ติดค้างน้ากฤษณ์ มานานเรื่อง วิธีดูความแตกต่างระหว่างไม้พะยูงกับชิงชัน วันนี้มีโอกาสได้เขียนลงเว็บเสียที
สืบเนื่องจากที่ปัจจุบันไม้สกุลrosewood (dalbergia) มีความเข้มงวดมากขึ้นจาก CITES ทำให้ การค้าขาย นำเข้าส่งออกสินค้าที่มีส่วนประกอบของไม้ชนิดนี้ ซึ่งก็รวมถึงกีต้าร์ด้วย ทางเลือกหนึ่งของคนไทยเราก็คงไม่พ้นการใช้ไม้ rosewood พื้นบ้านในประเทศทดแทนซึ่งนับวันก็หายากและแพงมากเช่นกัน เนื่องจากเป็นไม้ rosewood คุณภาพดีที่ช่างต่างชาติก็เสาะหาเอาไปทำกีต้าร์กันมานานแล้ว
ไม้สกุลrosewood ที่ว่าก็ได้แก่ พะยูงและชิงชันนั่นเอง โดยที่ไม้พะยูงนั้นเป็นที่ต้องการของนักสะสมและผู้นิยมชมชอบ โดยเฉพาะชาวจีน ที่มีความต้องการไม้ชนิดนี้เป็นอย่างมาก รับซื้อไม่อั้น จนราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันอาจราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 5พันบาทหรือมากกว่าก็เป็นได้ เมื่อนำมาทำเฟอร์นิเจ้อร์ชุดหรู 1 ชุดนั้น ราคาจะอยู่ที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในบ้านเราไม้พะยูงทั้งไม้เก่าไม้ใหม่ต่างขายกันแพงมาก และนิยมขายเป็นกิโลกรัม โดยเฉพาะไม้เก่าเนื้อดีนั้น มีการขายกันที่กิโลกรัมละกว่า 1พันบาท ส่วนชิงชันไม้เก่าหรือไม้เรือนเก่ายังขายกันเป็นยกอยู่(1 ยกมี16ตารางเมตร ขายกันที่ประมาณยกละ 5หมื่นบาท ณ ปัจจุบัน) ทั้งพะยูงและชิงชัน มีคุณสมบัติที่คล้ายกันมาก ดังตารางข้างล่างนี้
มาดูข้อมูลทางวิชาการเบื้องต้นของไม้ทั้ง 2 ชนิดนี้กันครับ ไม้พะยูงจัดเป็นไม้ในวงศ์ fabaceae สกุล dalbergia (คำนี้ก็เป็นการบ่งบอกว่าเป็นไม้rosewoodนั่นเอง) และชื่อชื่อวิทยาศาสตร์ก็คือ dalbergia cochinchinensis pierra ส่วนชื่อสามัญเที่บ่งบอกว่าเป็นพะยูง ก็คือ Siamese rosewood นั่นเอง นับเป็นความภาคภูมิใจของไทยเราที่ชื่อไม้สำคัญนี้ได้มีชื่อสยามประเทศของเราเป็นชื่อสามัญของไม้นี้
ส่วน ชิงชัน นั้นก็เป็นไม้ในวงศ์ fabaceae สกุล dalbergia เช่นเดียวกัน มีชื่อสามัญว่า Burmese rosewood และชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dalbergia oliveri Gamble ex Prain
ปัญหาที่เรามักพบกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อขายไม้ หรือ แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องเกี่ยวข้องกับไม้ชนิดนี้ก้คือ ความเหมือนหรือคล้ายกันมากของไม้ทั้งสองนี้จนแยกแทบไม่ออก
ทางกรมป่าไม้ กรมวิชาการเกษตร และ กรมอุทยานแห่งชาติสัตวืป่าและพันธุ์พืช ได้ออกคู่มือมาเล่มหนึ่ง ชื่อ คู่มือการตรวจพิสูจน์เนื้อไม้พะยูง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ใช้ ในการแก้ปัญหาดังกล่าวตาม ลิ้งค์นี้
http://web1.forest.go.th/forest/silvic/Report/Suw6.pdf สำหรับผมแล้ว จากที่ได้เสาะหา สะสม ทั้งไม้ พะยูงและชิงชัน มาระยะหนึ่งก็อยากจะมาแบ่งปันวิธีการดูไม้ 2 ชนิด นี้ว่ามีจุดแตกต่างกันไรที่สามารถชี้ชัดได้ โดยผมจะใช้ความรู้จากประสบการณ์จากของจริงที่เจอมาและจากการถ่ายทอดของพ่อค้าไม้ เสริมจากคู่มือของทางราชการ
