ราคามือหนึ่งเน็ตจาก Music Collection และราคามือสองสภาพสวยพร้อมกล่อง
D-18 77,000: 50,000+ บาท
D-35 ไม่มีขาย: 65,000+
D-42 185,000: 110,000+ บาท
D-45 315,000: 190,000+ บาท
ผมขออธิบายเยอะหน่อยนะครับเพราะคุณ kaipa น่าจะเพิ่งเริ่มศึกษาเรี่องกีตาร์โปร่งถ้าซื้อ Martin ปีเก่าๆมือสองต้องเช็คคอว่าเริ่มยกหรือยังเพราะถ้าต้องถอดคอมาตั้งใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กและไม่มีช่างคนไหนรับประกันว่าจะไม่เกิดตำหนิบริเวณรอยต่อ Martin ทุกรุ่นข้างบนเป็น traditional series ที่ใช้ dovetail joint อัดกาวเพื่อเข้าคอทำให้การถอดคอยุ่งยากมาก (ถ้าเป็น Taylor ที่ใช้ NT neck joint นี่ถอดคอเข้าออกไม่เกินห้านาทีครับ)
อย่างตัวผมเองนั้นจะไม่สนใจซื้อ vintage Martins ที่ผลิตก่อนปี 1985 เพราะรุ่นเก่าไม่สามารถปรับ truss rod ใด้ ซึ่งมีข้อเสียดังนี้
1. ในบ้านเราอากาศชื้นกว่าที่โรงงาน Martin เยอะทำให้คอขยายตัวและท้องป่องถ้าเก็บกีตาร์ใว้โดยไม่มีการควบคุมความชื้น ผลก็คือสายจะเพี้ยนสูง (ผมอยู่อเมริกา 17 ปีก็เคยเจอแต่สายเพี้ยนต่ำ) เวลาเอาออกมาเล่น คอที่ยืดและท้องที่ป่องจะทำให้ action สูงขึ้น ถ้าเราปรับคอไม่ใด้เราก็ต้องฝน saddle ลงซึ่งพอเจอหน้าหนาวที่ความชื้นต่ำก็จะ buzz แน่นอนครับ
2. เมื่อกีตาร์โปร่งอายุมากขึ้นก็จะเกิดอาการที่เราเรียกว่า "คอยก" ซึ่งความจริงแล้วเป็นการเรียกผิดๆเพราะคอกีตาร์มันเปลี่ยนองศาไม่ใด้แต่พอใช้ไปนานๆแรงดึงของสายจะทำให้ไม้หน้าบริเวณ bridge ป่องขึ้นและบริเวณด้านหน้าใกล้คอยุบลงอย่างในรูปครับ
พอไม้หน้ามันแอ่นขึ้นทางด้านหลังและยุบลงทางด้านหน้าสายก็สูงขึ้นเพราะคอมันปรับองศาตามไม่ใด้ วิธีการเช๊คนั้นถ้าเป็นผู้ชำนาญส่องดูด้วยตาก็พอมองออกแต่ถ้าเป็นมือใหม่ก็ใช้ไม้บรรทัดเหล็กทาบคอ ถ้าปลายไม้บรรทัดอยู่ต่ำกว่า bridge อย่างในรูปข้างล่างก็หมายความว่าคอเริ่มยกแล้วครับ
ถ้า truss rod เป็นแบบปรับใด้เราก็สามารถขันคอให้ตรงขึ้นเพื่อลด action ใด้ระดับหนึ่งแต่ในที่สุดก็ต้องฝน saddle ช่วยและท้ายสุดก็ต้องถอดคอมาตั้งองศาใหม่ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเป็นหมื่นครับ
ปัญหาอีกอย่างที่ต้องระวังก็คือกีตาร์ตัวที่คอเริ่มยกเสียงมักจะดีกว่ากีตาร์รุ่นเดียวกันที่สภาพปกติ สาเหตุเพราะอะไรนั้นคงต้องไปตั้งกระทู้ใหม่เพื่อแบ่งปันประสพการณ์ครับ