หัวข้อ: อยากทราบประวัติโรงงาน GUILD ครับ

[กฤษณ์]

ประวัติโรงงาน Guild ภาคจบ

http://acousticthai.net/webboard/index.php?topic=73736.0

[ifyouloveme]

1972 G-37 ของผมก็ยังสวยเหมือนเดิมครับ (น่าจะสภาพดีกว่าสาวที่เคยถ่ายรูปคู่กับมันเมื่อ 43 ปี่ที่แล้ว)














คนสมัยนี้คงงงว่าทำไมทั้งน้า Oldiehunter และผมถึงใด้ซื้อ Guild หลังจากลองเล่นกีตาร์หลายตัวรวมทั้ง Martin และ Gibson ในสมัยนั้น เดี๋ยวนี้ผมเองก็มี Martin และ Gibson หลายตัวที่เสียงดีกว่าเจ้า G-37 แต่ในยุค '70s นั้นสองยี่ห้อนี้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเพื่อลดการเคลมประกันเลยทำให้เสียงห่วยกว่าเดิม ทุกวันนี้เจ้า G-37 ก็ยังเป็นกีตาร์ที่ผมหยิบมาเล่นบ่อยสุดเพราะมันเล่นง่ายและเสียงของมันก็ยังทำให้ผมตกหลุมรักทุกครั้งที่ใด้ยินครับ

สวยงามทั้งกีต้าร์เเละคนเล่นเลยครับน้ากฤษณ์

[กฤษณ์]

ลงรูป G-37 ให้ใหม่ครับ

<a href="http://youtu.be/jtiqpXRSZ2o" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/jtiqpXRSZ2o</a>

[12strings]

น้ากฤษณ์ครับ
อยากทราบของ Guild GSR ครับ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร
แล้วเขาทำกี่รุ่นครับ  เคยอยากได้มาก แต่ตอนนี้คงหาไม่ได้แล้วครับ

[12strings]

ผมเข้าไปดูใน website ของ guild guitar
Guild USA กลับมาผลิตรุ่น top อีกแล้วครับ
F 55(เดิมคือ F 50) ทั้ง maple และ rosewood
back    F 512 12 strings. แต่ราคาดุเดือดพอสมควรครับ
4000+ USD. ส่วนคุณภาพเสียง และอนาคตจะเป็นอย่างไร
รอน้ากฤษณ์ มาให้ความรู้ครับ
https://guildguitars.com/g/f-55-in-natural/

[กฤษณ์]

น้ากฤษณ์ครับ
อยากทราบของ Guild GSR ครับ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร
แล้วเขาทำกี่รุ่นครับ  เคยอยากได้มาก แต่ตอนนี้คงหาไม่ได้แล้วครับ

Guild GSR (Guild Special Run) เป็น Limited run series ที่ Fender เอามาอวด dealer ที่ไปเยี่ยมชมโรงงานใหม่ที่ New Hartford ในปี 2009 และเปิดรับจองตอนปลายปี 2010 ทั้งหมด 10 รุ่นและจำกัดยอดผลิต 20 ตัวต่อรุ่น เปิดขายอยู่สองปีก็ยังขายไม่ออกหลายรุ่นก็เลยเลิกผลิตไปเมื่อใด้ Ren Ferguson มาจาก Gibson ในปี 2012 และออก Opheum Series มาขายแทน

Guild ออกกีตาร์ไฟฟ้า GSR Series มาในปี 2013 พร้อมๆกับ Newark Street Series ที่ผลิตในเกาหลีแต่ก็เลิกผลิตไปตอนปิดโรงงาน New Hartford ในปี 2014

GSR Series มียอดผลิตของแต่ละรุ่นตามนี้ครับ




เมื่อมียอดผลิตแค่ร้อยกว่าตัวซีรี่เลยค่อนข้างหายากแต่ก็ยังพอหาใด้ถ้าใจถึงครับ




เรื่องราวและความเป็นมาของซี่รี่ย์นี้ค่อนข้างยาวแต่ผมก็ยินดีจะเล่าเพราะตอนนี้ไม่มีอะไรทำ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อครับ

[กฤษณ์]

Fender ปิดโรงงาน Tacoma ตอนปลายปี 2007 และย้ายมาผลิต Guild ที่โรงงาน Ovation ในเมือง New Hartford, Connecticut ในปี 2008 โดยที่ไม่มีช่างย้ายตามมาแม้แต่คนเดียวแต่เขาก็ทำใด้เพราะเขามี "มือปืน" ประจำบริษัทอยู่หนึ่งคนดือนาย Tim Shaw ที่มีตำแหน่งเป็น chief engineer ของ FMIC (Fender Musical Instrument Corp.)




