"Woody Sound" เป็นคำศัพท์ที่ใช้กับกีตาร์ไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ซึ่งตามความเข้าใจของผมน่าจะแปลใด้ว่า "เสียงของเนื้อไม้" กีตาร์ไฟฟ้า solid body ราคาแพงนั้นถ้าคุณดีดสายเปล่าตัว body จะมี resonance ยาวมากแต่ถ้าเป็นกีตาร์ราคาถูกจะไม่มีเลย เมื่อเล่นออกแอมป์ถ้าเป็นกีตาร์แพงคุณจะใด้ยินเสียงของเนื้อไม้แต่ถ้าเป็นกีตาร์ราคาถูกคุณจะใด้ยินเสียงของปิคอัพเป็นส่วนใหญ่อย่างกีตาร์ Fender สองตัวนี้เป็นต้น
Fender Eric Clapton Strat ราคา 62,100 บาทใช้บอดี้ไม้ alder และคอ maple ที่เลื่อยแบบ flat-sawn ใช้ polyurethane finish ค่อนข้างหนาก็เลยไม่มีเสียงของเนื้อไม้ (woody sound) ให้ใด้ยินเลย
Fender Custom Shop 1966 Strat Relic ราคา 155,000 บาทใช้บอดี้ไม้ alder และคอ maple เลื่อยแบบ quarter-sawn ใช้ thin skin nitrocellulose finish บางเฉียบ ตัวนี้เสียงเนื้อไม้มาเต็มๆครับ
เวลาเลือกซื้อกีตาร์ไฟฟ้า solid body ผมจะลองกรีดสายเปล่าแล้วดูว่าตัวกีตาร์มันสั่นนานแค่ไหนก่อนเพราะพวกอุปกรณ์อย่างอื่นถ้าซื้อมาแล้วไม่พอใจก็เปลี่ยนใด้แต่ตัวบอดี้และคอมันเปลี่ยนไม่ใด้ครับ
ถ้าพูดถึงกีตาร์โปร่ง ผมเชื่อว่า "เสียงของเนื้อไม้" นั้นจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยสามประการ (สำหรับกีตาร์ all solid) ครับ
1. ชนิดของไม้...ไม้ mahogany และ koa มี character ที่ชัดเจนในย่านเสียงกลางและเสียงแหลม ไม้ rosewood นั้นไปมี bloom ในย่านเสียงต่ำ ส่วน maple นั้นเสียงค่อนข้างจะ neutral ดังนั้นกีตาร์ที่ทำด้วย mahogany ทั้งตัวจึงมี woody sound มากสุด
2. Type of Finish...กีตาร์ที่ใช้ nitro finish ซึ่งระเหยไปตามอายุจะมีการพัฒนาในเรื่องเสียงของเนื้อไม้ที่เพิ่มตามอายุในขณะที่ polyurethane หรือ catalyzed polymer finish เสียงจะไม่ค่อยเปลี่ยนตามอายุครับ
3. อายุ...ไม้ที่แห้งขึ้นตามอายุของกีตาร์จะมี woody sound มากขึ้น อย่าง Guild ตัวนี้อยู่กับผมมา 45 ปีแล้ว ตอนนี้เสียงของเนื้อไม้ออกมามากกว่าตอนซื้อมาใหม่เยอะมากครับ
"Woody Sound" นั้นเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว กีตาร์เสียงดีไม่จำเป็นจะต้องมีเสียงของเนื้อไม้อย่างตัวนี้ (ที่ไม่ใด้ทำด้วยไม้) เป็นต้น