Hand Made Sakurai Kohno & Made in Japan
Brand : SAKURAI KOHNO
Model : Maestro
Spec
Top: German Spruce
Back & Side : Brazilian Rosewood
Neck : Spanish Cedar 52/62 mm
Fingerboard : Ebony
Bridge : Brazilian Rosewood
Finish : Cashew
*** Cashew คือ Cashew oil varnish เป็นวานิชเกรดสูงในญี่ปุ่นจะมีราคาแพงกว่าVarnish อื่นๆมากครับ***
Tunner : Premium Gotoh ลูกบิดขาว งาช้าง
*** ถ้าปีใหม่ๆจะเปลี่ยนเป็นลูกบิดของ Rodgers เป็นลูกบิดสีดำไม่ใช่งาช้างแล้วครับ ประมาณหลังจากปี 2007***
Toptrim : Mosaic purfling
Rosette : Mosaic
Case : Metro Humicase
Scale : 650 mm
Nut : 52 mm (งาช้าง)
กีตาร์ตัวนี้ Sakurai เป็นคนทำ แต่ใช้สูตรและวิธีการทำเหมือนกับของดั้งเดิมที่ Masaru Kohno เคยทำมา
โทนเสียงดังและดุดันมากๆ จากการเล่นมาถ้าเล่นอยู่ในห้องคนเดียวโดยเสียงจะพุ่งเข้าหากำแพงแล้วสะท้อนกลับมาให้คนเล่นได้ยินดังมากๆ
แต่ถ้าเป็นห้องกว้างๆคนเล่นจะไม่ได้ยินเสียงเท่าไหร่นัก เพราะเสียงจะพุ่งไปหาคนฟัง คนฟังจะได้ยินชัดเจนและดังมากๆเช่นกัน ยี่ห้อนี้เสียงเบสแต่ละรุ่นเหมือนกันมากๆ แต่จะต่างที่ความกังวานและความยาวของเสียง อันเนื่องจากไม้ที่ใช้ทำจากที่สังเกตุรุ่นต้นๆคือรุ่น Pro J , Pro R ทั้งไม้หน้าและไม้หลังความหนาของไม้จะบางกว่าครับ
Balance ของเสียงดีมาก เสียงแหลมกับเสียงเบสจะแยกกันชัดเจนไม่ปนกัน ข้อนี้สำคัญมากๆในกีตาร์ระดับ Concert กีตาร์สเปนบางตัวบางยี่ห้อเสียงดังมากๆแต่เสียงตีกันหมดทั้งเสียงเบส เสียงกลาง เสียงแหลม ทำให้เพลงที่เล่นออกมาฟังไม่รู้เรื่อง แต่กีตาร์ญี่ปุ่นเค้าเน้นจุดนี้ครับ ทั้ง Asturias ,Yamaha Grandconcert (**เสียงบางไปหน่อย เบสไม่ค่อยมีครับ จากการที่เคยมีรุ่น GC41**) , Masaki sakurai (** ถ้าป้ายเป็นยี่ห้อนี้ Sakurai เป็นคนทำเช่นกันแต่พัฒนา Bracing ขึ้นมาเองใหม่ทั้งหมด สำเนียงจะเป็นคนละแบบกับ Sakurai Kohno ** ) , Sakurai Kohno เหตุนี้ทำให้คนเอเชียนิยมกีตาร์ที่เป็น Made in japan ครับ
***ที่สังเกตุได้อีกอย่างของรุ่นนี้คือไม้ด้านในทั้งตัวของกีตาร์จะทาด้วย Varnish ขึ้นเป็นเงาดำๆครับถือว่าใส่ใจทุกรายละเอียดครับ
จุดเด่นที่นักกีตาร์หลายๆคนพูดกันของกีตาร์ยี่ห้อนี้ รวมถึงผมด้วยที่มีความรู้สึกนี้เช่นกันคือ เล่นง่ายมากๆ การเปลี่ยนPositon ระหว่างต่ำไปหาสูง มุม องศา ดีมากๆ คอร์ดทาบสามารถกดโดยใช้แรงกดเพียงนิดเดียวเหมือนมีแรงดูดครับ ( อันนี้ต้องลองเองครับพูดให้เห็นภาพยาก)