Tim Shaw เข้าทำงานกับ Gibson ที่โรงงาน Kalamazoo ที่ผลิตทั้งกีตาร์โปร่งและไฟฟ้าในปี 1978 และยังไปช่วย setup assembly line ของโรงงาน Gibson โปร่งที่ Bozeman ในปี 1989 ก่อนที่จะโดน Fender ซื้อตัวมาในปี 1996 และส่งตัวเขาไปเป็นผู้จัดการโรงงาน Guild Custom Shop ที่เพิ่งก่อตั้งในเมือง Nashville, Tennessee เพราะที่นั่นเป็นแหล่งรวมตัวของศิลปิน country music




ในปี 2000 ตอนที่ Fender ปิดโรงงาน Guild ที่ Westerly, Rhode Island และย้ายมาผลิตที่โรงงาน Fender ในเมือง Corona, California แกก็เป็นคนดูแลทั้งหมดเพราะตอนนั้นก็ไม่มีช่างของ Guild ย้ายมาด้วยซักคน พอ Fender ไปซื้อ Tacoma เมื่อปี 2004 เพื่อเอาสต้อคไม้ก็เลยต้องย้ายไปผลิต Guild ที่โรงงานในเมือง Tacoma, Washington อีกซึ่งคราวนั้นเหนื่อยน้อยหน่อยเพราะช่างของ Tacoma ทำกีตาร์โปร่งเป็นอยู่แล้ว (แต่พ่น nitro lacquer และทำ dovetail joint ไม่เป็น)

พอมาถึงปี 2005 Fender ก็เกิดอยากจะผลิตกีตาร์โปร่งเองบ้าง (เพราะสมัยนั้นจ้างเกาหลีและจีนผลิตให้ทั้งหมด) ที่โรงงาน Ensenada, Mexico ตา Tim Shaw ก็ต้องไปตั้ง assembly line และฝึกช่างอีกแต่คราวนี้เมื่อมีโอกาสใด้ทำกีตาร์ที่เป็น original design แกเลยไปท้า Senior Masterbuilder Chris Flemming ให้มาออกแบบแข่งกัน

ผลงานของ Chris Flemming คือรุ่น ESM-10 นั้นหน้าตาคล้ายทรง small jumbo ของ Olson แต่รุ่น ESV-10 ที่ Tim Shaw ออกแบบนั้นหน้าตาประหลาดสุดเพราะแกเรียกว่าทรง parlor แต่ก้นมันใหญ่มากๆ










ระหว่าง chief engineer (Tim Shaw ESV-10) กับ Masterbuilder (Chris Flemming ESM-10) ใครเก่งกว่ากันลองช่วยตัดสินด้วยครับ

<a href="http://youtu.be/qA5oXzvXLFo" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/qA5oXzvXLFo</a>

<a href="http://youtu.be/QexcTpX1xig" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/QexcTpX1xig</a>

เดี๋ยวเล่าต่อครับ

[12strings]

รอติดตามเลยครับน้ากฤษณ์ครับ

[กฤษณ์]

เรื่องเบื้องหลังการย้ายโรงงาน Guild USA จาก Tacoma มา New Hartford ผมเล่าไปแล้วในหน้า 2 ของกระทู้นี้ วันนี้ของเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับ Tim Shaw ที่ยังไม่เคยเล่านะครับ

