หลังจากที่คุ้นๆว่าเคยอ่านผ่านตามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมลองไปค้นจากกองหนังสือที่สะสมไว้จนเจอความรู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและน่าสนใจครับ (อ้างอิงจากหนังสือ Overdrive ฉบับเดือน เมษา 2004 , #อาจารย์ปู่สอนว่า)
ฉบับนี้น่าจะไม่มีขายย้อนหลังแล้ว ขออนุญาตคัดลอกข้อความส่วนหนึ่งมาแบ่งปันกันในนี้นะครับ
----------------------------------------------------------------------------------
ระบบการอ่านเขียนโน้ตดนตรี สำหรับชื่อตัวโน้ตที่เรียก โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด นับรวมกันได้ 8 เสียงนั้น ในตำราเรียกว่า Syllabic หรือ Syllables System หมายถึง "ชื่อตัวโน้ตตามลำดับเสียง" เรียกในภาษาอังกฤษว่า Pitch Names หมายความถึงว่า ชื่อของตัวโน้ตแต่ละตัวเหล่านี้ จะบอกถึงระดับความสูงต่ำของเสียงดนตรี แต่ละเสียงที่อยู่ในขั้นต่ำสูง ต่างๆกันออกไปโดยไม่ซ้ำกัน ต่อมาในภายหลังพวกครูฝรั่งในอังกฤษเห็นว่า ชื่อตัวโน้ตเหล่านี้ เมื่อมาเขียนในภาษาอังกฤษว่า Do Re Me Fa Sol La Ti Do ฟังดูแล้ว ไม่ใช่ของพวกเราชาวอังกฤษ ก็เลยเขียนเสียใหม่ว่า Doh Ray Me Fah Soh Lah Te Doh เรียกว่าระบบ Tonic Sol-Fa เอาไว้ใช้ในการร้องออกเสียงโดยเฉพาะ และยังคิดตั้ง "A B C D E F G A" เรียกในภาษาอังกฤษว่า Alphabetic หรือ Alphabetical Names ขึ้นมาไว้ใช้เรียกชื่อตัวโน้ตในการอ่านเขียน และรวมทั้งยังคิดตั้ง "ชื่อตัวโน้ตตามลำดับเลขหมาย" คือใช้ตัวเลข 1 2 3 4 5 6 7 8 เรียกในภาษาอังกฤษว่า Numerical Names หรือถ้าเมื่อเปลี่ยนเป็นใช้ตัวเลขโรมัน I II III IV V VI VII VIII กำกับควบคู่กันไป เพื่อจะใช้จำแนกให้คำอธิบาย ถึงความสำคัญของตำแหน่งตัวโน้ต ในการอ่านเขียนทางทฤษฎี เวลาจะเรียนจะสอนกันในเรื่อง Harmony หรือ Counterpoint ก็เรียกว่า Degree Names สังเกตว่าชื่อตัวโน้ตทั้ง 6 ระบบ เมื่อเขียนเทียบเคียงดูแล้วก็จะตรงกันดังนี้ สำหรับชื่อตัวโน้ตที่เขียนว่า Ut Re Mi Fa Sol La Si นั้นเป็นชื่อที่ใช้อยู่ในสมัยของครูกีโด
Solmization System Ut Re Mi Fa Sol La Si
Syllabic System Do Re Mi Fa Sol La Ti Do
Tonic Sol - Fa Doh Ray Me Fah Soh La Te Doh
Alphabetical Names C D E F G A B C
Numerical Names 1 2 3 4 5 6 7 8
Degree Names I II III IV V VI VII VIII
