หัวข้อ: Finish บนตัวกีต้าร์ มีผลต่อเสียงแบบไหนบ้าง

[soprano]

ผมชอบเล่นกีต้าร์สายไนล่อนครับ มีทั้งแบบ Classic และ Hybrid


การเคลือบแบบ French polish


อ่านในสเปคผู้ผลิต โดยเฉพาะ classic guitar ที่เป็น high-end รุ่นแพงๆ ราคาสูงๆ
ระดับ 50,000 ขึ้นไป สเปคจะประมาณว่า

French polish
Shellac Gloss
สองอันนี้ น่าจะแบบเดียวกัน

Lacquer top นิยมใช้กับไม้ส่วนหน้า
Polyurethan back and side อันนี้นิยมไม้ส่วนหลัง

หลายๆ comment ของฝรั่งบอกว่า Shellac Gloss พวกนี้ ป้องกันความชื้นได้ไม่ดีมาก
แต่การเคลือบแบบนี้ บนตัวกีตาร์ classic มันทำให้น้ำหนักเบา และทำให้ไม้หน้าสั่นตัวได้ดี
การท่าหรือเคลือบ จะทำนับร้อยครั้ง พวกกีตาร์ classic เลยเสียงดัง

ท่านใด อยากจะพูดคุย เรียนเชิญครับ ผมก็อยากจะมีความรู้เพิ่มเติม ในเรื่อง Finish
โดยเฉพาะในกีตาร์ classic รู้สึกว่า การ finish จะมีความละเอียดอ่อน มากๆๆ

[TOM1869]

มีผลมากครับ ยิ่งหนาเสียงยิ่งทึบครับ

[J.taka]

มีผลครับ  เเต่ส่วนตัวไม่ชอบเคลือบด้านเลยครับ ไม่สวย

[a-chonburi]

ส่วนตัวชอบให้ ไม้ Top แบบเคลือบ Gloss  ส่วน Back/Side ขอเป็น satin
แต่ Finish อีกแบบที่ผมชอบมากคือ การเคลือบแบบ Varnish จะเห็นได้ใน  taylor รุ่นล่าง ซีรีย์ 1 หรือ gs mini  แต่มีข้อเสียตรงที่ผิวมันมีความแข็งน้อย ถ้าเอาเล็บเคาะแรงๆ ถึงกับเข้าเนื้อไม้เลย แต่เสียงเปิดดีครับ

[tee_wichai]

รบกวนขอความรู้ด้วยครับ การเคลือบแบบ French polish ดีไม่ดียังไงครับ เห็นกีตาร์ที่ผมไปดูมา ก็ใช้วิธีเคลือบแบบนี้ แต่ช่างก็บอกว่าใช้เวลาค่อนข้างนาน

ขอบคุณครับ

[upandaway94]

รบกวนขอความรู้ด้วยครับ การเคลือบแบบ French polish ดีไม่ดียังไงครับ เห็นกีตาร์ที่ผมไปดูมา ก็ใช้วิธีเคลือบแบบนี้ แต่ช่างก็บอกว่าใช้เวลาค่อนข้างนาน

ขอบคุณครับ

ขออนุญาตยกจากบทความของช่างมดเรื่อง สีเคลือบ เลยนะครับ

"French Polish ก็คือการลงแชล็ก บางๆหลายๆชั้นประมาณ 300-1000 ชั้นเป็นอย่างต่ำ
โดยการเอาแชล็กใส่ในลูกประคบหมาดๆ แล้ววนลงบนตัวกีต้าร์ รอให้แห้ง
แล้วก็วนต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ เทคนิคนี้ จะทำให้สีเคลือบ บางมากๆครับ
ส่วนความ Glossy(ความเงา) จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับทักษะของคนทำ
สำหรับช่างกีต้าร์ไม่แนะนำให้ลองทำนะครับ หากความอดทนต่ำ - ปานกลาง
ผมชอบเสียงของ French Polish กับกีต้าร์คลาสสิกมากครับ เรียกว่าดีที่สุด
สำหรับกีต้าร์คลาสสิกเลยแล้วกัน แต่ข้อเสียคือดูแลยากครับ นิดๆหน่อยๆเป็นรอยเลย
แล้วก็หมองลงได้ง่าย ไม่ทนความชื้น ความร้อน"