ยอดขายปีละหมื่นกว่าตัวของกีตาร์ Guild USA จากไลน์การผลิตของ Tacoma นั้นเมื่อย้ายมาผลิตในโรงงาน Ovation ที่มีพื้นที่ใหญ่ขึ้นสามเท่ามันก็ทำกำไรใด้ไม่พอจ่ายดอกเบี้ย FMIC ก็เลยมอบหมายให้นาย Tim Shaw ทำรุ่นพิเศษออกมาขายเพื่อเพิ่มรายใด้ ที่สำคัญก็คือต้องเริ่มต้นออกแบบและผลิตกีตาร์โปร่งไฮเอ็นด์ Fender ที่ไม่ใด้ผลิตในอเมริกามานานแล้วออกมาขายอีกครั้งตอนปลายปี 2011 เพื่อเปิดตัวในงาน NAMM 2012

กีตาร์ Fender Acoustic Shop นั้นอ้างอิงหน้าตาของกีตาร์โปร่ง Fender USA ยุค '60s ที่ออกแบบโดยนาย Roger Rosmeisl สเป็คกีตาร์โปร่ง Fender ยุคนั้นเป็น bolt-on neck เหมือนกีตาร์ไฟฟ้าและใช้ไม้ลามีเนตทั้งตัวแต่ก็ใด้รับความนิยมมากเพราะราคาไม่แพง (สมัยนั้น Yamaha ยังไม่เกิด)







โปร่ง Fender ที่ออกแบบใหม่นั้นใช้รูปทรงเดิมแต่เป็น all solid ส่วนใหญ่ใช้ dovetail joint และ golden era bracing ด้วยไม้ adirondack spruce






กีตาร์ Fender USA Acoustic Shop ทุกรุ่นทำเป็น limited edition (มาพร้อมใบ COA) แต่ผลิตเยอะกว่า Guild GSR หลายเท่า ผมหามาเก็บใด้สองตัวครับ










Fender USA Select Newporter เป็น all solid mahogany ทรง OM ผลิต 50 ตัว

<a href="http://youtu.be/2lUr9iNPckA" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/2lUr9iNPckA</a>

Fender USA California Kingman เป็น all solid spruce/mahogany ทรง D ผลิต 150 ตัว

<a href="http://youtu.be/StZ55t25UGI" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/StZ55t25UGI</a>

ตอนต่อไปเป็น Guild ในยุคของ Ren Ferguson ครับ

[กฤษณ์]

คำจำกัดความของ "CUSTOM SHOP" ตามแบบฉบับของ Fender, Guild และ Gibson

คำว่า "Custom" นั้น Gibson คือเจ้าแรกที่ใช้กับกีตาร์รุ่น Les Paul Custom ในปี 1954 และก่อตั้งแผนก "Custom Shop" ขึ้นที่โรงงาน Nashville โดยไม่ใด้แยกออกมาจากไลน์การผลิตปกติในปี 1983  ส่วน Custom Shop ที่เป็น workshop อิสสระซึ่งผลิตกีตาร์เองทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบนั้นตั้งขึ้นโดย Fender เพื่อผลิตกีตาร์ custom ให้กับศิลปินและลูกค้าพิเศษโดยมีช่างสองคนคือ John Paige และ Michael Stevens เป็นหัวหน้าในปี 1987




ในปีแรกนั้น Fender Custom Shop มีพื้นที่แค่ 350ตรม.แต่มี order จากลูกค้าและศิลปินมากมายจนต้องหาโรงงานใหม่หลายครั้งและขยายพื้นที่เป็น 1,800 ตรม. ในปี 1994 และ 3,000 ตรม. ในปี 1997







Fender Custom Shop จึงกลายเป็นตำนานของกีตาร์อเมริกันเพราะมียอดขายแต่ละปีเป็นรองแค่ Fender USA, Martin, Taylor และ Gibson เท่านั้นทั้งๆที่ไม่ใด้ผลิตกีตาร์ราคาต่ำกว่าสามพันเหรียญเลย

ทั้ง Fender USA และ Guild USA ก็เลยใช้คำว่า custom shop กับกีตาร์ที่ผลิตจากคนละโรงงานโดยช่างคนละชุดที่ไม่เกี่ยวข้องกับกีตาร์ในไลน์ปกติเท่านั้นและโรงงาน New Hartford ก็มีไลน์การผลิตไลน์เดียวที่ผลิตทั้ง Fender โปร่ง Guild โปร่งและ Guild ไฟฟ้าจึงไม่มีไลน์ท่ผลิตเฉพาะกีตาร์ custom shop ครับ







