อันนี้ที่ตั้งเพราะความสงสัยจริงๆนะครับ ไงๆก็รบกวนหน่อยนะครับทางทีมงาน หรือน้าๆท่าอื่นก็ได้
จากลิงค์นี้ :
http://acousticthai.net/dehumidifier-gw-e-333.htmlผมอยากทราบมากว่า ตอนที่ทางทีมงานเอา Hygrometer หรือเครื่องวัดความชื้นใส่ในกีตาร์
พร้อมกับใส่ GW E333 ท่านได้วางไว้ที่ตำแหน่งไหนของCaseกีตาร์ครับ? Body หรือว่า headstock
ถ้าวางที Headstock area มันจะได้ 45-55% แน่นอน เพราะผมก็ลองมาแล้ว
บวกกับคุณสมบัติทางชีวภาพของ Silicagel จะดูดความชื้นให้ความชื้นสัมพัทธ์รอบตัวอยู๋ถึงแประมาณค่ 40% ครับ
+- ได้นิดหน่อย เพราะมันต้องผสมกับ Relative humidity (RH) ของอากาศจากภายนอก
แต่ทีนี้ Compartment ในกล่องกีตาร์ มันไม่ได้แบบเชื่อมกันซะทีเดียว
ทางผมและเพื่อนๆอีก 3-4 ท่าน ได้ลองใส่แบบที่รีวิวบอกแล้วพบว่า หากวาง Hygrometer หรือเครื่องวัความชื้นที่แถว Body
เช่น ใต้รอยต่อคอ/บอดี้ หรือ zone cutaway เป็นต้น พบว่าไม่ได้ความชื้นถึง 45-55% ครับ (T____T)
อันนี้เพื่อท่านๆอื่นๆที่จะมาซื้อตามนะครับ ไม่รู้ว่าทางทีมงานที่รีวิวมี Method เช่นไร ทำแบบที่ผมทำรึยัง
แต่หากจะให้ Review สมบูรณ์ อยากให้บอกด้วยว่าวาง ตัววัดความชื้น ที่ตำแหน่งใด หากยังไม่ลองวางที่ Soundhole
กระผมขอแนะนำให้ท่านลองวางที่ใต้ Neck ของกีตาร์ หรือ Zone ที่เป็น Body/Soundhole ดูนะครับ
และมาเพิ่มเติมในรีวิวให้ที จะได้เห็นกันชัดๆ
คือผมหวังมากๆๆๆเลย ว่ามันจะทำให้ ทั้ง Case เป็น 45-55% RH จริงๆ เพราะแน่นอน ใครๆก็รักกีตาร์ตัวเองทั้งนั้น
ประเด็นคือ ผมรู้สึกว่ามันจะทำให้แค่ Headstock กับ คอช่วงบนเท่าน้ันน่ะสิ
เหมือนกับว่ามันไม่สามารถเอาความชื้นออกจาก แถว Body ได้ ซึ่งถือว่าผิดหลักการมาก!!!!!!!
เพราะเราต้องการเอาความชื้นออกจาก ตรง Soundhole ซึ่งเป็น Raw surface ที่แลกเปลี่ยนความชื้นได้
ไม่ใช่ผ่านแลกเกอร์ที่เคลือบกีตาร์ ความจริง ไอที่ดูด มันยังไม่ถึง Body เลยมั้ง เหมือนอากาศมันไม่หมุนเวียนอะคับ
แต่ทั้งนี้ Fretboard ก็คงจะมีคุณภาพที่ดีหลังจากเราใส่ไปแน่ๆ แต่ลองดูละกันนะครับ
เพราะว่าสุดท้าย เสียงดีไม่ดี มันอยู่ที่ความชื้นในตัวกีตาร์ ซึ่งเป็นส่วนที่ Resonate สร้างการกำทอนเวลาเราเล่นอะคับ
อยากให้ช่วยๆกันทำให้รีวิวสมบูรณ์เพื่อที่จะได้หาสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่กีตาร์เรานะครับ
เพราะว่าไม่งั้น ซื้อมาอาจจะไม่ค่อยได้อะไร เพราะสุดท้ายก็ต้องคอยชาจให้มันอยู่ดี เพราะมีการรั่วของความชื้นภายนอกเข้าเคสได้
และถ้าหากมันไม่ช่วยจริง เช่นในกรณีผมและเพื่อนๆชาวกีตาร์ได้ทดลองซื้อที่ดูดมาแล้ววางที่วัดความชื้น ซึ่งทดสอบว่าวัดได้เท่ากันคือยังสูงไป
โดยผมและเพื่อนๆวางที่วัดไว้ที่ 2 ตำแหน่ง คือตรง headstock กับ Body ตอนที่ไม่ใส่ที่ E333 นี้ ได้ผลว่าทั้งความชื้นและอุณหภูมิเท่ากันทั้ง 2 ที่ในกล่อง
แต่พอใส่ Dehumidifierเข้าไป ตรง headstock พบว่า แค่ความชื้นที Head ลด แต่ที่ Soundhole/body ไม่ลดครับ
ฉะนั้นหากทีมงานได้ทดลองแล้วพบผลการทดลองแบบที่ผมและเพื่อนๆได้ทำ (ขอโทษไม่มีภาพปลากรอบ)
จะได้ไปหา เครื่องดูดความชื้นแบบไฟฟ้าชาร์จได้ ที่ขนาด "เล็กกว่านี้" มาใส่แถว Body/Soundhole แทนครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอบคุณทีมงานมากๆ ที่เอาสิ่งดีๆมาให้ผู้เล่นกีตาร์ทั้งหลายได้ทราบกันถ้วนหน้า
กระผมไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ใดๆ อยากช่วยเหลือทุกคนครับ คนไทยกันเอง อยากให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด
ทั้งนี้การทดลองของผม อาจผิดพลาด ไม่ประสบความสำเร็๗ในการลดความชื้นอาจเป็นได้หลายปัจจัย
ตั้งแต่ ความชื้นแถวบ้านผม/ในห้อง มากเกินไป หรือจากที่อุปกรณ์ของผมไม่ดีพอก็เป็นได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากรบกวน น้าๆ หรือ ทีมงาน ผู้มีประสบการณ์และอุปกรณ์มาลองทดลองกันนะครับ
ปลล. ต้นเดิมนั้น Taylor แนะนำอุปกรณ์ใส่เซฟปืนชื่อ EVA-DRY 333 หน้าตาเหมือน GW E333 ที่ MC เอามาขายเป๊ะๆ
ผมเคยซื้อมาและ น้าๆบางท่านอาจจะเคยผ่านชื่อ ผ่านหน้าผ่านตามา ประเด็นคือ
333 มาจาก 333 ลูกบากศ์ฟีต หรือแปลคือ ครอบคลุมพื้นที่(ปริมาณ)ประมาณ กว้าง 7 x ยาว 7 x สูง 7 ฟุต (เยอะอยู่นะ)
แต่ถ้าวางตรง head stock แลวมันไม่ดูดตรง Body/soundhole ให้ ใส่ไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี (แต่ก็ยังดีกว่าใส่ Silical pack เล้กๆจ้า)