Lead guitar และ rhythm guitar มีความสำคัญในด้านประวัติศาสตร์ของดนตรีร้อคเป็นอย่างมากครับ
ในยุคที่ยังไม่มีกีตาร์ไฟฟ้านั้นกีตาร์มีหน้าที่เป็น rhythm instrument ที่ใช้ตีคอร์คในวงอย่างเดียวเพราะถ้าเอาไปเล่น lead หรือโซโล่ก็โดนเครื่องเป่ากลบเสียงหมด พอเริ่มมีการใช้ pickup ติดกีตาร์ archtop จึงใด้มีเพลงที่ใช้กีตาร์เป็นตัวโซโล่มาให้ฟัง นักดนตรีที่ดังในยุคนั้นก็มี Charlie Christian (big band) และ Django Reinhardt (gypsy jazz) เป็นต้น
ประมาณปี 1950 ก็เป็นจุดกำเนิดของดนตรี rockabilly ซึ่งเป็นการผสมผสานกันของดนตรี country และ blues และมีกีตาร์เป็นเครื่องดนตรีหลักแต่ก็ยังไม่มีใครแบ่งเป็น rhythm หรือ lead guitar ดนตรีประเภทนี้ยังใช้ double bass เป็นหลักเพราะเบสไฟฟ้าเพิ่งมีขายในปี 1952 และตอนแรกๆยังไม่ค่อยใด้รับความนิยมมากนัก
พอมาถึงยุคปลาย 1950s ก็มีดนตรีประเภทใหม่ที่เรียกว่า Instrumental rock มาตีตลาด วงที่วัยรุ่นสมัยนั้นรู้จักกันทุกคนก็คือ The Ventures (อเมริกัน) และ The Shadows (อังกฤษ) ดนตรีประเภทนี้มีเครื่องดนตรีหลักคือ lead guitar, rhythm guitar, เบสไฟฟ้าและกลองชุด ต่อจากนั้นมาจึงมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนระหว่างมือโซโล่และมือคอร์ดครับ
สมัยนั้นมีอ rhythm มักใช้ปิคอัพตัวหน้าส่วนมือ lead ก็ใช้ปิตอัพตัวหลังที่เสียงแหลมกว่า กีตาร์บางรุ่นอย่าง Gibson Les Paul นี่เขาเขียนบอกใว้ที่ pickup selector เลยด้วยซ้ำ
กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่หาซื้อง่ายและเริ่มต้นเล่นง่ายจึงกลายเป็นที่นิยมของวัยรุ่นที่ชื่นชอบดนตรีร้อคแอนด์โรล ดังนั้นในยุค 1960s จึงเป็นยุคบูมสุดๆของวงร้อคที่ใช้กีตาร์ lead และ rhythm เป็นเครื่องดนตรีหลัก มือกีตาร์ลีดจากยุค '60s ที่กลายเป็นตำนานไปก็มีมากมายอย่างเช่น Eric Clapton, Jeff Beck, George Harrison, David Gilmore, Keith Richards, Jimmy Page, Pete Townshend เป็นต้น
ดนตรีร้อคยุคนั้นเขาแยกหน้าที่ระหว่าง lead กับ rhythm guitar ค่อนข้างชัดเจน ลองดูจากตัวอย่างเพลงของ Lennon & McCartney
เพลงนี้ครับ
เมื่อดนตรี Disco และ synthesizer เริ่มเข้ามามีบทบาทในยุคปลาย 1970s มือกีตาร์ก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ตีคอร์ดเหมือนในยุค 1930s อีกครั้ง
กีตาร์เริ่มกลับมาใด้รับความนิยมอีกครั้งในยุครุ่งเรืองของ MTV (กลาง 1980s) ครับ