ขอบพระคุณอย่างสูงครับบบบบ แต่อยากจะรู้เรื่อง mode จริงๆ ครับ ช่วยอธิบายให้ทีเถอะคร้าบบบ
ว่ากันด้วยเรื่องของ mode บน major scale
โพสต์27 ก.ค. 2553, 1:29โดยJackrit Tangsangawong [ อัปเดต 9 ส.ค. 2553, 12:41 ] อย่างที่หลายๆคนรู้นะครับว่า
Mode ก็คือ scale ที่มีการเปลี่ยน tonality
หรือ เอาภาษาง่ายๆก็คือ เปลี่ยน root ของ scale นั่นเอง
เช่น C major scale (อีกแล้วครับท่าน)
มีโน๊ต C D E F G A B
เมื่อนำมาเขียนแบบ mode ก็เป็นดังนี้...
1. C D E F G A B C ชื่อโหมด C Ionion
2. D E F G A B C D ชื่อโหมด D Dorian
3. E F G A B C D E ชื่อโหมด E Phrygian
4. F G A B C D E F ชื่อโหมด F Lydian
5. G A B C D E F G ชื่อโหมด G Mixolydian
6. A B C D E F G A ชื่อโหมด A Aeolian
7. B C D E F G A B ชื่อโหมด B Locrian
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า มันก็ยังเป็น C major scale อยู่ดี!?
ถ้าอย่างนั้น คำถามคือ...
Mode จะแตกต่างกับ scale ตรงไหน?
หรือมันมีไว้ให้ฝึกกันงงๆ จะได้ดูเหมือนคนมีความรู้? 555
เปล่าหรอกครับ ความแตกต่างนั้นมันมีอยู่
ความสำคัญของ mode ก็คือ...
เพื่อให้เรา เห็นโน๊ตนั้นๆเป็นตัวที่หนึ่ง
เช่น ถ้าเราเล่น E phrygian มันก็แค่ไล่ C major scale
โดยเริ่มจากโน๊ตตัวที่สาม!
เห็น มั้ยครับว่า เรามอง E เป็นโน๊ตตัวที่สามไปเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งผิดจุดประสงค์ของความเป็น mode
ในสมัยอดีตตั้งแต่เพลง classical ยัน jazz
มีการประพันธ์เพลง แบ่งออกเป็นสองช่วง ของแนวความคิด
ยุคหนึ่งเคยเป็นยุค เฟื่องฟูของการประพันธ์เพลงอิง scale
และอีกยุคหนึ่ง เคยเป็นยุคของการประพันธ์แบบอิง mode
ขออนุญาติหยิบยกเพลงง่ายๆ เพื่อให้เห็นภาพกันนะครับ
เช่น เพลง Oye Como Va ของ Carlos Santana
มี progression chord ดังนี้...
| Am | D C | Am | D C |
จะ เห็นได้ว่า tonality หรือภาพรวมของคอร์ดชุดนี้
คือ A minor แต่ถ้าเราใช้ A minor scale ล่ะก็
ไม่ใช่แล้วครับ คิดกันง่ายๆคือ มันมีคอร์ด D มาเกี่ยว
ถ้าดู triad ของคอร์ด D ซึ่งมีโน๊ต 1 - 3 - 5 เป็น
D - F# - A ก็จะเห็นได้ว่า มันมีโน๊ตนอกเหนือจาก
scale A minor มาตัวหนึ่ง นั่นคือตัว F#
ดังนั้น จึงบอกได้ว่า มันเป็น A dorian มากกว่า
*(แอบทวนความรู้กันนิดนึงนะครับ Am นั้นเป็นคอร์ดในตระกูลไมเนอร์
แล้ว D กับ C ล่ะครับ เป็นคอร์ดในตระกูลอะไร? ลองคิดกันดูเล่นๆเนอะ
ถ้าแม่นเรื่อง diatonic จากคราวที่แล้วล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องยากเลย)*
อันนี้เป็น ตัวอย่างง่ายๆ ในการมองโหมดนะครับ
จะเห็นได้ว่า เรามอง A dorian เป็น Aminor ไม่ใช่ว่า
มันเป็นแค่โน๊ตตัวที่สองของ Gmajor scale เลย
การ ใช้โหมดต่างๆนั้น จะขึ้นอยู่กับคอร์ดเป็นหลัก
ซึ่งในแต่ละโหมดก็จะมี avoid note(โน๊ตที่ควรหลีกเลี่ยง) อยู่ด้วย
เช่น...
Ionion มี avoid note ตัวที่ 4
Dorian มี avoid note ตัวที่ 6(อันนี้ผมไม่เห็นด้วยแฮะ 555)
Phrygian มี avoid note ตัวที่ 2 และ 6
Lydian ไม่มี avoid note
Mixolydian มี avoid note ตัวที่ 4(อันนี้ผมก็ไม่เห็นด้วยอีกแหละ)
Aeolian มี avoid note ตัวที่ 6
Locrian มี avoid note ตัวที่ 2
คำว่า "โน๊ตที่ควรหลีกเลี่ยง" ไม่ได้หมายความว่า "ห้ามเล่น" นะครับ
แต่ต้องดูเป็นคอร์ดๆไป บางคอร์ดใช้ไปแล้ว "โอ้ว์! คุณดูดีมากเลยนะ"
แต่บางคอร์ดถ้าใช้ไปแล้ว เพื่อนร่วมวง อาจหันมาสรรเสริญเอาได้ ^^!
เค้าถึงเรียกว่า avoid note
ยก ตัวอย่างเช่น...
ในคีย์ C ถ้าเราเล่นโน๊ตตัวที่ 4 (F) ลงไปในจังหวะแรก (down beat)
ของคอร์ด C major แล้วลองฟังเสียงดูสิครับ บรึ๋ยยยส์!! สยองเชียว
(เพราะมันคือ Ionion ซึ่งมี avoid เป็นโน๊ตตัวที่ 4 ไงครับ)
แต่ ขณะเดียวกัน ในคีย์ C ถ้าเราเล่นโน๊ตตัวเดียวกันนี้ บนคอร์ด Dm
มันกลาย เป็นโน๊ตที่ดี เพราะมันเป็นขั้นคู่ที่ 3 ของคอร์ด
(หรือจะมองว่ามันคือ D dorian ซึ่งไม่ได้ avoid โน๊ตตัวที่ 3 ก็ได้ครับ)
การเขียนเพลง หรือ การสร้างชุดคอร์ดจากโหมดต่างๆนั้น
จะมีการเปลี่ยนแปลงคอร์ดออกไปจาก คีย์เดิม ที่อิงจาก
Major scale เป็นหลัก หรือว่ากันง่ายๆก็คือ จะมีคอร์ดที่อยู่นอกคีย์
เข้ามาเกี่ยวด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องที่วุ่นวายพอดู
สำหรับคนที่ไม่คุ้นกับ sound หรือวิธีคิดแบบนี้มาก่อน
ความจริงมันมีหลักในการคิดอยู่ครับ ไว้จะอธิบายเพิ่มเติม
ทีหลังเนอะ (ติดไว้ก่อนอีกและ 555)
(ลองหาเพลง Nardis มาฟังดูก็ได้ครับ แล้วถ้ามีโอกาศจะมา
อธิบายทางคอร์ดให้ฟัง เพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่ไม่ยากมาก
และใช้ phrygian mode เป็น home key ครับ)
ที่มาครับ
https://sites.google.com/site/jackritjazz/Jackrit/Bulletin/majorMode