แต่แล้ว Fender ก็ประกาศเปิดตัวกีตาร์ Fender Acoustic Custom Shop ราคาแพงเว่อร์ ($5,000-5,500) เมื่อเดือนกรกฏา 2012 เฉยเลย




ตอนนั้นพอผมที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Fender เห็นข่าวนี้ก็งงไปพักใหญ่เหมือนกัน มันเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวจะมาเล่าเบื้องหลังให้ฟังครับ

[กฤษณ์]

"Custom Shop" ในมุมมองของ Ren Ferguson

Ren Ferguson คือหนึ่งในตำนานของช่างทำกีตาร์โปร่งที่เริ่มงานกับ Gibson ในปี 1989 และถูก Fender ซื้อตัวมาทำ Guild ในปี 2012 ผมเชื่อว่าเขาเป็นคนผลักดันให้มีการเปลี่ยนชื่อ Fender USA Acoustic Workshop เป็น Fender Acoustic Custom Shop ภายในปีแรกที่เขาเข้ามารับงานที่โรงงาน New Hartford และเป็นคนเปิดตัว Guild Custom Shop ในงาน NAMM 2013

Ren ไม่เคยให้สัมภาษณ์ใครว่าเขาคิดอย่างไรกับคำว่า "Custom Shop" ผมก็เลยต้องแก้ปริศนาโดยการแกะรอยจากผลงานของเขาตั้งแต่เข้าวงการจนถึงยุคปัจจุบันครับ

ในยุค '90s นั้นกีตาร์ที่ตีตรา Custom Shop ต้องผลิตใน workshop ที่แยกจากโรงงานใหญ่โดยใช้ช่างของตัวเองทำทุกขั้นตอนตั้งแต่การเลือกไม้ การทำสีจนถึง final setup (กีตาร์ custom shop จึงขายใด้ในราคาสูงกว่าปกติไม่ต่ำกว่าสองเท่า) ตอนนั้นก็มีแค่ Fender และ Gibson ที่มี custom shop ของตัวเองที่ผลิตกีตาร์ไฟฟ้าเท่านั้น

แน่นอนว่าตอนที่ Ren Ferguson เริ่มงานนั้นคำว่า custom shop ไม่ใด้มีอยู่ในสารานุกรมของกีตาร์โปร่งเพราะกีตาร์ custom รุ่นแรกที่เขาแกะแบบมาจาก Gibson L-1 ปี 1926 เขาก็ใช้ป้ายและ COA เป็น Limited Edition ในปี 1991




Ren เริ่มใช้ป้าย "Custom Built" ประมาณปี 1997-2005 เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กีตาร์ว่าเป็นกีตาร์รุ่นที่ทำเป็นพิเศษ




และแล้ว "ความมั่ว" ก็มาเยือนโรงงาน Gibson Montana ในยุคต้น 2000 อย่างกีตาร์ J-45 Macassar Ebony ปี 2002 ของผมตา Ren แกใส่มาสามป้ายคือ

1. Custom Shop โลโก้ด้านหลัง headstock (เอามาจากโรงงาน Nashville)
2. Custom Built ที่ป้ายใน soundhole (ป้ายเดิมที่ใช้อยู่ในตอนนั้น)
3. Custom Art Historic โลโก้บน hard case (จ้าง TKL ผลิตโดยเอาโลโก้ของ Gibson Archtop Historic Series มาใส่)




ป้ายกระดาษ "Custom Shop" ยุคแรกๆตา Ren แกเก็บใว้ใช้กับตัวที่แกทำด้วยมือตั้งแต่ต้นจนจบอย่างในรุ่น J-250 Monarch ที่ราคา $27,700 เป็นต้น ถ้าเป็นรุ่นที่แกไม่ใด้สตางค์พิเศษค่าทำแกก็ไม่แปะป้าย Custom Shop ให้ครับ




