คาโป้มันได้ทั้งเพิ่มและลดเสียงครับ เรารู้แค่ว่ามันเพิ่มเสียงตามคีย์ที่คาด แต่ถ้าเราคาดแล้วเปลี่ยนคีย์ด้วย มันก็ลดเสียงได้เหมือนกันครับ
มันมีวิธีคิดอยู่หลายอย่าง เอาง่ายๆก่อน ถ้าเราอยากคาดเพราะอยากเล่นคีย์ที่ใช้เบสสายเปล่าได้ ก็จะมีคีย์ E , A , D ถ้าเพลงเป็นคีย์ G
แต่อยากจับแบบคอร์ด E ก็จับคอร์ด G แบบทาบ วิธีคิดก็คือ เราจับคอร์ดทาบตรงไหน นิ้วชี้ที่ทาบนั่นแหละคือตำแหน่งคาโป้ที่เราจะคาด
เราก็ไปคาดเฟรต 3 แล้วเล่นคอร์ด E มันก็จะได้เป็น คีย์ G (คอร์ดหมายถึงรูปแบบการจับ คีย์หมายถึงเสียง แยกให้ออกนะครับว่าผมพูดถึงอะไร)
ถ้าเพลงเป็นคีย์ A แต่อยากจับแบบ E เราก็จับคอร์ดทาบแบบ A คือนิ้วชี้ทาบเฟรต 5 เราก็คาดคาโป้ที่เฟรต 5 แล้วจับคอร์ด E เราก็จะเล่นคีย์ A ได้
ด้วยการจับคอร์ด E หรือถ้าบางเพลงนี่เป็นคอร์ด B ซึ่งจับยาก เราก็คาดคาโป้เฟรต 2 แล้วเล่นคอร์ด A ก็จะได้เสียงคีย์ B แต่จับเป็นคอร์ด A ซึ่งง่ายกว่า
นี่คือการเล่นแบบเปลี่ยนคอร์ด แต่ไม่เปลี่ยนคีย์
ส่วนการเล่นแบบเปลี่ยนคีย์ แต่ไม่เปลี่ยนคอร์ด นี่ก็ง่ายๆเลยครับ เล่นคอร์ดเดิมๆไปเลย แล้วคาดสูงขึ้น เสียงก็สูงขึ้น เช่น เล่นคอร์ด D แต่ร้องแล้วเสียง
มันต่ำเกินไป อยากจะได้เสียงสูงกว่านี้ ก็คาดขึ้นมาเรื่อยๆ แต่เล่นคอร์ดเดิม หาจนกว่าจะได้เสียงที่เราร้องได้ เราก็ยังคงเล่นคอร์ด D เหมือนเดิมในตำแหน่ง
ที่คาดคาโป้สูงขึ้น
อีกแบบคือ เปลี่ยนทั้งคีย์ เปลี่ยนทั้งคอร์ด อันนี้ต้องทำความเข้าใจมากขึ้นหน่อยครับ มันจะเกิดในกรณีที่เราร้องไม่ได้ด้วย และคอร์ดก็จับไม่ถนัด อยากจับคอร์ดใหม่
เช่น เพลงคีย์ E แต่เราอยากได้เสียงเป็นคีย์ F# เพราะรู้สึกว่ามันต่ำไปหน่อย คืออยากขยับมาสองเฟรต เราจะคาดคาโป้เฟรต 2 แล้วเล่นคอร์ด E ก็ได้ ซึ่งก็จะได้เสียง
ในคีย์ F# ที่เราต้องการ แต่ถ้าเกิดว่า เราไม่อยากจับคอร์ด E เพราะทางเดินคอร์ดนี้มันมีคอร์ดทาบเยอะไป อยากจับแบบคอร์ด D มากกว่า แต่ก็ต้องการเสียง F# เหมือนเดิม
วิธีคิดก็คือ ให้เราจับคอร์ด D แล้วเลื่อนไป E และไป F# รวมกันก็ได้ 4 เฟรต ดังนั้น จากตำแหน่ง Nut เราก็เลื่อนมา 4 เฟรต แล้วคาดคาโป้ แล้วเล่นคอร์ด D
เราก็จะได้เสียงคีย์ F# ที่ต้องการ (สรุปอีกที เดิมคือคีย์ E อยากได้เสียง F# แต่อยากจับคอร์ด D) ลองฝึกคิดไปเรื่อยๆก็จะเริ่มจับทางออกครับ