เรื่องการเปรียบเทียบราคากีตาร์มือสองระหว่างร้านที่ญี่ปุ่นกับเมืองไทยนั้นไม่ยุติธรรมแน่นอนเพราะกีตาร์มือสองตามที่ขายกันในบ้านเรานั้นเขาก็ซื้อมาจากญี่ปุ่นและอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นกีตาร์รุ่นเดียวกันสภาพเดียวกันคนที่เอามาขายในบ้านเราก็ต้องเสียค่าขนส่งและภาษีเพิ่มจากต้นทุนค่ากีตาร์แล้วจะให้ขายราคาเดียวกับร้านญี่ปุ่นคงจะยากครับ
ดังนั้นมีอยู่สามทางที่คุณจะซื้อกีตาร์มือสองในบ้านเราใด้ถูกกว่าซื้อที่ญี่ปุ่น (แล้วหิ้วกลับมาเองโดยไม่เสียค่าขนส่งและภาษี) คือ
1. ซื้อจากคนที่เขายอมขายขาดทุนซึ่งก็หาใด้ตลอดเวลาในหน้าซื้อขายแต่ถ้าเขาทำเป็นการค้าเขาก็อยู่ไม่ใด้แน่นอน
2. ค่าซ่อมในญี่ปุ่นนั้นแพงกว่าค่าแรงช่างในบ้านเราหลายเท่า ดังนั้นพวกกีตาร์ที่สภาพไม่สมบูรณ์เขาจะขายเป็น junk ในราคาถูกเหลือเชื่อ พวกที่ขายเป็นอาชีพเขาจึงมีช่างประจำร้านเพื่อซ่อมแซมกีตาร์พวกนี้และขายให้คุณใด้ในราคาที่ถูกกว่าญี่ปุ่นโดยที่เขาเองก็ยังมีกำไร
3. กีตาร์บางยี่ห้อบางรุ่นที่กลายเป็นในตำนานที่ญี่ปุ่นตอนนี้ราคามือสองแพงมากแต่ในบ้านเราไม่มีใครรู้ก็เลยยังขายกันถูกๆก็มีอยู่หลายรุ่นครับแหล่งขายกีตาร์ในโตเกียวที่น่าจะใหญ่ที่สุดในโลกคือย่าน Ochanomizu เพราะมีร้านกีตาร์หลายสิบร้านแบบเดินดูสองวันเต็มๆก็ยังไม่ทั่ว กีตาร์มือสองที่ขายกันตามร้านนั้นเขาจะคัดมาแต่ตัวที่สภาพดีๆโดยไม่มีการย้อมแมวดังนั้นราคาจึงไม่ใด้ถูกนัก ข้อพึงปฏิบัติที่เวลาไปเดินเลือกซื้อก็มีง่ายๆดังนี้
1. ที่ญี่ปุ่นคนขายเขาจะทักทายคุณแต่จะไม่มีการเดินเข้ามาตื้อ คุณจะเดินดูทั้งร้านเขาก็ไม่ว่าอะไรดังนั้นไม่ต้องเกรงใจคนขายครับ
2. ถ้าสนใจตัวไหนก็บอกให้เขาเอามาขึ้นสายให้คุณลองเล่นเพราะกีตาร์ที่โชว์เขาจะคลายสายใว้ทุกตัว
3. ถ้าพอใจก็ซื้อโดยไม่ต้องต่อรองเพราะราคาป้ายคือราคาเน็ตครับ (ที่สิงค์โปร์ผมเคยเห็นคนไทยถูกไล่ออกจากร้านมาแล้วเพราะดันไปต่อราคาเขา)
4. พกพาสปอร์ตไปด้วยเพราะถ้าไปเจอร้านที่เคลม VAT ใด้คุณจะใด้ไม่ต้องเสียภาษี 8% แต่ต้องเอาพาสปอร์ตให้เขากรอกใบยกเว้นภาษีและเอาใบนี้ไปยื่นคืนให้ศุลกากรที่สนามบิน ความจริงคุณจะไม่ยื่นก็ใด้แต่ไม่ควรทำเพราะที่นั่นเขาใช้ honor system และน่าจะเป็นประเทศเดียวที่คืนภาษีให้คุณตอนซื้อเลย
5. พนักงานขายที่นั่นส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษ ถ้าคุณพูดญี่ปุ่นไม่ใด้และไม่มีล่ามก็ลองโหลดแอปแปลภาษาใว้ในมือถือด้วยหรือจะใช้ภาษามือก็ตามสะดวกครับ
เมื่อคุณไม่ใด้บอกว่าคุณมีงบมากแค่ไหนและมีเวลาเท่าไหร่ในการเดินเที่ยวร้านกีตาร์ผมเลยขอแนะนำร้านเดียวก่อน ร้าน Shimokura หาง่ายมากครับแค่เดินออกจากสถานี Ochanomizu (JR Line) ไปก็เจอแล้ว
ร้าน Shimokura มีสามร้าน แต่ละร้านมี 5-6 ขั้นแบ่งตามประเภทของเครื่องดนตรี ร้านใหญ่ป้ายเหลืองขายของใหม่ ส่วนอีกสองร้านคือ Part 1 และ Part 2 ขายของมือสองครับ
ร้านนี้มีกีตาร์โปร่งมือสองขายเป็นร้อยๆตัว มีใบอนุญาติคืน Vat ด้วยดังนั้นราคาที่คุณจ่ายจริงคือราคาสีแดงที่ไม่รวม Vat นะครับ ผมเอาตัวอย่างราคากีตาร์มือสองในสต้อควันนี้บางส่วนมาให้ดูเป็นตัวอย่างว่าแพงแค่ไหน
สต้อคเขาจะเปลี่ยนแปลงทุกวัน ดังนั้นควรเช็คในเว็บของร้านก่อนจะแวะไปนะครับ