ก่อนจะไปถึงการดูข้อแตกต่างของไม้ทั้งสอง ผมอยากแจ้งว่า ทั้งไม้พะยูงและชิงชันที่ผมเจอมาไม่มีแค่ชนิดเดียว ทั้งพะยูงและชิงชันต่างมีชนิดแยกย่อยไปได้อีก เช่นพะยูงนั้นอาจารย์ท่านหนึ่งเขียนไว้ในเอกสารวิชาการว่า มี 4 ชนิด ได้แก่ พะยูงแดง พะยูงลาย พะยูงดำและพะยูงทอง ส่วนชิงชัน แม้ยังไม่มีเอกสารทางวิชาการยืนยันแต่เท่าที่ผมสัมผัสมาพบว่ามีทั้งที่เนื้อหยาบ เนื้อละเอียด เฉดสีลวดลาย และกลิ่นที่ต่างกันมาก อยู่ทีเดียว
อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงไม้พะยูงและชิงชัน ผมพบว่ามีข้อแตกต่างที่สำคัญที่สามารถแยกได้ง่ายอยู่ สี่-ห้าประการดังนี้
1. ลวดลายและสีเฉพาะ ได้แก่ เส้นเขียวหรือ แถบเขียวที่ปรากฏในไม้พะยูงลายจะไม่มีให้เห็นในไม้ชิงชัน คุณสมบัติข้อนี้ไปคล้ายกับไม้ Brazilian rosewood ที่มีเส้นหรือแถบเขียวเหมือนกันพอดี (ทั้งไม้พะยูงลาย พะยูงดำเท่านั้น จะปรากฏเส้น หรือแถบเขียว ส่วนพะยูงแดงรวมทั้งชิงชัน ยังไม่เคยเห็นเส้นหรือแถบเขียวปรากฎ)
2. เนื้อไม้ของพะยูงลายและพะยูงดำ จะผสานกันเนียนละเอียดมองไม่เห็นลายเส้นไม้ ต่างจากชิงชันที่เนื้อหยาบไม่ผสานกันและมองเห็นลายเส้นไม้ (ทั้งนี้การจะเห็นลายละเอียดของเนื้อไม้ที่ชัดเจน ต้องส่องด้วยกล้องขยายขนาด15-20x เช่นที่ใช้ในการส่องพระนั่นเอง)
3. เนื้อไม้พะยูงจะมีน้ำมัน ในขณะที่ชิงชันไม่ค่อยมีน้ำมัน หากเราขัดสี หรือขูดเนื้อไม้ทั้ง 2 ชนิด พะยูงจะปรากฏเป็นสีดำคล้ำจากน้ำมันที่แตกตัว หรือ หากเราตัดปลายแผ่นไม้ตามหน้าตัดของปอร์ไม้ จะเห็นเป็นสีคล้ำจากน้ำมัน (จะเห็นชัดเมื่อทาด้วยน้ำ)
4. การดู parenchyma ด้านหน้าตัด (cross section) ไม้ชิงชันจะมองเห็นเป้นรูปตาข่ายเด่นชัด ต่างจากพะยูงที่เห็นไม่ชัด และพะยูงจะมีหน้าตัดที่สีคล้ำจากน้ำมันเมื่อตัดด้วยใบเลื่อยความเร็วสูงที่เกิดความร้อนจนน้ำมันละลาย
5. กลิ่นของไม้พะยูง มีกลิ่นเฉพาะ ที่ต่างจากกลิ่นชิงชันที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัว เช่นเดียวกัน ข้อนี้ต้องอาศัยประสบการณ์การดมกลิ่นบ่อยๆจนชินและจำกลิ่นของไม้ทั้งสองได้ (กลิ่นไม้ทั้งสองนี้ในบางชิ้น อาจมีส่วนคล้ายกันอยู่บ้าง ในพะยูงและชิงชันที่อาจมีหลากหลายชนิด ทั้งนี้ไม้ทั้งสองชนิดนี้มีสายพันธุ์ที่ใกล้ชิดกันมาก)
อย่างไรก็ตามผมพบว่าไม้พะยูงแดงและชิงชันบางชิ้นมีความคล้ายหรือเหมือนกันมากในเรื่องลายเส้นไม้ โดยมีข้อแตกต่างเพียงเรื่องน้ำมันและกลิ่นที่ไม้พะยูงจะมีน้ำมันที่มากกว่า เนื้อไม้อ่อนกว่า และกลิ่นหอมกว่า ซึ่งยากต่อการจำแนกด้วยบุคคลที่จะตัดสินไปได้ว่าเป็นไม้ชนิดใดกันแน่
ท้ายสุด หากมีไม้ชิ้นใดที่ไม่อาจสรุปไปได้ว่าเป็นพะยูงหรือชิงชัน หากต้องซื้อขายกันคงต้องส่งชิ้นไม้ไปตรวจในระดับDNA ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อหาข้อสรุปกันต่อไป
แถมท้ายรูปไม้ brazilian rosewood ที่มีเส้นหรือแถบเขียวปรากฏ
ปล.ขอขอบคุณภาพบางภาพที่นำมาจากเว็บเพื่อประกอบการศึกษาครับ