เกรดและความสวยของไม้ spruce นั้นผู้ผลิตเขาให้ความสำคัญต่อปัจจัยต่อไปนี้ครับ
1. ความถี่ของ grain: ไม้ที่โตช้าและมีอายุหลายร้อยปีจะมีวงปี (annual ring) ชิดกันมาก เมื่อถูกเลื่อยแนวตั้งฉากก็จะเห็นเป็นเส้นที่เรียกว่า grain ในอดีตเขาเกรด spruce โดยการนับความถี่เป็น grain per inch (gpi) โดยเชื่อว่าไม้ที่เกรนถี่มากจะมีความแข็งแรงกว่าไม้เกรนห่าง หลังปี 2000 ก็มีกูรูหลายคนบอกว่าลายถี่หรือลายห่างไม่มีผลต่อความแข็งแรงของไม้เลยโดยเฉพาะกับ adirondack spruce ซึ่งหาไม้ลายถี่ๆไม่ใด้แล้ว อย่างไม้หน้าสองชิ้นในรูปข้างล่างก็เป็นเกรดสูงสุดทั้งคู่ทั้งๆที่ความถี่เกรนต่างกันลิบลับครับ
2. Grain Compression: เกรนในส่วนที่อยู่ใต้กิ่งจะต้องรับแรงกดจาก bending moment ของกิ่งซึ่งทำให้มีสีเข้มหรือมีการบิดเบี้ยวของเส้นขึ้น ลายสีเข้มเหล่านี้เขาถือว่าเป็นตำหนิแต่ความจริงแล้วไม้ที่มี compression grain จะมีความแข็งแรงกว่าไม้สวยที่สีเรียบสม่ำเสมอ อย่าง K. Yairi ตัวที่ผมขายให้น้าทอมไปนี้ความจริงแล้วไม้หน้ามีคุณสมบัติดีๆครบแต่ถูกนำมาใช้ในรุ่นๆไม่แพงก็เพราะมันมี compression ครับ
ไม้หน้าของ Morris ตัวนี้ก็โดนลดเกรดเพราะ compression grain ที่เป็นเส้นสีเข้มครับ
3. Quartersawing, Silking: ไม้ spruce ที่ตัดตั้งฉากกับวงปี (quartersawn) จะมีลาย medullary rays หรือที่เรียกกันว่า silking ชัดเจนมาก ดังนั้นไม้หน้าที่มี silking สวยๆก็เป็นไม้ที่แข็งแรงที่สุดเพราะโดนผ่ามาแบบ quartersawn
อย่าง Takamine ตัวนี้ไม้หน้าสวยมากเพราะน่าจะเป็นไม้แผ่นเล็กเกินไปที่จะทำทรงใหญ่ใด้ครับ
Martin ตัวนี้ไม้หน้าก็โดนลดจาก grade 7-8 มาเป็น 5-6 เพราะมี compression grain เล็กน้อย
4. Run-out: ไม้ spruce ที่ลำต้นเล็กมักมีการบิดตัวของลำต้นเพื่อหันไปรับแสงแดดตามฤดู การบิดตัวนี้ทำให้เกรนไม่เป็นเส้นตรงและทำให้เกิดสีที่เข้มต่างกันของไม้หน้าสองข้างตามมุมของแสงที่ตกกระทบ
Run-out นี่ไม่มีผลเรื่องความแข็งแรงถ้าไม่บิดมากเกินไป เมื่ิอสามสิบปีก่อนเขาถือเป็นตำหนิแต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้วเพราะไม้มันหายากขึ้นทุกวัน
ไม้ลำต้นเล็กอย่าง engelmann, adirondack หรือ ezo spruce จะพบ run-out เยอะสุดครับ
5. Interlocked grain, Bear Claw: ไม้ที่มีตำหนิพวกนี้สมัยก่อนไม่มีใครเอามาใช้ทำไม้หน้าหรอกครับ แต่ในยุคนี้กลับกลายเป็นของแพงขึ้นมาเพราะมีความเชื่อว่ารอยพวกนี้จะเกิดในต้นไม้อายุมากที่ลำต้นแข็งแรงมากเท่านั้น