ถึงตรงนี้อาจจะสงสัยกันว่า ทำไมชื่อตัวโน้ตตามลำดับตัวอักษร A B C D E F G อันเป็นตัวอักษร 7 ตัวแรกในภาษาอังกฤษ จึงไม่ตรงกับชื่อตัวโน้ตตามลำดับเสียง โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด มาเสียตั้งแต่ทีแรก แต่กลับตรงกันตั้งแต่ตัวอักษร C เรียงย้อนไปตามลำดับ เรื่องนี้ค้นหาหลักฐานไม่พบว่า พวกฝรั่งอธิบายกันมาตั้งแต่สมัยโบราณนานกาเลว่าอย่างไร อาจจะมีที่มาจากเรื่องของลักษณะ การจัดเรียงลำดับตำแหน่งตัวโน้ตที่เรียกว่า Mode หรือ Modal Scale ที่ใช้สืบทอดกันมา จากบทเพลงขับร้องของชาวกรีกโบราณก่อนหน้านั้น อันมีวิธีจัดเรียงลำดับชื่อตัวโน้ตดนตรีให้เป็นระเบียบเรียกว่า Mode อยู่ในหลายๆรูปแบบ และบรรดา Mode เหล่านี้ ต่อมาเมื่อเรียกใช้ชื่อเรียงตามลำดับตัวอักษรในภาษาอังกฤษ (Alphabetic) ก็จะต้องคิดวิธีเริ่มต้นนับกันตั้งแต่ A B C D E F G ในรูปลักษระที่ต่อๆมา เรียกว่า Diatonic Scale ตามตัวอย่างต่อไปนี้ สังเกตว่าการจัดเรียงลำดับเสียง โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด ตามรูปตารางข้างบน ที่ไปตรงกับระบบชื่อตามตัวอักษร C D E F G A B C ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของวิธีการจัดลำดับเสียง และนับว่าเป็น Mode หนึ่งในรูปลักษณะเหล่านั้น
Mode 1 A B C D E F G A
Mode 2 B C D E F G A B
Mode 3 C D E F G A B C
Mode 4 D E F G A B C D
Mode 5 E F G A B C D E
Mode 6 F G A B C D E F
Mode 7 G A B C D E F G
ในรูปแบบของการจัดเรียงลำดับเสียงตัวโน้ตเหล่านี้ แต่ละชุดก็เรียกว่า Mode มีชื่อเรียกเฉพาะเป็นชุดๆไป ซึ่งในสมัยต่อมา ก็มาเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า Scale แบ่งออกเป็นชนิด Major และชนิด Minor ต่างๆ แยกแยะออกไปอีก ตรงนี้จะต้องสังเกตว่า Mode ชุดต่างๆเหล่านี้ เมื่อเขียนโดยใช้ชื่อตัวโน้ตตามลำดับ (Syllabic) เรียงตรงตามระบบชื่อตัวอักษร (Alpahbetic) ก็จะเขียนได้ดังนี้ และอาจจะเป็นคำอธิบายว่าเหตุใดชื่อตามระบบตัวอักษร A B C D ฯลฯ จึงไม่ตรงกับชื่อตามลำดับเสียง โด เร มี ฟา ฯลฯ มาเสียตั้งแต่ในชั้นแรก
Mode 1 ลา ที โด เร มี ฟา ซอล ลา
Mode 2 ที โด เร มี ฟา ซอล ลา ที
Mode 3 โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด
Mode 4 เร มี ฟา ซอล ลา ที โด เร
Mode 5 มี ฟา ซอล ลา ที โด เร มี
Mode 6 ฟา ซอล ลา ที โด เร มี ฟา
Mode 7 ซอล ลา ที โด เร มี ฟา ซอล
----------------------------------------------------------------------------------
ซึ่งผมอ่านแล้วก็ยังงงๆอยู่ ส่วนตัวทำความเข้าใจได้ว่า แรกเริ่มเดิมทีเมื่อก่อนมีการเรียงลำดับตัวโน้ตตาม Mode แล้ว Mode 3 ก็มีการเรียกในตอนต่อๆมาว่า Major Scale ซึ่งตรงกับ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด
แล้วในเวลาต่อๆมาหลังจากนั้นก็มีการคิดค้นทฤษฎีหรือชื่อเรียกต่างๆแตกออกมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน
ปล. คนที่คิดค้นโน้ตดนตรีไว้ให้เราได้อ่านเขียนกันไม่ใช่นักดนตรีนะครับ