จุดจบของ Ren Ferguson กับกีตาร์ Gibson ก็เริ่มต้นในยุคปลาย 2000s เมื่อ GM คนใหม่ของ Gibson Acoustic ไม่ยอมให้ค่า commission กับกีตาร์ custom shop ที่ Ren ทำเองกับมืออีกต่อไป (งานส่วนนี้น่าจะเป็นรายใด้ก้อนใหญ่พอดู) หลังจากนั้น Ren ก็เลิกยุ่งกับงาน custom shop และงานออกแบบกีตาร์โดยสิ้นเชิงและลาออกในวันที่ 31 ธค 2011 เพื่อไปอยู่กับ Fender และ Guild ที่ New Hartford

ในยุคหลังจากที่ Ren เลิกทำเอง แสตมป์และป้าย "Custom Shop" ของโปร่ง Gibson ก็หมดความหมายเพราะส่วนใหญ่เป็นเพียงโลโก้ส่งเสริมการขายเท่านั้น อย่างในงาน NAMM 2020 Gibson ก็เปิดตัวโปร่ง Custom Shop เกือบยี่สิบรุ่น





เรื่องการทำกีตาร์ custom shop แบบลวงโลก (เพราะใช้ช่างทีมเดียวกันกับไลน์ปกติ) นี่พอ Ren Ferguson มาอยู่กับ Guild USA ก็เลยเอาชื่อ Guild Custom Shop มาขายอีกครั้งทั้งๆที่ไม่มีไลน์การผลิตของตัวเอง (Fender เคยสร้าง workshop ของ Guild Custom Shop ในปี 1997 แต่เปลี่ยนไปเป็น repair center ในปี 2003)

Guild Custom Shop มี Ren เป็นผู้ออกแบบ ควบคุมการผลิตและรับตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปอีกด้วยแต่เปิดใด้แค่ปีกว่าๆก็ต้องปิดตัวลงเมื่อ Fender ปิดโรงงานใหญ่ กีตาร์โปร่งที่ผลิตก็มี Orpheum Series, Star Series, 60th Anniversary ส่วนกีตาร์ไฟฟ้าก็มี American Patriarch Series

กีตาร์ Guild Custom Shop New Hartford (ที่มียอดผลิตน้อยมาก) ในอนาคตอาจเป็นใด้ทั้งกีตาร์สะสมหรือกีตาร์ที่โลกลืมแต่ตอนนี้ราคามือสองถูกมากถ้าหาเจอครับ







ราคามือสองในตลาด







Orpheum Series ในปัจจุบันเป็นซีรี่ย์เรือธงของ Guild USA และมีขายอยู่ 10 รุ่นในราคา $4,799-$5,199 ครับ





ถ้าสนใจเรื่องราวของ Ren Ferguson ดูใด้ในคลิปนี้ครับ

https://youtu.be/mMSsZCUc7gw

Guild New Hartford Factory Tour

https://youtu.be/UVVTSuC-01k

Fender Acoustic Custom Shop Tour

https://youtu.be/Wc5IYSKmqmU

[กฤษณ์]

ใบ COA นั้นสำคัญแค่ไหน

ใบ COA หรือ Certificate of Authenticity คือใบรับรองจากผู้สร้างซึ่งแต่เดิมมีการใช้กับงานศิลปะเพื่อรับรองว่าผลงานที่เอามาขายเป็นของแท้ 100%

ในวงการกีตาร์นั้น Fender Custom Shop เป็นโรงงานแรกที่ออกใบ COA ให้กับกีตาร์ทุกตัวตั้งแต่ปี 1988 โดยมีการเปลี่ยนแปลงจากยุคแรกถึงยุคปัจจุบันดังนี้

COA ยุคแรก (1988-1992) เป็นกระดาษบางๆพิมพ์ด้วยหมีกพิมพ์ซึ่งปลอมง่ายมาก ในปี 1993 จึงใช้กระดาษแข็งอัดลายนูนพิมพ์สีทองทำให้ปลอมยากมาก เขาเปลี่ยนจากโลโก้สีทองเป็นสีเงินในปี 1994