ราคาของรุ่นนี้ปัจจุบันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 350,000+ - ซึ่งอย่างที่บอกมีลูกบิดกับไม้หลังที่เปลี่ยนไปจากรุ่นที่ผม รีวิวครับ
มาพูดถึงประวัติคร่าวๆของกีตาร์ Kohno กันก่อนครับ
Masaru Kohno เกิดในเมือง มิโตะ ประเทศญี่ปุ่น ในปี 1948 สำเร็จการศึกษาจาก Tokyo College Arts
ในปี 1960 ได้ไปเรียนทำกีตาร์ที่ประเทศสเปน โดยเรียนกับ Arcangel Fernandez สุดยอดนักสร้างกีตาร์จากสเปน เป็นเวลา 6 เดือนหลังจากเรียนเสร็จเขาได้กลับมาที่ญี่ปุ่นและได้ผลิตกีตาร์ให้กับนักกีตาร์ชาวญี่ปุ่นมากมาย
ในปี 1967 เขาได้รับรางวัล Gold Medal ที่ Elizabeth Concourse International Guitar Building Competition ที่ประเทศ เบลเยี่ยม มีกรรมการคือ Ignacio Fleta, Robert Bonchet , Joaquin Rodrigo , Alirio Diaz
ในปี1998 เขาได้ยกกิจการให้กับ Masaki Sakurai เป็นผู้รับช่วงต่อทั้งหมด และได้ผลิตกีตาร์มาจนถึงปัจจุบัน โดยใช้ Label Sakurai Kohno และ Masaki Sakurai โดยกีตาร์โคโน่คงจะสิ้นสุดในยุคของเขานี้นั่นเองเพราะปัจจุบันยังไม่มีใครมารับช่วงต่อเลย
รายชื่อนักกีตาร์ที่มีชื่อเสียงที่ใช้กีตาร์ KOHNO : Julian Bream , Oscar Gighlia , Sharon Isbin และอีกมากมาย
ป้าย Label ของ Kohno จะมีลายเซ็นต์ของคนทำ พร้อมบอกชื่อรุ่น ปีที่ผลิตไว้เรียบร้อยครับ
Purfling กับ Rosette เป็นแบบ Mosaic สวยงามวินเทจมากๆ
ไม้หน้า German Spruce เกรนตรงถี่สวยงาม ลายไม้ชัดเจน
ไม้ข้าง Brazilian Rosewood ลายสวยเกรนไม้ชัดเจน
ไม้หลัง Brazilian Rosewood ลายไม้ตรงซึ่งหายากมากๆ ปกติ Brazilian จะเป็นลายวงๆเหมือนไม้ข้าง ตัวนี้เป็นไม้ที่คัดมาเป็นลายตรงซึ่งจะเป็นไม้ที่ดีที่สุดของกีตาร์ KOHNO ครับ
ลูกบิด Premium Gotoh เป็นสีทองแบบด้าน ความฟรีในการหมุนดีมากๆสายเซ็ตตัวได้เร็ว ลูกบิดงาช้างสีขาวนวล
Bridge ไม้ Brazilian Rosewood ทรงเฉพาะรุ่น Maestro มีลายคล้ายๆลูกศรทั้ง2 ด้านของ Bridge
สรุป ถ้างบถึงผมขอแนะนำไปให้ถึงสุดๆของกีตาร์ยี่ห้อนี้ครับ มันมีอะไรที่มากกว่าให้ค้นหานอกจากเรื่องของเสียง ความรู้สึกที่ได้จาก Brazilian ประสบการณ์การทำกีตาร์ซึ่งเป็นสูตรลับเฉพาะ บอกได้คำเดียวว่า มันสุดยอดมากๆ ไม่ว่าคุณจะใส่สายกีตาร์ยี่ห้อไหน โทนเสียงจะเปลี่ยนไปในทันที กีตาร์จะเค้นอารมณ์ของสายแต่ละยี่ห้อออกมาได้อย่างเยี่ยมยอด
ตามสัญญาครับพี่จิม มารีวิวให้แล้วครับ รีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยครับ
สุดท้ายนี้ก็ขอให้มีความสุขในการเล่นดนตรีกันทุกคนนะครับ