ขอคั่นฉากด้วยเรื่องเล่าประสบการณ์.........นะขอรับ (เสียดายเขียนไม่ทันวันฮาโลวีน 555)
ประสบการณ์กุ๊กกุ๊กกู๋ ณ.ภูกระดึง
ประสบการครั้งนั้นเมื่อประมาณเกือบสิบปีก่อน ที่ภูกระดึงนี่แหละครับ ตอนนั้นผมแบกเต้นท์ไปกางนอนคนเดียวด้วยส่วนตัวเป็นคนชอบความสันโดษเที่ยวคนเดียวเก็บความทรงจำใส่สมอง โดยไม่ถ่ายรูปเก็บใว้ด้วย สมัยนั้นมีความคิดว่าเก็บทุกอย่างใว้ในความทรงจำถ้าลืมเมื่อไหร่ก็จะไปเที่ยวเพื่อเก็บความทรงจำใหม่ เหตุที่เกิดคือผมไปอยู่ประมาณวันที่สองแล้วปรกติก็ไปตามแห่เหมือนชาวบ้านเขาคือเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเย็นไปดูพระอาทิตย์ตก กลางวันเดินดูรอบๆใกล้ (ผมไม่กินเหล้าเพราะฉนั้นมีสติตลอดไม่เคยเมา) วันนั้นตอนเย็นเบื่อคนเยอะๆอยากไปเดินสัมผัสธรรมชาติคนเดียวแบบที่ผมชอบ เลยเตรียมตัวไปเดินเล่นพกเป้สนามใบเล็กพร้อมอุปกรณ์ไฟฉาย ผ้าปูนั่ง ของกินเล่นนิดหน่อย และพร้อมด้วยมีดสปาต้ายาว12" ไปด้วย1เล่ม พอกำลังจะออกเดินทาง พี่น้องสองสาวพร้อมกับแฟนหนุ่มของเขาอีก1คนที่อยู่เต้นท์ข้างๆขอไปด้วยผมก็โอเคไปก็ไป ตกลงก็ออกเดินทางชายสองหญิงสองคุยกันฉันมิตรผมไม่ใด้หลีเขาเพราะเขาบอกว่ามีแฟนแล้วแต่แฟนไม่ชอบเดินเขาเลยไม่ยอมมาด้วย ปรกติตอนเย็นคนส่วนใหญ่เขาจะเดินทางไปดูพระอาทิตย์ตก แต่ผมเป็นคนส่วนน้อยพิศดารเสือกรู้สึกว่าไปดูพระอาทิตย์ตกทางผาหล่มสักมาแล้ว วันนี้ลองไปดูพระอาทิตย์ตกทางผานกแอ่นที่ปรกติเขาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นดีกว่า ผมผิดตั้งแต่ออกเดินทางแล้วเพราะชะร่าใจตัวเองไปว่าตัวเองดูทิศเป็นแทนที่จะเดินตามทางใหญ่ๆที่เขาเดินกัน กับไปเดินทางเล็กหลังลานกางเต้นที่เจ้าหน้าที่ใช้กะว่าเดินตัดเอาน่าจะเร็วกว่าเริ่มเดินออกทมาหน่อยก็เห็นถนนที่ทางอุทยานเขาน่าจะกำลังทำทางเดินใหม่ก็เดินกันไปเรื่อยๆเดินกันไปคุยกันไปไม่มีจุดหมายอะไรเพราะออกมาเดินเล่นดูพระอาทิตย์ตก เดินกันไปเดินกันมารู้สึกว่าฉิบหายแล้วกูเดินหลงนี่หว่าดูในแผนที่ทางเดินในคู่มือก็ใช้ไม่ใด้เพราะว่าเราไม่ใด้เดินในทางปรกติ ทางที่เดินก็รู้สึกว่าเป็นทางเดินที่ไม่ค่อยมีใครใช้เพราะทางเดินทีรอยทางด่านแต่มีต้นหญ้าขึ้นมาเอนมาบังทางเดินอยู่บ้าง (เริ่มรกละครับ) เวลาเจอทางแยกก็พยายามจับทิศที่จะมุงมาทางผานกแอ่น ปัญหามันมาตรงที่พอเวลาเริ่มเย็นใด้ที่แล้ว มันมีเสียงเพื่อนร่วมทางมาด้วยเพื่อนร่วมทางที่ว่าเขาไม่เดินทางปรกติครับ เขาเดินในพงหญ้าด้านข้างทางมีเสียงฝีเท้าเหยียบกับหญ้ามีเสียงหญ้าและกิ่งใม้ลู่ละไปกับตามลำตัวผมก็เริ่มใด้ยินเสียงแต่กลัวน้องๆสาวๆที่ตามมาเขาก็จะกลัว ผมเลยไม่ใด้พูดอะไรผมก็เริ่มจับสังเกตุผมหยุดเดินเสียงก็จะหยุดด้วยตอนแรกก็คิดว่าเป็นไปใด้สองอย่างอาจจะเป็นสัตว์ที่อยากรู้อยากเห็นอาจจะเป็นกวางหรืออีเห็นหรือที่น่ากล้วอาจจะเป็นคนที่คิดมิดีมิร้ายเพราะว่าสองสาวที่ตามมาด้วยค่อนข้างสวยมาก แต่ไอเสียงที่ว่านี่ไม่ธรรมดาเพราะบางทีเดินอยู่ในพงหญ้าซ้ายมือบ้าง บางที่อยู่ขวามือบ้าง เสียงที่เดินนี่ก็ย่ามใจเดินมาประมาณเสมอกันเลยแต่อยู่ในพงหญ้าข้างทางแต่ไม่ไม่เห็นตัวเท่านั้น จนน้องๆที่ตามมาด้วยเขาก็เริ่มใด้ยินครับผมก็รู้สึกว่าเขาเริ่มกลัวเพราะเดินมาจนติดผมแล้ว ผมเลย่สึกว่าเอาไงเอากันว๊ะ เอามีดมีดสปาต้ายาว12"ที่พกอยู่ในเป้ออกมา(เป็นมีดที่พ่อผมเอาใว้ติดรถเวลาไปไหนมาไหนแต่พ่อผมเคยนำไปเขาพิธีพุทธาภิเษกที่วัดอาจารย์พ่อผมมาด้วย) พร้อมบอกกับน้องๆที่มาด้วยว่ามันเริ่มจะมืดแล้วผมจะเดินเร็วขึ้นจากที่เดินแบบเรื่อยๆชมนกชมไม้เป็นเดินเร็ว แต่ไม่ใด้วิ่งนะครับเพราะตอนนั้นก็หลงทางอยู่แล้ว555+ ผมก็เอามืดเริ่มฟันหญ้าที่ขึ้นมาปิดทางเดินไปเรื่อยเพราะหญ้าขึ้นรกมากแต่เห็นรอยทางเดินเล็กๆอยู่ประมาณรอยที่คนใช้เดิน เสียงที่ตามมาก็เป็นมิตรแท้จริงๆผมหยุดเดินเสียงเดินเขาหยุดด้วย ผมเดินเร็วเขาเดินเร็วด้วยเขาเดินมาส่งเป็นเพื่อนร่วมทางจนผมจับเข้าทางหลักใด้ที่ใกล้ๆลานโล่งๆที่มีพระพุทธรูปอยู่กลางลานครับก็เลยชวนน้องๆเขาจุดธูปไหว้พระขอพรแล้วก็เดินตามทางหลักกลับลานกลางเต้นท์แบบแฮ็ปปี้แอนดิ้ง หลังจากที่ผมจับเข้าทางหลักใด้เสียงเขาก็หยุดอยู่แค่พงหญ้าริมทางตรงนั้น เป็นประสบการณ์เที่ยวเดินป่าแบบเสียวเล็กน้อยถึงปานกลางครับ หุหุหุ
ปล.ผมเป็นคนประเภทที่คิดว่าสิ่งเล้นลับมีแต่ไม่ใด้กลัวผีเพราะต่างคนต่างอยู่ ใครที่ไม่เคยเจอผมก็ว่าดีครับ ไม่เจอเป็นดีที่สุด