofer มาใช้กับแอมป์กีตาร์โปร่งที่เป็นระบบ full range อยู่แล้วก็จะเสียเงินฟรีครับเพราะมันใช้ร่วมกันแล้วเบสจะบวมแน่นอน
พวก portable PA ที่ใช้ลำโพงขนาดเล็กหลายตัวมาจัดเป็นระบบ vertical line array นั้นเขาออกแบบมาให้ใช้กับ subwoofer ของเขาเองอยู่แล้ว ตัว PA ระบบนี้จะมีช่องต่อ sub out ซึ่งมีวงจร high pass filter ตัดเฉพาะย่านความถี่สูงไปเข้า power amp ส่วนที่ตัว sub ก็มี low pass filter ตัดเฉพาะย่านความถี่ต่ำไปเข้า sub วงจรทั้งสองต้องทำงานร่วมกันว่าจะเริ่มตัดตรงไหนและใช้ความชันเท่าไหร่เพื่อให้เสียงโดยรวมออกมาเป็นธรรมชาติที่สุด
อย่างระบบ SA330+SA Sub นี่ก็ต้องต่อจากช่อง sub-out ที่เขามีวงจรตัดความถี่ต่ำกว่า 100 Hz @ 15 dB/octave ทิ้งสำหรับแอมป์ของ SA330 และที่ตัว SA Sub ก็มี low pass filter ที่ 24 dsB/octave ที่ใช้ default value ที่ 100 Hz แต่ปรับใด้ถ้าต้องการเพิ่มหรือลดเบสเป็น 80/125 Hz.
ส่วนแอมป์กีตาร์โปร่งทั่วไปจะไม่มีช่อง sub out เพราะมันไม่จำเป็นครับ ถ้าต่อช่อง di out ตัว power amp ก็จะขยายเสียงทุกความถี่ส่วนลำโพงนั้นเขาออกแบบมาให้ถ่ายทอดความถี่ใด้ถึง 80 Hz เพราะกีตาร์โปร่งนั้นเสียงต่ำสุดอยู่ที่ 82 Hz. ความถี่ที่ต่ำกว่านั้นก็จะเบาลงประมาณ 6 dB/octave
ลองดูกราฟการตอบสนองความถี่ใด้ข้างล่างครับ
แอมป์กีตาร์โปร่งสมัยใหม่นั้นนิยมใช้ลำโพงขนาดใหญ่ไม่เกิน 8" เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใหญ่กว่านั้น ระบบ portable PA นั้นถ้าเอามาขยายเฉพาะเสียงกีตาร์และคนร้องก็ไม่จำเป็นต้องใช้ subwoofer แต่ถ้าเอามาใช้กับ keyboard ที่โน้ตต่ำสุดอยู่ที่ 27 Hz. ก็จำเป็นต้องใช้ครับ
ผมมีแอมป์กีตาร์โปร่งที่ใช้ลำโพง 8" อยู่หลายตัว เคยเอามาใช้กับกีตารไฟฟ้าประเภท hollow body อยู่ประจำก็ไม่เห็นว่าเบสมันจะไม่หนักพอ ลองฟังดูครับ
ส่วน acoustic amp ที่เบสมาเต็มนั้นผมแนะนำ Fender Acoustic 200 ราคา 22,500 บาท ลำโพง 8" สองตัวแต่หนักเพียงสิบกิโล ลองโทรฯถามก่อนนะครับว่าของหมดหรือยังเพราะขายดีมาก