กีต้าร์ท้องป่อง
ท้องป่องนี่เป็นเรื่องปกติของกีต้าร์โปร่งในเมืองไทยครับ กีต้าร์โปร่งส่วยใหญ่เขาผลิตในโรงงานที่ควบคุมความชื้นที่ประมาณ RH = 40% พอมาถึงเมืองไทยก็เจอความชื้นร่วม 100% ไม้มันก็ดูดความชื้นจากอากาศและขยายตัวออกแต่มันขยายไปด้านข้างไม่ใด้เพราะติดไม้ที่ประกบข้างมันก็เลยต้องป่องไงครับ
วิธีแก้ก็คือการพยายามเอาความชื้นออกครับ เรื่องนีพูดง่ายแต่ทำยากดังนั้นถ้ามันจะป่องก็ปล่อยให้มันป่องไป
อีกสาเหตุที่ทำให้ท้องป่องก็คือการใช้สายเบอร์ใหญ่ไป กรณีย์นี้ถ้ามองด้านข้างจะเห็นด้านหน้ายุบและด้านหลัง bridge ป่อง ผมยังไม่เคยเห้นเคสนี้ไนเมืองไทยเพราะร้อยทั้งร้อย bridge มันจะเผยอหรือหลุดก่อน
จำไว้แล้วกันครับว่าความชื้น + สายเบอร์ใหญ่คือตัวการใรเรื่องท้องป่องและ bridge หลุด มีกีต้าร์หลายรุ่นที่เขาใส่สายเบอร์ .013" มาจากโรงงานอย่างเช่น Martin D, Gibson SJ, Taylor D, GS Mini แต่พอมาอยู่บ้านเราถ้าไม่เปลี่ยนเป็นเบอร์ .012" ผมเห็น bridge กระเด็นมาหลายตัวแล้ว
ถ้าเป็นกีต้าร์เก่านั้นอาการท้องป่องมันเกิดจากการล้าของไม้ครับเหมือนกับคนอายุมากจะเริ่มลงพุงเพราะกล้ามเนื้อท้องมันล้านั่นแหละ อาการที่เกิดจากความชรานี่ถ้าไม่ทำ neck reset ใหม่ก็ต้องใช้ JLD Bridge Doctor ( Stewmac) มาช่วยครับ
ความชื้นมีผลมากกับคอกีต้าร์ครับเพราะถ้าความชื้นน้อย fingerboard จะหดและ fret จะยื่นออกมาด้านข้าง ถ้าเอามือลูบด้านข้างคอแล้วสะดุดปลายเฟร็ตก็แสดงว่ากีต้าร์ตัวนั้นแห้งเกินไปครับ ส่วนถ้าชื้นเกินไปนั้นถ้าเป็นคอ NT Joint รุ่นแรกของ Taylor หรือ Mortise & Tenon Joint ยุคแรกของ Martin มักเกิดปัญหา fingerboard ปูดบริเวณเฟร็ต 14-16 ครับ
สวนอาการท้องป่องนั้นถ้ามันป่องไม่มากจนเล่นไม่ใด้ก็ปล่อยมันไปเถอะครับ ถ้าจะเอา silica gel ใส่ในตัวกีต้าร์เพื่อดูดความชื้นนั้นก็ทำใด้ครับแต่ควรทำตามขั้นตอนดังนี้
1. ถอดสาย
2. เอาที่เป่าผมเป่าด้านในของกีต้าร์เพื่อไล่ความชื้น อย่าเป่านานจน bracing หลุดก็แล้วกัน
3. เอาถุง silica gel ขนาดไม่ต่ำกว่า 100 กรัมใส่ในตัวกีต้าร์แล้วเอา soundhole plug มาปิดรู ถ้าไม่มีเอาอะไรปิดแทนก้ใด้
4. เอาที่เป่าผมไล่ความชื้นในกล่องด้วยก่อนเก็บกีต้าร์ลงกล่อง
5. เปิดกล่องมาดูสภาพหลังสามวัน ถ้ายังป่องก็ทำใหม่อีกหน ถ้าทำสองหนแล้วยังป่องอยู่ก็ต้องหาวิธีอื่นครับ