COA ยุคปัจจุบันใช้ทั้งสีทองและสีเงินบนโลโก้ พวกรุ่นพิเศษอย่างพวก Masterbuilt หรือ NAMM Show Prototype จะมี COA ให้สองใบ




ผมไม่เคยซื้อ Fender Custom Shop ที่ไม่มีใบ COA เพราะส่วนอื่นๆนั้นมันปลอมกันง่ายมากและก็ปลอมกันเยอะด้วย




ส่วน COA ของ Gibson Custom Shop นั้นในยุคแรกๆก็ไม่มีให้ พอมาถึงยุคนี้ก็ทำให้แบบเสียไม่ใด้เพราะขนาดลายเซ็นของผู้จัดการก็ไม่ใช่ลายเซ็นจริง (ขายกีตาร์ราคาเป็นแสนแต่ไม่มีเวลามานั่งเซ็นใบรับรองให้ผู้ซื้อ ผมว่าทุเรศมากครับ)




COA ของ Ren Ferguson

Ren Ferguson เซ็นใบ COA ครั้งแรกให้กับ Gibson Acoustic ในปี 1991 (สมัยนั้น Custom Shop ยังไม่เกิด)




ร่นสุดท้ายที่เขาเซ็น COA คือรุ่น Keb Mo' Bluesmaster Signature ที่เขาออกแบบใหม่หมดให้กับ Keb Mo และผลิตเพียง 300 ตัวเท่านั้นในปี 2010




Ren รับตำแหน่งบริหารครั้งแรกกับ Guild (general manger, Guild Custom Shop) ในปี 2013 ก็เลยมีหน้าที่เซ็นใบ COA ของกีตาร์ Custom Shop บางรุ่น (Guild Orpheum ไม่มีใบ COA)







ลองมาฟังเสียงกีตาร์ฝีมือ Ren Ferguson ครับ

1991 Gibson L-1 Limited Run (100)

<a href="http://youtu.be/EcjLZQlxVME" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/EcjLZQlxVME</a>

กีตาร์รุ่นสุดท้ายของ Ren ที่ทำให้ Gibson คือรุ่น Keb Mo' Signature Bluesmaster กลายเป็นกีตาร์ในตำนานเพราะถึงจะอ้างอิงจากรุ่น L-00 ปี 1936 แต่ Ren Ferguson ก็ออกแบบใหม่หมดทั้งเรื่องหน้าตาที่หรูหรา สเกล 25" ที่ไม่มีใครใช้ nut width 1 7/8" แถมยังผลิตแค่สามร้อยตัวด้วย

พอ Ren Ferguson ออกไปก็โดน Gibson Custom Shop ดัดหลังโดยการผลิตรุ่น Keb Mo Bluesmaster ที่ไม่มีลายเซ็นหรือใบ COA มาขายในราคาถูกลงกว่าเดิน $500 ทำให้แฟนพันธุ์แท้ทั้งหลายเซ็งไปตามๆกัน




2010 Gibson Keb Mo' Bluesmaster Signature Limited Run (300)

<a href="http://youtu.be/DOPY08ShPCc" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/DOPY08ShPCc</a>

เสียงของรุ่นหลังครับ

<a href="http://youtu.be/4o0koYmWR6g" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/4o0koYmWR6g</a>

<a href="http://youtu.be/wq6D4QN1zZ4" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://youtu.be/wq6D4QN1zZ4</a>

[Bua]

อู้ว..จะสวยไปถึงไหน

ทั้งกีต้าร์และลีลาผู้เล่นเนี่ย Gibson ในมือน้ากฤษณ์สวยจริงๆ ราคา..ตาโต

[Bua]

กระทู้ดีๆแบบนี้ไม่อยากให้ตกไปเลยค่ะ

[น้าตั้ม มูเก้น]

กระทู้ความรู้แน่นครับ อยากให้ admin น้าจิมปักหมุดไว้มากๆครับ ✌️

[Bua]

สอยกระทู้มีประโยชน์ มีสาระดีๆมาเก็บอ่านน่าจะเหมาะกว่า

[Bua]

 

[Bua]

ต้องอ่านภาค1ก่อน แล้วค่อยไปต่อภาค2ตอนจบ