[TKCN]

French Polish ให้เสียงที่ดีกว่า แต่เป็นรอยง่่ายและดูแลรักษายากครับ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากีตาร์ที่ใช้ French Polish จะเสียงดีทุกตัวครับ

[shutdown]

เท่าที่รู้นะ French Polish ส่วนมากใช้กับกีตาร์แพงๆ เกรดดีๆ ทั้งนั้น
ผมจึงเชื่อว่า ส่วนใหญ่จะเสียงดีหมดครับ เพราะกีตาร์ระดับเกรดแพงๆ
ผมคิดว่า ส่วนใหญ่ราคาใกล้จะถึง 100,000 ทั้งนั้น กีตาร์ระดับราคานี้ เสียงดีทุกตัว เท่าที่ผมลองมา
ระดับ 10,000 ขึ้นลง เขาไม่ทำแบบ  French Polish เพราะมันเสียเวลาเยอะมาก
 French Polish ใช้กับพวก high end คือมันใช้เวลามาก ราคาก็สูงไปตามระดับงาน


ส่วนใหญ่งานระดับฝีมืออยู่แล้ว
การเคลือบเป็นเพียงเทคนิคส่วนหนึ่งในการทำ finish เท่านั้น แต่เรื่องดูแลยากนั้น ผมว่าจริง
อะไรที่มันบางๆ ย่อมดูแลยาก กว่าพวก finish แบบหนาๆ แน่นอน

[samaklen]

เฟรนช์โพลิส ต้องช่างทำกีตาร์ที่มีความขยันครับ
เพราะว่าเสียเวลาและเหนื่อยมากขึ้นเยอะ
แต่กีตาร์ที่ใช้กรรมวิธีนี้ ก็ไวต่อสภาพแวดล้อม
และต้องดูแลมากขึ้นกว่าแบบเคลือบเงา มากครับ
ช่างทำกีตาร์บ้านเราที่ขยันในเรื่องนี้ ที่เห็นก็มีช่างบี Beeman Guitar ครับ
ขยันเกินเหตุจริง ๆ

[redtopup]

เสียงกีต้าร์ดีไม่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับการลงแลคเกอร์แบบคลึง แต่การลงแลค์เกอร์แบบคลึงเป็นผลงานที่จะไม่ไปลดทอนประสิทธิ์ภาพในการสั่นสะเทือนของไม้ ดังนั้น ถ้า อะไร เหมือนกันทุกอย่าง แน่นอนว่า การลงแลค์เกอร์แบบคลึงนั้นให้เสียงที่ดีกว่าการพ่นแลคเกอร์เคลือบ ซึ่งตรงจุดนี้ ช่างจะมีเผื่อความหนาของไม้เอาไว้ด้วย เวลาช่างจูนท๊อป คือความหนาของไม้หน้า ช่างจะเผื่อเสียงที่ผิดไปเวลาลงแลคเกอร์เอาไว้ด้วย ให้เสียงออกมาพอดีเมื่อกีต้าร์ลงแลคเกอร์แล้ว
แต่การลงแลคเกอร์แบบคลึงมันใช้เวลาลงหลายสิบครั้งมากๆ ลงไม่ถึง 300 ครั้งหลอกครับโม้มากไปแล้ว เกรดของแลค์เกอร์ที่ลงสมัยนี้ ไม่กี่เที่ยวก็ขึ้นเงาแล้วครับ เจอน้ำยาขัดเงาขัดอีกเที่ยวเงาเป็นกระจกแล้ว
หลักหลายสิบครั้งก็ขึ้นเงาแล้วครับ แล้ว ลงน้ำยาชักเงาอีกเที่ยว ผิวก็จะมันแบบโปร่งๆแล้ว
ใสแบบมองทะลุไม่ได้ใสแบบสะท้อนแสงแบบแลคเกอร์แบบพ่น มองด้ายตารู้ได้ว่ากีต้าร์ตัวนี้พ่นแลคเกอร์แบบางมาหรือลงแบบคลึงมา เพราะกีต้าร์บางยี่ห้อใช้แบบพ่นแต่พ่นให้บางที่สุด ดูเผินๆนึกว่าคลึงมา
ประมาณว่าเสียเวลาในการทำมันเลยต้องมาเข้าขากับกีต้าร์ราคาแพงๆ ถึงทำกัน
ลงแลคเกอร์แบบคลึงนั้น เสียงกีต้าร์ฉ่ำกว่าแบบพ่นมันเป็นของแน่นอนอยู่แล้วถ้าทุกอย่างเหมือนกันหมดเพราะแบบคลึงนั้นมันซึมเข้าไปในเนื้อไม้เลย ทำให้แลคเกอร์เกาะไปตามลายเสี้ยนของเนื้อไม้ได้ทุกอณูเนื้อ
งานเนียนไม่เนียน ห้องที่ทำการลงต้องปลอดฝุ่นและต้องกรองแลคเกอร์ด้วย  และเวลาลงก็ต้องลงวันที่แดดจัดๆด้วย ถ้าฝนตั้งเค้าความชื้นจะมาก เวลาลงไปจะไม่ค่อยเงาและใช้ๆไป กีต้าร์จะด่างและขุ่นหน่อยๆ เหมือนพ่นสีรถยนต์ถ้าแดดไม่เปรี้ยง งนพ่นสี
อย่างนึงช๊อปการสร้างกีต้าร์แบบสั่งตัดนั้น เป็นแบบบ้านๆ ดังนั้นเรื่องฝนฟ้าเป็นเรื่องสำคัญ
การลงแลคเกอร์แบบคลึง ก็ คงเหมือนงานไม้ทั่วๆไป ที่ต้องละเอียด ทำความสะอาดผิวชิ้นงานก่อน อุดและปะลายเสี้ยนต่างๆก่อนให้เรียบกริ๊บ สีแต่งลายไม้ก่อนถ้าลายไม้ขาดๆไปบางช่วงนิดๆ
งานลงแลคเกอร์สำหรับกีต้าร์สั่งตัดเนียนไม่เนียนดูที่ขอบครับ ตรงสันต่างๆ ที่เป็นมุมอับเวลาคลึง คลึงไม่ถึง ถ้าช่างเนียนๆ จะใช้พู่กันค่อยๆแต้มแล้วขัด จนดูไม่ออกว่า แลคเกอร์นั้นซ้อนกันคนล๊ะทาง
เกรดของการลงแลคเกอร์แบบคลึง ก็มีแตกรายละเอียดที่ซ่อนในรายละเอียดอีก ไม่ใช่ว่ากีต้าร์ตัวไหนให้ลงแลคเกอร์แบบคลึงแล้วจะงานเนียนเหมือนกันหมด
เรื่องฝุ่น สำคัญมากๆ ทำๆไปเส้นผมคนทำหลุดไปอยู่ในชิ้นงาน  ก็ต้องค่อยๆคีบออก
ดังนั้นงานลงแลคเกอร์แบบคลึงมันเลยไปแมช์กับกีต้าร์ราคาแพงเพราะมันใช้เวลาในการทำนานนั่งเอง
กีต้าร์แบบคลึงอ่อนไหวกับ รอยต่างๆมากๆ เพราะแลคเกอร์นั้นมันบางมากๆ อะไรสกิดนิดหน่อยเป็นรอยขนแมวแล้ว แต่เรื่องอ่อนไหวกับ ดินฟ้าอากาศผมว่ามันปกติ เหมือนกีต้าร์ทั่วไปที่เวลาฝนตกแล้วกีต้าร์เสียงแย่ลง พอๆกัน
ณ ตอนนี้ ช่างที่ลงแลคเกอร์แบบคลึงได้เนียน ที่สุด ผมยกให้ช่าง นรงค์ศักดิ์